คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อรรถไพศาลศรุดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละมรดกก่อนเจ้ามรดกถึงแก่กรรมเป็นโมฆะ การฟ้องแบ่งมรดกมีผลเพิกถอนทะเบียนรับมรดก
การสละมรดก่อนเจ้ามรดกถึงแก่กรรมย่อมเสียไป และไม่มีทางแสดงเจตนา ให้สัญญานั้นกลับมีผลขึ้นได้อีกอย่างไร ฉะนั้น ถ้าเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้ว ทายาทยังมีความตั้งใจสละมรดกอยู่เช่นเดิม ก็ต้องมีการแสดงเจตนาใหม่ให้ถูกต้องอีกชั้นหนึ่ง
โจทก์และจำเลยต่างเป็นทายาท เมื่อจำเลยไม่ยอมแบ่งที่พิพาทให้ โจทก์ย่อมฟ้องเรียกให้แบ่งได้ และมีผลเท่ากับขอเพิกถอนการจดทะเบียนรับมรดกของจำเลยอยู่ในตัวโดยโจทก์ไม่จำต้องขอให้เพิกถอนทะเบียนอย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรุงยาโดยไม่ได้รับอนุญาตและการริบของกลาง: ศาลมีอำนาจริบของกลางที่ได้จากการกระทำความผิด แม้ไม่มีกฎหมายเฉพาะรองรับ
ของกลางที่จับได้จากจำเลยในการกระทำผิดฐานประกอบโรคศิลปะและขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นถ้าจำเลยเป็นผู้ไม่มีวุฒิที่จะได้รับอนุญาตให้ทำการปรุงยาขึ้นเพื่อจำหน่ายได้เลย ความผิดของจำเลยอยู่ที่การกระทำการปรุงยาจำหน่าย หาใช่เพียงไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้นไม่ของกลางรายนี้จึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดและได้มาโดยได้กระทำผิดซึ่งนอกจากริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ศาลยังมีอำนาจสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 อีกด้วย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 43/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรุงยาโดยไม่ได้รับอนุญาตและความผิดฐานใช้ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด ศาลมีอำนาจริบของกลางได้
ของกลางที่จับได้จากจำเลยในการกระทำผิดฐานประกอบโรคศิลปะและขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ถ้าจำเลยเป็นผู้ไม่มีวุฒิที่จะได้รับอนุญาตให้ทำการปรุงยาขึ้นเพื่อจำหน่ายได้เลย ความผิดของจำเลยอยู่ที่การกระทำการปรุงยาจำหน่าย หาใช่เพียงไม่ได้รับอนุญาติเท่านั้นไม่ ของกลางรายนี้จึงเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดและได้มาโดยได้กระทำผิด ซึ่งนอกจากริบตามกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว ศาลยังมีอำนาจสั่งริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 อีกด้วย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 43/2504)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 451/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนจึงมีผล โจทก์ผู้รับโอนที่ดินแปลงอื่นไม่มีสิทธิอาศัยสิทธิภารจำยอมของเจ้าของเดิม
ฎีกาจำเลยกล่าวถึงฟ้อง คำให้การและคำวินิจฉัยศาลล่าง แล้วฎีกาว่า ตามที่ศาลอุทธรณ์ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นยังขัดต่อข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงซึ่งได้จากคำให้การของโจทก์อันเป็นการอธิบายฟ้องของโจทก์ที่จะปรับเข้ากับข้อกฎหมายได้แล้ว แม้จะให้สืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปอีกก็ไม่มีเหตุที่จะทำข้อกฎหมายที่จะนำมาใช้บังคับตามฟ้องเปลี่ยนแปลงไปได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบและยกฟ้อง โจทก์จึงชอบแล้ว ดังนี้ ไม่ใช่ฎีกาย่อ ไม่ขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225, 247
ข้อตกลงระหว่างทายาทที่ให้แบ่งที่ดินส่วนหนึ่งไว้เป็นทางภารจำยอมนั้น ถ้าไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ย่อมไม่บริบูรณ์ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ผู้รับโอน ที่ดินแปลงอื่นจากทายาทคนหนึ่งไม่มีสิทธิจะฟ้องทายาทเหล่านั้นให้เปิดทางภารจำยอมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบเพื่อพิสูจน์การทำสัญญาและการรับเงิน ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง แม้จะเกี่ยวข้องกับการแปลงหนี้
