คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อรรถไพศาลศรุดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกเงินค่าไม้สัก: ไม่ใช่เงินทดรอง แต่เป็นเงินราคาค่าของ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินราคาค่าไม้สักที่จำเลยได้รับล่วงหน้าไปคืน ไม่ใช่ฟ้องเรียกเอาค่าที่โจทก์ส่งมอบของ ทำของและค่าดูแลกิจการของผู้อื่น รวมทั้งค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป จึงนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) มาบังคับไม่ได้ ต้องใช้อายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกเงินค่าไม้สัก: ไม่ใช่เงินทดรอง แต่เป็นเงินราคาค่าของ
โจทก์ฟ้องเรียกเงินราคาค่าไม้สักที่จำเลยได้รับล่วงหน้าไปคืน ไม่ใช่ฟ้องเรียกเอาค่าที่โจทก์ส่งมอบของ ทำของและค่าดูแลกิจการของผู้อื่น รวมทั้งค่าที่ได้ออกเงินทดรองไป จึงนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) มาบังคับไม่ได้ ต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271-1272/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้ที่ถึงกำหนดชำระพร้อมกัน และการรับฟ้องแย้งที่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยรับว่าได้กู้จริง แต่ต่อสู้ว่าโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลย ค่าจ้างว่าความและค่าอาหาร ขอหักกลบลบหนี้ และฟ้องแย้งขอให้ชำระเงินค่าจ้างว่าความ ค่าเดินทางและค่าอาหารนั้น ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิม ต้องรับไว้พิจารณา (อ้างฎีกา ที่ 460/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271-1272/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ที่เกี่ยวเนื่องกัน หักกลบลบหนี้ได้ และฟ้องแย้งเกี่ยวกับฟ้องเดิมต้องรับไว้พิจารณา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยรับว่าได้กู้จริง แต่ต่อสู้ว่าโจทก์ยังเป็นหนี้จำเลยค่าจ้างว่าความ ค่าเดินทาง และค่าอาหาร ขอหักกลบลบหนี้ และฟ้องแย้งขอให้ชำระเงินค่าจ้างว่าความ ค่าเดินทางและค่าอาหารนั้น ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเกี่ยวกับฟ้องเดิม ต้องรับไว้พิจารณา(อ้างฎีกาที่ 460/2499)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนโดยปริยายและการรับผิดในตั๋วแลกเงิน: เมื่อเจ้าของยินยอมให้ผู้อื่นทำหน้าที่แทน
เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตั้งจำเลยที่ 3 ที่ 4 เป็นตัวแทนหรือ จำเลยที่ 1 ที่ 2 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 เชิดตัวเองว่าเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 3 ออกตั๋วแลกเงินในนามของโรงสีซึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 โดยใช้ตรายี่ห้อโรงสีประทับในตั๋วแลกเงินขายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินจากผู้จ่ายตามที่ระบุไว้ในตั๋วไม่ได้ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของหลักประกันจากตัวแทนที่เชิดตัวเอง
เมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตั้งจำเลยที่ 3 ที่ 4 เป็นตัวแทนหรือจำเลยที่ 1 ที่ 2 รู้แล้วยอมให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 เชิดตัวเองว่าเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 3 ออกตั๋วแลกเงินในนามของโรงสีซึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 โดยใช้ตรายี่ห้อโรงสีประทับในตั๋วแลกเงินขายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์เรียกเก็บเงินจากผู้จ่ายตามที่ระบุไว้ในตั๋วไม่ได้ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากมิได้อ้างอิงข้อกฎหมายชัดเจน
ฎีกาของจำเลยมีเพียงว่า "ข้าพเจ้าถือเอาคำอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อกฎหมายเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาจำเลยด้วย" จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยบทกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195,225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1199/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย: การอ้างอิงคำอุทธรณ์แทนการแสดงข้อกฎหมายในฎีกา
ฎีกาของจำเลยมีเพียงว่า "ข้าพเจ้าถือเอาคำอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อกฎหมายเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาจำเลยด้วย" จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195, 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาขายฝากบ้านบนที่ดินเช่า: กรรมสิทธิ์ย่อมตกแก่ผู้ซื้อฝากเมื่อไม่ไถ่ถอน
โจทก์สร้างบ้านรายพิพาทลงในที่ดินที่โจทก์เช่ามา แล้วขายฝากบ้านไว้กับจำเลยโดยไม่ได้พูดกันถึงเรื่องที่ดินที่ปลูกบ้านพิพาทแต่ขายฝากไว้ในราคาสูงมาก ดังนี้ แสดงให้เห็นว่า สัญญาขายฝากบ้านรายพิพาทนี้โจทก์จำเลยมีความเข้าใจต่อกัน และเจตนาขายฝากบ้านรายพิพาทโดยประสงค์ให้บ้านรายพิพาทคงปลูกอยู่ในที่ดินนั้น ไม่ต้องรื้อบ้านรายพิพาทไป เมื่อโจทก์ไม่ไถ่คืนภายในเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา กรรมสิทธิ์ย่อมตกไปเป็นของจำเลยโดยโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยรื้อบ้านรายพิพาทไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2509)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดินทางเดินหลังสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
เดิมโจทก์ฟ้อง ข. แล้ว ข. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งแยกที่ดินโฉนดที่ 773 ให้แก่โจทก์ เป็นเนื้อที่ครึ่งหนึ่ง ทางด้านหลังของที่ดิน และยอมให้ทางเดินเข้าออกแก่โจทก์ทางด้านตะวันออกของที่ดินเป็นเนื้อที่ 6 ศอก ศาลพิพากษาตามยอมไปแล้ว ข. ยังไม่ได้แบ่งแยกที่ดินให้โจทก์ตามยอม ก็มาถึงแก่กรรมเสียก่อน โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้ง 4 ซึ่งเป็นทายาทของ ข. ไปลงชื่อในคำขอจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดิน เพื่อขอรับโฉนดที่ดินที่ออกใหม่ แต่จำเลยไม่ยอมรับรองว่าที่ดินทางเดินกว้าง 6 ศอกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยทั้ง 4 ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ห้ามจำเลยคัดค้านขัดขวางในการที่โจทก์เข้าครอบครองเป็นเจ้าของ ดังนี้ เท่ากับโจทก์อ้างว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว แต่จำเลยทั้ง 4 กลับโต้แย้งกรรมสิทธิ์ที่ทางเดินของโจทก์ และคัดค้านขัดขวางในการที่โจทก์เข้าครอบครองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินทางเดินดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้ง 4 ละเมิดสิทธิของโจทก์ขึ้นใหม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยขึ้นเป็นคดีอีกคดีหนึ่งได้
of 28