คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อรรถไพศาลศรุดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1612-1613/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจับกุมผู้ใหญ่บ้านนอกเขตหมู่บ้าน: ต้องมีเหตุร้ายสำคัญตาม พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่
ความผิดฐานลักทรัพย์ไม่เป็นเหตุร้ายสำคัญตามความหมายพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 27(7)
ผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง มีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดอาญาในหมู่บ้านของตนได้ และมีอำนาจไปจับผู้ร้ายในหมู่บ้านใกล้เคียงได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุร้ายสำคัญ เมื่อความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ใช่เหตุร้ายสำคัญผู้ใหญ่บ้านจึงไม่มีอำนาจไปจับกุมผู้ร้ายนอกเขตหมู่บ้านของตน เมื่อผู้ใหญ่บ้านไปจับกุมคนร้ายนอกเขตหมู่บ้านของตนก็เป็นการกระทำนอกเหนือหน้าที่ จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงาน ไม่มีอำนาจจับกุมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาระงับข้อพิพาทอาญา ความผิดต่อส่วนตัว ย่อมทำให้สิทธิฟ้องระงับได้
ผู้เสียหายเคยฝากข้าวเปลือกให้จำเลยสีเป็นข้าวสาร จำเลยก็สีให้ โดยผู้เสียหายให้ค่าตอบแทนต่อมาผู้เสียหายให้จำเลยสีข้าวเปลือกอีก จำเลยเอาไปเป็นประโยชน์ต่อส่วนตัวเสีย ผู้เสียหายจึงร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี พนักงานสอบสวนไกล่เกลี่ยให้จำเลยคืนข้าวเปลือกแก่ผู้เสียหาย แต่ไม่ตกลงกัน ต่อมานายอำเภอได้ไกล่เกลี่ยอีก ผู้เสียหายและจำเลยได้ทำสัญญาเป็นหนังสือโดยจำเลยเอารถยนต์ 1 คันจำนอง ผู้เสียหายและจะนำข้าวสารไปไถ่ถอนการจำนองเป็นรายเดือนจนกว่าจะครบ ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงจำเลยยอมโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้ผู้เสียหาย ถ้าจำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงครบถ้วนแล้ว ผู้เสียหายจะคืนรถยนต์และใบทะเบียนให้ เมื่อพิเคราะห์ถึงความเกี่ยวพันระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยที่มีต่อกันจนเกิดพิพาทและทำสัญญาต่อกันแล้ว จะเห็นได้ว่าผู้เสียหายและจำเลยทำสัญญาเพื่อระงับข้อพิพาททั้งในทางแพ่งและอาญา ถึงแม้ในสัญญาจะมิได้ระบุโดยชัดแจ้งว่ให้คดีอาญาระงับไปก็ตาม แต่ตามรูปคดีพอถือได้ว่าผู้เสียหายและจำเลยทำสัญญาโดยมุ่งประสงค์ให้ข้อหาทางอาญาระงับไป คดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว จึงมีผลทำให้สิทธิที่จะนำคดีอาญามาฟ้องระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1605/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาไกล่เกลี่ยความผิดต่อส่วนตัว ย่อมระงับสิทธิฟ้องคดีอาญาได้
ผู้เสียหายเคยฝากข้าวเปลือกให้จำเลยสีเป็นข้าวสาร จำเลยก็สีให้ โดยผู้เสียหายให้ค่าตอบแทน ต่อมาผู้เสียหายให้จำเลยสีข้าวเปลือกอีก จำเลยเอาไปเป็นประโยชน์ต่อส่วนตัวเสีย ผู้เสียหายจึงร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีพนักงานสอบสวนไกล่เกลี่ยให้จำเลยคืนข้าวเปลือกแก่ผู้เสียหาย แต่ไม่ตกลงกัน ต่อมานายอำเภอได้ไกล่เกลี่ยอีกผู้เสียหายและจำเลยได้ทำสัญญาเป็นหนังสือโดยจำเลยเอารถยนต์ 1 คันจำนองผู้เสียหายและจะนำข้าวสารไปไถ่ถอนการจำนองเป็นรายเดือนจนกว่าจะครบ ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง จำเลยยอมโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้ผู้เสียหาย ถ้าจำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงครบถ้วนแล้ว ผู้เสียหายจะคืนรถยนต์และใบทะเบียนให้ เมื่อพิเคราะห์ถึงความเกี่ยวพันระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยที่มีต่อกันจนเกิดพิพาทและทำสัญญาต่อกันแล้วจะเห็นได้ว่าผู้เสียหายและจำเลยทำสัญญาเพื่อระงับข้อพิพาททั้งในทางแพ่งและอาญา ถึงแม้ในสัญญาจะมิได้ระบุโดยชัดแจ้งว่าให้คดีอาญาระงับไปก็ตาม แต่ตามรูปคดีพอถือได้ว่าผู้เสียหายและจำเลยทำสัญญาโดยมุ่งประสงค์ให้ข้อหาทางอาญาระงับไป คดีนี้เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว จึงมีผลทำให้สิทธิที่จะนำคดีอาญามาฟ้องระงับไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินของภริยาที่ไม่จดทะเบียนสมรส หากครอบครองตามกฎหมายเป็นเวลานาน
ภริยาที่มิชอบด้วยกฎหมาย ถ้าหากได้ครอบครองที่ดินอันเป็นมรดกของสามีมาโดยสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่า 10 ปี ก็ย่อมมีสิทธิได้ที่พิพาทในทางครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินโดยอายุความ แม้ไม่ใช่ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย
