พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 429-438/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าว: สิทธิครอบครอง vs. กรรมสิทธิ์ และประเด็นอายุความ
การได้มาซึ่งที่ดินตามพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวและตามประมวลกฎหมายที่ดินนั้น หาได้หมายความแต่เฉพาะการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินอย่างเดียวไม่ แต่ยังหมายถึงการได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในฐานะเจ้าของด้วย
การที่คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินโดยฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว เป็นความผิดอันเกิดขึ้นครั้งหนึ่งคราวเดียว หาใช่เป็นความผิดต่อเนื่องกันไม่ ฉะนั้น อายุความฟ้องร้องคดีจึงต้องเริ่มนับหนึ่งแต่วันที่จำเลยกระทำการได้มาซึ่งที่ดินโดยฝ่าฝืนกฎหมายเป็นต้นไป
การที่คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินโดยฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว เป็นความผิดอันเกิดขึ้นครั้งหนึ่งคราวเดียว หาใช่เป็นความผิดต่อเนื่องกันไม่ ฉะนั้น อายุความฟ้องร้องคดีจึงต้องเริ่มนับหนึ่งแต่วันที่จำเลยกระทำการได้มาซึ่งที่ดินโดยฝ่าฝืนกฎหมายเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าว: สิทธิที่ดินเป็นโมฆะหากไม่เป็นไปตามกฎหมาย แม้ได้รับสัญชาติไทยภายหลัง
พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486 ก็ดี ประมวลกฎหมายที่ดินหมวด 8 ก็ดี มุ่งหมายบัญญัติว่าคนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินมิได้ เว้นแต่จะเข้ากฎเกณฑ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ฉะนั้น คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินมิได้จึงเป็นหลัก และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นข้อยกเว้น หาใช่ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายที่ห้ามเด็ดขาดมิให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วถือเป็นเหตุในการวินิจฉัยว่าคนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้เมื่อได้กรรมสิทธิ์แล้วก็มีสิทธิตั้งตัวแทนใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ไม่ เพราะการวินิจฉัยเช่นนั้นมีผลทำให้ความมุ่งหมายของกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไร้ผลไปโดยสิ้นเชิง การที่คนต่างด้าวกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินโดยใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์จึงไม่มีผล ตกเป็นโมฆะ และย่อมมีผลเป็นการทั่วไปทั้งแก่รัฐและเอกชนหาใช่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับคนต่างด้าวไม่ และแม้คนต่างด้าวนั้นจะได้รับสัญชาติไทยมาในภายหลัง ก็หาทำให้การอันเป็นโมฆะแต่เริ่มแรก กลับฟื้นคืนดีขึ้นมาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คนต่างด้าวซื้อที่ดิน: นิติกรรมเป็นโมฆะหากไม่เป็นไปตามกฎหมาย แม้ได้รับสัญชาติไทยภายหลังก็ไม่ช่วย
พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486ก็ดี ประมวลกฎหมายที่ดิน หมวด 8 ก็ดี มุ่งหมายบัญญัติว่าคนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินมิได้ เว้นแต่จะเข้ากฎเกณฑ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ฉะนั้น คนต่างด้าวที่จะได้มาซึ่งที่ดินมิได้จึงเป็นหลัก และกฎเกณฑ์ต่างๆที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นข้อยกเว้น หาใช่ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายที่ห้ามเด็ดขาดมิให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน แล้วถือเป็นเหตุในการวินิจฉัยว่าคนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ เมื่อได้กรรมสิทธิ์แล้วก็มีสิทธิตั้งตัวแทนใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ไม่ เพราะการวินิจฉัยเช่นนั้นมีผลทำให้ความมุ่งหมายของกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไร้ผลไปโดยสิ้นเชิง การที่คนต่างด้าวกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินโดยใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์จึงไม่มีผล ตกเป็นโมฆะ และย่อมมีผลเป็นการทั่วไปทั้งแก่รัฐและเอกชน หาใช่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับคนต่างด้าวไม่ และแม้คนต่างด้าวนั้นจะได้รับสัญชาติไทยมาในภายหลัง ก็หาทำให้การอันเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก กลับฟื้นคืนดีขึ้นมาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการโอนสัญญาจะซื้อขายที่ดินกรณีผู้ซื้อเป็นชาวต่างชาติและติดข้อจำกัดทางกฎหมาย
