พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1138/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดินทางเดินหลังสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
เดิมโจทก์ฟ้อง ข. แล้ว ข. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งแยกที่ดินโฉนดที่ 773 ให้แก่โจทก์ เป็นเนื้อที่ครึ่งหนึ่ง ทางด้านหลังของที่ดิน และยอมให้ทางเดินเข้าออกแก่โจทก์ทางด้านตะวันออกของที่ดินเป็นเนื้อที่ 6 ศอก ศาลพิพากษาตามยอมไปแล้ว ข. ยังไม่ได้แบ่งแยกที่ดินให้โจทก์ตามยอม ก็มาถึงแก่กรรมเสียก่อน โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้ง 4 ซึ่งเป็นทายาทของ ข. ไปลงชื่อในคำขอจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดิน เพื่อขอรับโฉนดที่ดินที่ออกใหม่ แต่จำเลยไม่ยอมรับรองว่าที่ดินทางเดินกว้าง 6 ศอกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยทั้ง 4 ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ห้ามจำเลยคัดค้านขัดขวางในการที่โจทก์เข้าครอบครองเป็นเจ้าของ ดังนี้ เท่ากับโจทก์อ้างว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว แต่จำเลยทั้ง 4 กลับโต้แย้งกรรมสิทธิ์ที่ทางเดินของโจทก์ และคัดค้านขัดขวางในการที่โจทก์เข้าครอบครองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินทางเดินดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้ง 4 ละเมิดสิทธิของโจทก์ขึ้นใหม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยขึ้นเป็นคดีอีกคดีหนึ่งได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำชำเราสำเร็จ: พิจารณาจากระยะการสอดใส่ แม้ไม่มีหลักฐานการหลั่งอสุจิ
จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายจนของลับของจำเลยได้เข้าไปในของลับผู้เสียหายราว 1 องคุลี เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำชำเราสำเร็จตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 แล้ว การที่ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่ามีน้ำอสุจิของจำเลยออกมาอยู่ที่ของลับของผู้เสียหายหรือที่ของลับของจำเลยนั้น เป็นเรื่องสำเร็จความใคร่แล้วหรือไม่เป็นอีกส่วนหนึ่ง ไม่เป็นเหตุให้เห็นว่าจำเลยกระทำชำเราไม่สำเร็จ หรือเป็นเพียงขั้นพยายาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานกระทำชำเราสำเร็จ: การเข้าสู่ช่องคลอดแม้เพียงเล็กน้อยถือเป็นความผิดสำเร็จ
จำเลยได้กระทำชำเราผู้เสียหายจนของลับของจำเลยได้เข้าไปในของลับผู้เสียหายราว 1 องคุลี เช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการกระทำชำเราสำเร็จตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 แล้ว การที่ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่ามีน้ำอสุจิของจำเลยออกมาอยู่ที่ของลับของผู้เสียหายหรือที่ของลับของจำเลยนั้นเป็นเรื่องสำเร็จความใคร่แล้วหรือไม่ เป็นอีกส่วนหนึ่ง ไม่เป็นเหตุให้เห็นว่า จำเลยกระทำชำเราไม่สำเร็จ หรือเป็นเพียงขั้นพยายาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1126/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอมเป็นกระทงเดียว คดีถึงที่สุดแล้วสิทธิฟ้องระงับ