ภริยาที่มิชอบด้วยกฎหมาย ถ้าหากได้ครอบครองที่ดินอันเป็นมรดกของสามีมาโดยสงบและเปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลากว่า 10 ปี ก็ย่อมมีสิทธิได้ที่พิพาทในทางครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเมื่อทายาทขอเข้าดำเนินคดีแทนโจทก์หลังพ้นกำหนดเวลาตามกฎหมาย
คดีที่อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล โจทก์ได้มรณะเสียก่อนศาลพิพากษาคดี ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีแทนเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์มรณะเช่นนี้ ศาลก็ต้องมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 วรรคสอง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 วรรคสองนั้นเป็นที่เห็นได้ชัดว่ากฎหมายประสงค์ให้ศาลจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเท่านั้น มิได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตอย่างใด (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อทายาทโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีเกิน 1 ปีหลังมรณะ
คดีที่อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล โจทก์ได้มรณะเสียก่อนศาลพิพากษาคดี ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีแทนเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์มรณะเช่นนี้ ศาลก็ต้องมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 วรรค 2
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 วรรค 2 นั้น เป็นที่เห็นได้ชัดว่ากฎหมายประสงค์ให้ศาลจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเท่านั้นมิได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนญาตอย่างใด (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีโดยจำเลยเป็นผู้เยาว์ ศาลมีอำนาจแยกคดีเพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ในคำฟ้องช่องจำเลย โจทก์เขียนว่า นายจรินทร์ จันทรศิลปิน ในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้ปกครองเด็กหญิงนวลจันทรก์ จันทรศิลปิน ผู้เยาว์ ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ฟ้องเด็กหญิงนวลจันทร์โดยนายจรินทร์เป็นผู้ปกครองด้วย
เมื่อจำเลยผู้หนึ่งเป็นผู้เยาว์และศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาจนพิพากษาคดีไปแล้ว โดยมิได้สั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจสั่งให้แยกคดีที่จำเลยเป็นผู้เยาว์ออกเป็นคดีหนึ่งต่างหาก และให้ดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 56 แล้วพิพากษาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีกับผู้เยาว์โดยไม่มีผู้แทนตามกฎหมาย: ศาลมีอำนาจแยกคดีเพื่อให้การพิจารณาถูกต้อง
ในคำฟ้องช่องจำเลย โจทก์เขียนว่านายจรินทร์จันทรศิลปินในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้ปกครองเด็กหญิงนวลจันทร์จันทรศิลปิน ผู้เยาว์ ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ฟ้องเด็กหญิงนวลจันทร์โดยนายจรินทร์เป็นผู้ปกครองด้วย
เมื่อจำเลยผู้หนึ่งเป็นผู้เยาว์และศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาจนพิพากษาคดีไปแล้ว โดยมิได้สั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจสั่งให้แยกคดีที่จำเลยเป็นผู้เยาว์ออกเป็นคดีหนึ่งต่างหาก และให้ดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 แล้วพิพากษาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1495/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกเงินทดรองราชการโดยใช้เอกสารปลอม และการหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ตนเอง
จำเลยทำบันทึกว่าถูกผู้บังคับบัญชาสั่งให้ไปราชการต่างจังหวัด ซึ่งไม่เป็นความจริง และขอยืนเงินทดรองราชการ ได้เขียนเตรียมไว้ให้ผู้บังคับบัญชาเซ็น และมีลายเซ็นปลอมของผู้บังคับบัญชาจนจำเลยสามารถเบิกเงินของกรมตำรวจไปได้ เป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและโดยทุจริต ไม่ใช่เป็นการกู้ยืนเงินตามธรรมดา
การที่จำเลยอ้างว่าผู้บังคับบัญชาสั่งให้ไปราชการต่างจังหวัด และทำหนังสือขอยืมเงินทดรองราชการ ได้ทำบันทึกเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อสั่งอนุมัติ ผู้บังคับบัญชาลำดับสูงและเจ้าหน้าที่การเงินก็ได้สั่งอนุมัติ และจ่ายเงินทดรองราชการให้ตามที่จำเลยเสนอมา เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารราชการ เมื่อจำเลยทำบันทึกเสนอให้ยืมเงินทดรองราชการ ข้อความที่เขียนไว้ให้ผู้บังคับบัญชาเซ็น และมีลายเซ็นของผู้บังคับบัญชาจึงเป็นเอกสารราชการปลอม เมื่อจำเลยนำไปใช้โดยรู้ว่าเป็นเอกสารปลอม ย่อมมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม
of 28