พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 485/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อคืนที่ดินตามสัญญา ระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของสิทธิ
โจทก์ขายนาให้จำเลยแล้วมีข้อสัญญากันว่า ต่อไปในวันข้างหน้าในระยะครบ 2 ปี เป็นจำนวน พ.ศ. 2493 หรือ 2494 ถ้าโจทก์นำเงินมาซื้อคืนได้ จำเลยจะต้องขายนาคืนให้ นั้นย่อมหมายความว่า โจทก์มีสิทธิซื้อคืนได้ภายในระยะ 2 ปี นับแต่วันทำสัญญากันนั้นเอง สุดแต่จะไปครบ 2 ปี ใน ปี พ.ศ. 2493 หรือ พ.ศ. 2494
โจทก์ฟ้องว่า ได้ไปขอซื้อนาคืนจากจำเลยในต้น พ.ศ. 2494 แต่จำเลยไม่ยอมขายคืนให้ ฯลฯ จำเลยไม่ได้ให้การกล่าวถึงหรือปฏิเสธความข้อนี้ประการใด จึงต้องถือว่าจำเลยรับในข้อเท็จจริงข้อที่โจทก์ฟ้องนี้แล้ว
โจทก์ขายนาให้จำเลยโดยมีข้อสัญญากันว่า โจทก์มีสิทธิขอซื้อคืนได้ภายในกำหนด 2 ปี ครั้นต่อมาโจทก์ได้ขอซื้อคืนภายในระยะเวลาปีอันเป็นระยะเวลาที่โจทก์มีสิทธิขอซื้อคืนได้ เมื่อจำเลยไม่ยอมขาย ย่อมถือได้ว่า จำเลยผิดสัญญา โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ และโจทก์จะยื่นฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 2 ปีแล้วก็ได้ เพราะโจทก์ได้ขอซื้อคืนไว้ภายในระยะ 2 ปี แล้ว
โจทก์ฟ้องว่า ได้ไปขอซื้อนาคืนจากจำเลยในต้น พ.ศ. 2494 แต่จำเลยไม่ยอมขายคืนให้ ฯลฯ จำเลยไม่ได้ให้การกล่าวถึงหรือปฏิเสธความข้อนี้ประการใด จึงต้องถือว่าจำเลยรับในข้อเท็จจริงข้อที่โจทก์ฟ้องนี้แล้ว
โจทก์ขายนาให้จำเลยโดยมีข้อสัญญากันว่า โจทก์มีสิทธิขอซื้อคืนได้ภายในกำหนด 2 ปี ครั้นต่อมาโจทก์ได้ขอซื้อคืนภายในระยะเวลาปีอันเป็นระยะเวลาที่โจทก์มีสิทธิขอซื้อคืนได้ เมื่อจำเลยไม่ยอมขาย ย่อมถือได้ว่า จำเลยผิดสัญญา โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาได้ และโจทก์จะยื่นฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 2 ปีแล้วก็ได้ เพราะโจทก์ได้ขอซื้อคืนไว้ภายในระยะ 2 ปี แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1166/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินจากการทำสัญญาจะซื้อขาย: ผู้ร้องไม่มีสิทธิเหนือทรัพย์สินที่ถูกยึด
จำเลยทำสัญญาจะขายที่พิพาทให้แก่ผู้ร้อง จำเลยผิดสัญญา ผู้ร้องจึงฟ้องขอให้จำเลยขายที่พิพาทหรือใช้ค่าเสียหาย คดีอยู่ในระหว่างพิจารณา โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ร้องขอให้ศาลยึดที่พิพาทรายนี้ไว้แล้ว และถึงกำหนดวันขายทอดตลาด ผู้ร้องได้ร้องขอให้งดการขายทอดตลาด ดังนี้ ศาลจะสั่งให้งดการขายทอดตลาด หาได้ไม่เพราะสัญญาระหว่างจำเลยกับผู้ร้องเป็นเพียงสัญญาจะซื้อขายที่พิพาทให้แก่กัน กรรมสิทธิในที่ดินยังหาได้เปลี่ยนมือมาเป็นของผู้ร้องไม่ และผู้ร้องไม่มีบุริมสิทธิ หรือสิทธิเหนือที่ดินพิพาทประการใด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความสัญญาจะซื้อขาย: การสืบพยานเพื่อแสดงความหมายของข้อความในสัญญา
จำเลยจะขอสืบพะยานถึงคำ "บ้านเรือนของนางสนิทไม่เกี่ยวข้องในที่ดินรายนี้" ว่ารวมถึงที่ดินที่ปลูกอยู่ด้วยนั้น เป็นการสืบแสดงความหมายของข้อความแห่งเอกสารว่า ข้อความนั้นหมายถึงที่ดินด้วย ซึ่งเป็นการสืบแสดงว่าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตีความหมายผิด ดังข้อความวรรคท้ายของมาตรา 94 ป.ม.วิ.แพ่ง จำเลยมีสิทธินำสืบได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรานี้
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17/2492
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17/2492