ในการพิจารณาคดีแพ่ง จำเลยได้อ้างสัญญากู้ยืมเงินเป็นพยาน โจทก์จึงฟ้องคดีอาญาหาว่าจำเลยปลอมสัญญากู้ยืมดังกล่าวก่อน แล้วต่อมาโจทก์ได้ฟ้องจำเลยฐานใช้และอ้างเอกสารที่หาว่าปลอมนั้นด้วย เช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 และ 268 เห็นได้ชัดว่า ในเรื่องมีผู้ทำปลอมเอกสารขึ้นแล้วผู้ทำนำเอกสารปลอมนั้นไปใช้หรืออ้างเอง กฎหมายให้ลงโทษในการใช้หรืออ้างเอกสารปลอมแต่อย่างเดียว ถือว่าเป็นความผิดกระทงเดียว เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเพียงทำเอกสารสิทธิปลอมก่อน และฟังไม่ได้ว่าเป็นเอกสารปลอม คดีถึงที่สุดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ก็ต้องถือว่า ความผิดในข้อหาใช้หรืออ้างเอกสารปลอม คดีถึงที่สุดเสร็จเด็ดขาดไปแล้วด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) โจทก์จะขอให้ดำเนินคดีและสืบพยานต่อไปหาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 19/2509)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 19/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1126/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิเป็นความผิดกระทงเดียว เมื่อศาลยกฟ้องฐานปลอมเอกสาร ความผิดฐานใช้จึงระงับตามกฎหมาย
ในการพิจารณาคดีแพ่ง จำเลยได้อ้างสัญญากู้ยืมเงินเป็นพยาน โจทก์จึงฟ้องคดีอาญาหาว่าจำเลยปลอมสัญญากู้ยืมดังกล่าวก่อน แล้วต่อมาโจทก์ได้ฟ้องจำเลยฐานใช้และอ้างเอกสารที่หาว่าปลอมนั้นด้วย เช่นนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 และ 268 เห็นได้ชัดว่าในเรื่องมีผู้ทำปลอมเอกสารขึ้นแล้วผู้ทำนำเอกสารปลอมนั้นไปใช้หรืออ้างเองกฎหมายให้ลงโทษในการใช้หรืออ้างเอกสารปลอมแต่อย่างเดียว ถือว่าเป็นความผิดกระทงเดียวเมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเพียงทำเอกสารสิทธิปลอมก่อนและฟังไม่ได้ว่าเป็นเอกสารปลอม คดีถึงที่สุดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ก็ต้องถือว่าความผิดในข้อหาใช้หรืออ้างเอกสารปลอมคดีถึงที่สุดเสร็จเด็ดขาดไปแล้วด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) โจทก์จะขอให้ดำเนินคดีและสืบพยานต่อไปหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้ายระหว่างปล้นทรัพย์ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเองเป็นผู้ใช้มีดเชือดคอเด็กหญิงอายุ 5 ขวบถึงแก่ความตาย และจำเลยยังร่วมกับจำเลยอื่นกระทืบเด็กชายอายุ 8 เดือน ทั้งได้ใช้ผ้าอุดจมูกจนหายใจไม่ออกตาย นอกจากนี้ยังใช้ยาพิษกรอกปากกับใช้มีดเชือดคอมารดาของเด็กทั้งสองผู้ตายจนหลอดเสียงขาด เพื่อจะฆ่าให้ตายด้วย การกระทำของจำเลยดังกล่าวนี้จึงถือได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้าย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1101/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีฆ่าโดยทารุณโหดร้ายจากการปล้นทรัพย์ ศาลฎีกายืนโทษประหารชีวิตจำเลย
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเองเป็นผู้ใช้มีดเชือดคอเด็กหญิงอายุ 5 ขวบถึงแก่ความตาย และจำเลยยังร่วมกับจำเลยอื่นกระทืบเด็กชายอายุ 8 เดือน ทั้งได้ใช้ผ้าอุดจมูกจนหายใจไม่ออกตาย นอกจากนี้ยังใช้ยาพิษกรอกปากกับใช้มีดเชือดคอมารดาของเด็กทั้งสองผู้ตายจนหลอดเสียงขาดเพื่อจะฆ่าให้ตายด้วย การกระทำของจำเลยดังกล่าวนี้จึงถือได้ว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้าย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ของผู้เช่าซื้อ และการฟ้องรวมค่าเสียหายของครอบครัว
ผู้ที่เช่าซื้อทรัพย์โดยมีข้อสัญญาว่าผู้เช่าซื้อจะระมัดระวังดูแลรักษาทรัพย์นั้นให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยคงเดิม การชำรุดเสียหายเป็นหน้าที่ของผู้เช่าซื้อจะต้องซ่อมแซม เมื่อทรัพย์นั้นถูกทำละเมิดให้เสียหาย และผู้เช่าซื้อได้ชำระเงินค่าซ่อมแซมไปแล้ว จึงเป็นผู้เสียหายโดยตรง มีอำนาจฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องรักษาตัวเกิน 20 วัน โจทก์ต้องรักษาตัว เสียค่ายา ค่ารักษา จึงขอคิดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายรวมทั้งค่าทนทุกข์ทรมาน 5,000 บาท ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม เพราะค่าเสียหายเป็นค่าอะไร เท่าใดเสียให้แก่ใคร เมื่อใด และเพราะเหตุใดนั้น เป็นรายละเอียดซึ่งต้องนำสืบในชั้นพิจารณา(อ้างฎีกาที่ 497/2499)
