พบผลลัพธ์ทั้งหมด 13 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแถลงเท็จต่อศาลและการละเมิดอำนาจศาล กรณีเติมข้อหาในคำฟ้องภายหลัง
ฟ้องเดิมระบุมาตราที่ขอให้ลงโทษจำเลยเพียงมาตรา 314 ครั้นศาลตรวจฟ้องมีคำสั่งให้ยกฟ้องเสียโจทก์อุทธรณ์และได้มีการบังอาจเติมมาตรา 304 ลงในคำขอท้ายฟ้องในสำนวนที่อยู่ในความดูแลรักษาของศาลศาลเรียกทนายโจทก์และผู้เขียนฟ้องเดิมมาสอบถาม คนทั้ง 2 ยังยืนยันแถลงเท็จต่อศาลว่ามีมาตรา 304 ในฟ้องเดิมก่อนแล้วโดยไม่มีความเคารพยำเกรง ศาลทำให้เกิดความเสียหายแก่ราชการศาลดังนี้ ต้องถือว่าได้ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลได้แล้ว แม้ไม่ได้กระทำลงต่อหน้าศาลก็เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับเงินสินบนนำจับ: ผู้นำจับมีสิทธิรับเองหรือมอบฉันทะ แต่ห้ามอัยการรับแทนโดยไม่มีฉันทะ
เงินค่าสินบนนำจับในคดีผิด พระราชบัญญัติการพนันนั้น ศาลพิพากษาให้แก่ผู้นำจับ ฉะนั้น ผู้นำจับมีสิทธิที่จะมารับเองหรือมอบฉันทะให้โจทก์หรือผู้ใดมารับแทนก็ได้ แต่อัยการโจทก์จะมาขอรับโดยลำพังตนเองโดยมิได้มีการมอบฉันทะจากผู้นำจับหาได้ไม่ เทียบได้กับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 43 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2494)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจอัยการสั่งจ่ายค่าสินบนผู้จับกุมคดีลักลอบนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักร
ในกรณีที่ฟ้องผู้ลักลอบนำสินค้าที่ต้องห้ามออกไปนอกราชอาณาจักรอันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติศุลกากรและพระราชบัญญัติควบคุมการออกไปนอกฯลฯ นั้น อัยการมีอำนาจขอให้ศาลสั่งจ่ายค่าสินบนและรางวัลแก่ผู้จับตาม พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกฯลฯ มาตรา 9 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับสินบนนำจับในคดีความผิดพ.ร.บ.อากรฆ่าสัตว์: ศาลมีหน้าที่สั่งแบ่งค่าปรับเป็นสินบน
ในกรณีที่จำเลยฆ่ากระบือโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นผิดตามพ.ร.บ.อากรฆ่าสัตว์ นั้นอัยการมีอำนาจขอให้ศาลสั่งจ่ายสินบนแก่ผู้แจ้งความรับสินบนนำจับมาในฟ้องได้และเป็นหน้าที่ของศาลจะต้องสั่งแบ่งค่าปรับให้เป็นส่วนค่าสินบนนำจับไว้ตามมาตรา 3 ตอนท้าย แห่งพ.ร.บ.อากรฆ่าสัตว์(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2490
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง, การเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม, การแบ่งมรดก, สิทธิในสินสมรส และผลกระทบการตายของโจทก์ระหว่างคดี
ภรรยาเป็นโจทก์ฟ้องในฐานะส่วนตัวและผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กผู้เป็นบุตรเรียกทรัพย์ของสามีผู้เป็นบิดาของบุตรจากปู่ของบุตร ดังนี้ แม้การฟ้องในฐานะเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็ก จะไม่ชอบเพราะเป็นอุทลุมแต่ที่ฟ้องในฐานะส่วนตัวยังสมบูรณ์อยู่ ฉะนั้นอัยการในนามของเด็กบุตรโจทก์ย่อมมีสิทธิร้องสอดเข้าเป็นโจทก์ร่วมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของเด็กให้ได้รับความคุ้มครองได้
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยโดยอ้างว่า เป็นของผู้ตายและโจทก์เป็นทายาท เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า เป็นทรัพย์ของผู้ตายกับจำเลยคนละครึ่งและจำเลยก็เป็นทายาทผู้หนึ่งด้วยเหมือนกัน ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งทรัพย์รายนั้นออกเป็น 2 ส่วนก่อนแล้วให้แบ่งส่วนของผู้ตายให้แก่โจทก์จำเลยผู้เป็นทายาทตามส่วนที่ตนมีสิทธิได้
อัยการในนามของเด็กฟ้องเรียกมรดกของบิดาเด็กจากปู่ของเด็กเมื่อเด็กบางคนตายในระหว่างคดี อัยการก็ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์สำหรับเด็กคนที่ตายนั้นต่อไป แต่ศาลก็พิพากษาให้เด็กที่ยังอยู่ได้รับส่วนแบ่งตามส่วนของตนที่มีอยู่เดิม ส่วนของเด็กที่ตายซึ่งเหลือจากแบ่งให้เด็กที่ยังอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่จะเรียกร้องกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
ฟ้องเรียกเงินทั้งหมดได้ความว่า เป็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน ศาลพิพากษาให้แบ่งไปเลยแต่โจทก์ไม่สมควรได้ดอกเบี้ย