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ที่โจทก์อ้างในฟ้องว่า จำเลยได้ทำให้ไว้สัญญาดังกล่าวนี้จะสืบเนื่องมาจากการแปลงหนี้ใหม่หรือไม่ ไม่เป็นข้อสำคัญโจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์และได้รับเงินไปครบถ้วนตามสัญญาแล้ว ต่อมานำสืบว่า เอาสัญญากู้รายเก่ามาเปลี่ยนทำสัญญากู้ใหม่ โดยเอาดอกเบี้ย ที่ค้างทบกับต้นเงินรวมเป็นจำนวนเงินกู้ ใหม่ในสัญญาที่โจทก์ฟ้องนั้น เป็นการสืบมูลเหตุที่มาสู่การทำสัญญากู้ เป็นการสืบข้อเท็จจริงแวดล้อมเพื่อแสดงว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้ตามฟ้องจริงและได้มีการตกลงให้ถือว่าจำเลยได้รับเงินแล้วอย่างไร ไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง และโจทก์ไม่ต้องกล่าวอ้างตั้งประเด็นเรื่องแปลงหนี้ ใหม่มาในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434-435/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนผู้จัดการนิติบุคคล: เมื่อการกระทำมีมูลความผิดอาญา แม้เป็นกิจการบริษัท ก็สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้
เมื่อผู้จัดการของนิติบุคคลกระทำการซึ่งมีมูลเป็นความผิดทางอาญา แม้จะกระทำในกิจการของบริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคล ผู้จัดการนั้นก็อาจถูกควบคุมในระหว่างสอบสวนได้ในเมื่อตกเป็นผู้ต้องหา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาใหม่จากการบอกเลิกสัญญาเดิมและการตอบแทนกัน การมอบหมายกิจการและวัสดุเพื่อทุ่นค่าใช้จ่ายถือเป็นสัญญาที่ผูกพันได้
โจทก์ได้เข้าทำสัญญารับเหมาก่อสร้างตลาดให้จำเลย แต่ทำไม่แล้วเสร็จตามกำหนด จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาและว่าจะดำเนินการก่อสร้างเองต่อไป ถ้ามีเงินเหลือจะคืนให้โจทก์ ให้โจทก์จัดการมอบหมายกิจการก่อสร้างตลาดทั้งหมดให้คณะกรรมการเพื่อเป็นการทุ่นรายจ่ายในการที่จะจัดซื้อต่อไป ฝ่ายโจทก์ก็สนองรับและได้มอบกิจการกับวัสดุก่อสร้างที่เหลืออยู่ ณ ที่ก่อสร้าง และที่โจทก์เก็บไว้ที่อื่นให้คณะกรรมการ ทั้งโจทก์ได้เข้าเป็นลูกจ้างรายวันเพื่อมีโอกาศดูแลควบคุมให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปโดยสมควรและถูกต้อง เพื่อหวังจะได้เงินที่เหลือดังนี้ แสดงให้เห็นว่า มีการตอบแทนกัน ก่อให้เกิดเป็นสัญญาขึ้นใหม่ซึ่งมีผลบังคับได้ มิใช่เป็นเรื่องจะให้เงินโดยเสน่หาอย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นติชมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329
การฟ้องให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทจะต้องได้ความว่าจำเลยจงใจเจตนาใส่ความเพื่อให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้า โดยวิธีที่ไม่งาม นอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่งให้เห็นไปได้ว่า โจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้ง ตรงข้ามกลับฟังได้ว่า จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อป้องกันส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาล กรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันผลประโยชน์สาธารณะ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แม้เป็นการกล่าวหาการทุจริต
การฟ้องให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทจะต้องได้ความว่าจำเลยจงใจเจตนาใส่ความเพื่อให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้าโดยวิธีที่ไม่งามนอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่อให้เห็นไปได้ว่าโจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้งตรงข้ามกลับฟังได้ว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาลกรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปกปิดเจ็บป่วยในการทำประกันชีวิตทำให้สัญญาเป็นโมฆียะ
ผู้เอาประกันชีวิตเคยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคมะเร็งในเม็ดโลหิตขาว ไม่มีทางรักษาหาย และอาจตายใน 7 วัน ถึง 6 เดือนหรืออย่างช้า 5 ปี แต่ปกปิดความจริงว่าไม่เคยเจ็บป่วย ไม่เคยรักษาตัวในโรงพยาบาลทำให้สัญญาประกันชีวิต เป็นโมฆียะ เมื่อผู้รับประกันชีวิตบอกล้างภายใน 1 เดือนแล้ว ย่อมตกเป็นโมฆะผู้รับประโยชน์จะฟ้องเรียกเงินประกันชีวิตไม่ได้
of 28