สัญญาจะซื้อขายมีข้อความตอนหนึ่งว่า 'ฯลฯในการโอนนี้ผู้จะซื้อเป็นบุคคลต่างด้าวหากการโอนขัดข้องผู้จะขายยอมให้ผู้จะซื้อหาผู้รับโอนคนอื่นมารับโอนได้ โดยผู้จะขายต้องโอนให้ไม่ถือว่าผิดสัญญาและให้ถือว่าผู้ที่จะมารับโอนเท่ากับคู่สัญญานี้' ย่อมแสดงถึงเจตนาอันแท้จริงของแต่ละฝ่ายว่าไม่ประสงค์จะเลิกสัญญากัน จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนผูกพันคู่กรณี โจทก์ที่ 1 มีสิทธิที่จะโอนการจะซื้อขายที่ดินรายนี้ให้แก่โจทก์ที่ 2 ได้ตามข้อความในสัญญาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 617/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในสัญญาจะซื้อขายต่างด้าว: สิทธิโอนสัญญาให้ผู้อื่นได้ แม้ผู้ซื้อเปลี่ยนตัว
สัญญาจะซื้อขายมีข้อความตอนหนึ่งว่า "ฯลฯ ในการโอนนี้ ผู้จะซื้อเป็นบุคคลต่างด้าวหากการโอนขัดข้อง ผู้จะขายยอมให้ผู้จะซื้อหาผู้รับโอนคนอื่นมารับโอนได้ โดยผู้จะขายต้องโอนให้ ไม่ถือว่าผิดสัญญา และให้ถือว่าผู้ที่จะมารับโอนเท่ากับคู่สัญญานี้" ย่อมแสดงถึงเจตนา อันแท้จริงของแต่ละฝ่ายว่าไม่ประสงค์จะเลิกสัญญากัน จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนผูกพันคู่กรณีโจทก์ที่ 1 มีสิทธิที่จะโอนการจะซื้อขายที่ดินรายนี้ให้แก่โจทก์ที่ 2 ได้ตามข้อความในสัญญาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างคนต่างด้าวกับคนไทย ไม่เป็นโมฆะ หากยังสามารถขออนุญาตถือกรรมสิทธิ์ได้ การรบกวนสิทธิครอบครองเป็นละเมิด
สัญญาจะซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวกับจำเลยซึ่งเป็นคนไทยหาเป็นโมฆะหรือโมฆียะตามกฎหมายไม่ เพราะกฎหมายหาได้ห้ามขาดไม่ให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินเสียทีเดียวไม่คนต่างด้าวยังอาจขออนุญาตถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้อยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 23/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินกับคนต่างด้าวไม่เป็นโมฆะ หากยังสามารถขออนุญาตได้ การรบกวนสิทธิครอบครองถือเป็นการละเมิด
สัญญาจะซื้อขายที่ดินระหว่างโจทย์ซึ่งเป็นคนต่างด้าวกับจำเลยซึ่งเป็นคนไทย หาเป็นโมฆะหรือโมฆียะตามกฎหมายไม่ เพราะกฎหมายหาได้ห้ามขาดไม่ให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินเสียทีเดียวไม่ คนต่างด้าวยังอาจขออนุญาตถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้อยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมมีผลผูกพัน แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องกรรมสิทธิ์และสถานะคู่สัญญา
ความตอนท้ายคำฟ้องประกอบกับคำขอท้ายฟ้องแสดงว่า เมื่อจำเลยไม่ยินยอมปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมถึงกับมีหนังสือบอกล้างมา โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาให้ที่ดินทั้งหมดเป็นของโจทก์ แต่ถ้าไม่ได้ โจทก์ก็ขอเอาตามส่วนที่ประนีประนอมกัน และที่จำเลยให้การต่อสู้ก็แสดงว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ประการใด เช่นนี้ ฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกันไว้ ต่อมาจำเลยบอกล้างฝ่ายเดียว โจทก์มิได้ยินยอมให้ระงับหรือเลิกสัญญาแต่อย่างใด สัญญาประนีประนอมดังกล่าวย่อมมีผลใช้บังคับได้อยู่
สัญญาประนีประนอมมีโจทก์กับบุตรโจทก์ฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 1-2 อีกฝ่ายหนึ่ง เป็นคู่สัญญา บุตรโจทก์จะร่วมเป็นโจทก์ด้วยหรือไม่ ไม่สำคัญ โจทก์ผู้เป็นคู่สัญญาย่อมฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญานั้นโดยลำพังได้