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยโดยอ้างว่า เป็นของผู้ตายและโจทก์เป็นทายาท เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า เป็นทรัพย์ของผู้ตายกับจำเลยคนละครึ่งและจำเลยก็เป็นทายาทผู้หนึ่งด้วยเหมือนกัน ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษาให้แบ่งทรัพย์รายนั้นออกเป็น 2 ส่วนก่อนแล้วให้แบ่งส่วนของผู้ตายให้แก่โจทก์จำเลยผู้เป็นทายาทตามส่วนที่ตนมีสิทธิได้
อัยการในนามของเด็กฟ้องเรียกมรดกของบิดาเด็กจากปู่ของเด็กเมื่อเด็กบางคนตายในระหว่างคดี อัยการก็ไม่มีอำนาจเป็นโจทก์สำหรับเด็กคนที่ตายนั้นต่อไป แต่ศาลก็พิพากษาให้เด็กที่ยังอยู่ได้รับส่วนแบ่งตามส่วนของตนที่มีอยู่เดิม ส่วนของเด็กที่ตายซึ่งเหลือจากแบ่งให้เด็กที่ยังอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่จะเรียกร้องกันอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
ฟ้องเรียกเงินทั้งหมดได้ความว่า เป็นของโจทก์จำเลยร่วมกัน ศาลพิพากษาให้แบ่งไปเลยแต่โจทก์ไม่สมควรได้ดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1564/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัยการไม่มีอำนาจฟ้องแทนเด็ก หากไม่ใช่ผู้บุพการี
ป้าไม่ใช่เป็นผู้บุพการีของเด็ก อัยการจึ่งไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องป้าแทนเด็กรวมเข้ามาในคดีอุทลุมที่อัยการฟ้องย่าของเด็ก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1564/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัยการไม่มีอำนาจฟ้องแทนเด็กเมื่อไม่ใช่ผู้บุพการี คดีอุทลุม
ป้าไม่ใช่บุพการีของเด็ก อัยการจึงไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องป้าแทนเด็กรวมเข้ามาในคดีอุทลุมที่อัยการฟ้องย่าของเด็ก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัยการผู้ช่วยมีอำนาจลงนามฟ้องคดีอาญาได้ โดยอาศัยอำนาจของพนักงานอัยการตามกฎหมาย
อัยการผู้ช่วยก็มีอำนาจลงนามเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาได้ เพราะอัยการผู้ช่วยก็เป็นพนักงานอัยการ (พ.ร.บ.อัยการ 2478 มาตรา 11) จึงอาจเป็นโจทก์ในคดีอาญาได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 28(1) ประกอบกับ พ.ร.บ.อัยการ 2478 มาตรา 19(1)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่าผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันทีผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง
(ประชุมใหญ่)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่าผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันทีผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง
(ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1440/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการฟ้องคดีอาญาของอัยการผู้ช่วย: อัยการผู้ช่วยมีอำนาจฟ้องคดีอาญาได้
อัยการผู้ช่วยก็มีอำนาจลงนามเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาได้ เพราะอัยการผู้ช่วยก็เป็นพนักงานอัยการ(พ.ร.บ.อัยการ 2478มาตรา 11) จึงอาจเป็นโจทก์ในคดีอาญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 28(1) ประกอบกับพ.ร.บ.อัยการ 2478 มาตรา 19(1)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์ เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่า ผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันที ผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/2493)
ศาลชั้นต้นสั่งไม่ประทับฟ้องที่อัยการเป็นโจทก์ โดยเห็นว่าผู้ลงนามเป็นโจทก์นั้นไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปนั้น จำเลยย่อมฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ เพราะคดีที่อัยการเป็นโจทก์ เมื่อยื่นฟ้องก็ถือว่า ผู้ถูกฟ้องตกเป็นจำเลยทันที ผิดกับคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นจำเลยจนกว่าศาลจะประทับฟ้อง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 21/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1838/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจพนักงานอัยยการลงชื่อฟ้อง และความเพียงพอของคำฟ้องคดีทำร้ายร่างกาย
พนักงานอัยยการผู้ได้รับแต่งตั้งโดยชอบแล้วมีอำนาจลงชื่อเป็นโจทก์ในฟ้องในฐานพนักงานอัยยการได้ แม้ผู้ลงชื่อจะต่างคนกับที่วงเล็บไว้ที่หน้าฟ้องก็ไม่สำคัญ
ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกาย ไม่จำต้องระบุว่าจำเลยคนใดใช้อาวุธอย่างไร ทำร้ายแผลไหน
ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกาย ไม่จำต้องระบุว่าจำเลยคนใดใช้อาวุธอย่างไร ทำร้ายแผลไหน