โจทก์และบุตรโจทก์แม้เป็นคนต่างด้าวก็เป็นคู่สัญญาประนีประนอมเกี่ยวกับการแบ่งที่ดินรายพิพาทได้ เพราะโจทก์และบุตรจะได้รับอนุญาตให้ได้รับส่วนในที่ดินหรือไม่ เป็นเรื่องของเจ้าพนักงาน ไม่เกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างคู่สัญญานี้
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกันไว้ ต่อมาจำเลยบอกล้างฝ่ายเดียว โจทก์มิได้ยินยอมให้ระงับหรือเลิกสัญญาแต่อย่างใด สัญญาประนีประนอมดังกล่าวย่อมมีผลใช้บังคับได้อยู่
สัญญาประนีประนอมมีโจทก์กับบุตรโจทก์ฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 1-2 อีกฝ่ายหนึ่ง เป็นคู่สัญญา บุตรโจทก์จะร่วมเป็นโจทก์ด้วยหรือไม่ ไม่สำคัญ โจทก์ผู้เป็นคู่สัญญาย่อมฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญานั้นโดยลำพังได้
โจทก์และบุตรโจทก์แม้เป็นคนต่างด้าวก็เป็นคู่สัญญาประนีประนอมเกี่ยวกับการแบ่งที่ดินรายพิพาทได้ เพราะโจทก์และบุตรจะได้รับอนุญาตให้ได้รับส่วนในที่ดินหรือไม่ เป็นเรื่องของเจ้าพนักงาน ไม่เกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างคู่สัญญานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลบังคับใช้ของสัญญาประนีประนอม: แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องกรรมสิทธิ์และคู่สัญญา สัญญาประนีประนอมยังคงมีผลผูกพัน
ความตอนท้ายคำฟ้องประกอบกับคำขอท้ายฟ้องแสดงว่า เมื่อจำเลยไม่ยินยอมปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมถึงกับมีหนังสือบอกล้างมา โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาให้ที่ดินทั้งหมดเป็นของโจทก์ แต่ถ้าไม่ได้ โจทก์ก็ขอเอาตามส่วนที่ประนีประนอมกัน และที่จำเลยให้การต่อสู้ก็แสดงว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ประการใด เช่นนี้ ฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกันไว้ ต่อมาจำเลยบอกล้างฝ่ายเดียว โจทก์มิได้ยินยอมให้ระงับหรือเลิกสัญญาแต่อย่างใด สัญญาประนีประนอมดังกล่าวย่อมมีผลใช้บังคับได้อยู่
สัญญาประนีประนอมมีโจทก์กับบุตรโจทก์ฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 1 - 2 อีกฝ่ายหนึ่ง เป็นคู่สัญญา บุตรโจทก์จะร่วมเป็นโจทก์ด้วยหรือไม่ ไม่สำคัญ โจทก์ผู้เป็นคู่สัญญาย่อมฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญานั้น โดยลำพังได้
โจทก์และบุตรโจทก์แม้เป็นคนต่างด้าวก็เป็นคู่สัญญาประนีประนอมเกี่ยวกับการแบ่งที่ดินรายพิพาทได้ เพราะโจทก์และบุตรจะได้รับอนุญาตให้ได้รับส่วนในที่ดินหรือไม่ เป็นเรื่องของเจ้าพนักงาน ไม่เกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างคู่สัญญานี้.
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกันไว้ ต่อมาจำเลยบอกล้างฝ่ายเดียว โจทก์มิได้ยินยอมให้ระงับหรือเลิกสัญญาแต่อย่างใด สัญญาประนีประนอมดังกล่าวย่อมมีผลใช้บังคับได้อยู่
สัญญาประนีประนอมมีโจทก์กับบุตรโจทก์ฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 1 - 2 อีกฝ่ายหนึ่ง เป็นคู่สัญญา บุตรโจทก์จะร่วมเป็นโจทก์ด้วยหรือไม่ ไม่สำคัญ โจทก์ผู้เป็นคู่สัญญาย่อมฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญานั้น โดยลำพังได้
โจทก์และบุตรโจทก์แม้เป็นคนต่างด้าวก็เป็นคู่สัญญาประนีประนอมเกี่ยวกับการแบ่งที่ดินรายพิพาทได้ เพราะโจทก์และบุตรจะได้รับอนุญาตให้ได้รับส่วนในที่ดินหรือไม่ เป็นเรื่องของเจ้าพนักงาน ไม่เกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างคู่สัญญานี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1284/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินของคนต่างด้าว: การอนุญาตเป็นข้อยกเว้นข้อห้ามตามกฎหมาย
โจทย์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินที่พิพาทในวันชี้สอบสถาน ข้อเท็จจริงรับกันว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวเชื้อชาติจีนยังไม่ได้รับอนุญาตให้มีที่ดินดังนี้ ศาลจะสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวต้องห้ามไม่ให้มีที่ดินตามมาตรา 5,6, แห่ง พ.ร.บ.ที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกันคนต่างด้าว 2486 นั้นเสีย หาเป็นการชอบไม่ เพราะยังมีข้อยกเว้นว่าถ้าได้รับอนุญาตแล้ว คนต่างด้าวมีที่ดินได้