โจทก์เช่าซื้อรถมาใช้ในครอบครัวระหว่างโจทก์และสามีโจทก์ โดยใช้ไปทำงานด้วยกันโดยสามีโจทก์เป็นผู้ขับ เมื่อจำเลยทำละเมิดทำให้รถดังกล่าวเสียหายต้องเข้าอู่ซ่อม เป็นเหตุให้โจทก์และสามีโจทก์ต้องจ้างรถยนต์รับจ้างไปทำงานและรับแพทย์มารักษาโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวรวมกันมาได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องรักษาตัวเกิน 20 วัน โจทก์ต้องรักษาตัว เสียค่ายา ค่ารักษา จึงขอคิดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายรวมทั้งค่าทนทุกข์ทรมาน 5,000 บาท ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม เพราะค่าเสียหายเป็นค่าอะไร เท่าใดเสียให้แก่ใคร เมื่อใด และเพราะเหตุใดนั้น เป็นรายละเอียดซึ่งต้องนำสืบในชั้นพิจารณา(อ้างฎีกาที่ 497/2499)
โจทก์เช่าซื้อรถมาใช้ในครอบครัวระหว่างโจทก์และสามีโจทก์ โดยใช้ไปทำงานด้วยกันโดยสามีโจทก์เป็นผู้ขับ เมื่อจำเลยทำละเมิดทำให้รถดังกล่าวเสียหายต้องเข้าอู่ซ่อม เป็นเหตุให้โจทก์และสามีโจทก์ต้องจ้างรถยนต์รับจ้างไปทำงานและรับแพทย์มารักษาโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวรวมกันมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องผู้เช่าซื้อเรียกค่าเสียหายจากละเมิดต่อรถยนต์ และการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่เกี่ยวข้อง
ผู้ที่เช่าซื้อทรัพย์โดยมีข้อสัญญาว่าผู้เช่าซื้อจะระมัดระวังดูแลรักษาทรัพย์นั้นให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยคงเดิม การชำรุดเสียหายเป็นหน้าที่ของผู้เช่าซื้อจะต้องซ่อมแซม เมื่อทรัพย์นั้นถูกทำละเมิดให้เสียหาย และผู้เช่าซื้อได้ชำระเงินค่าซ่อมแซมไปแล้ว จึงเป็นผู้เสียหายโดยตรง มีอำนาจฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องรักษาตัวเกิน 20 วัน โจทก์ต้องรักษาตัว เสียค่ายา ค่ารักษาจึงขอคิดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายรวมทั้งค่าทนทุกข์ทรมาน 5,000 บาท ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม เพราะค่าเสียหายเป็นค่าอะไรเท่าใดเสียให้แก่ใคร เมื่อใด และเพราะเหตุใดนั้น เป็นรายละเอียดซึ่งต้องนำสืบในชั้นพิจารณา(อ้างฎีกาที่ 497/2499)
โจทก์เช่าซื้อรถมาใช้ในครอบครัวระหว่างโจทก์และสามีโจทก์โดยใช้ไปทำงานด้วยกันโดยสามีโจทก์เป็นผู้ขับ เมื่อจำเลยทำละเมิดทำให้รถดังกล่าวเสียหายต้องเข้าอู่ซ่อม เป็นเหตุให้โจทก์และสามีโจทก์ต้องจ้างรถยนต์รับจ้างไปทำงานและรับแพทย์มารักษาโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวรวมกันมาได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องรักษาตัวเกิน 20 วัน โจทก์ต้องรักษาตัว เสียค่ายา ค่ารักษาจึงขอคิดค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายรวมทั้งค่าทนทุกข์ทรมาน 5,000 บาท ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม เพราะค่าเสียหายเป็นค่าอะไรเท่าใดเสียให้แก่ใคร เมื่อใด และเพราะเหตุใดนั้น เป็นรายละเอียดซึ่งต้องนำสืบในชั้นพิจารณา(อ้างฎีกาที่ 497/2499)
โจทก์เช่าซื้อรถมาใช้ในครอบครัวระหว่างโจทก์และสามีโจทก์โดยใช้ไปทำงานด้วยกันโดยสามีโจทก์เป็นผู้ขับ เมื่อจำเลยทำละเมิดทำให้รถดังกล่าวเสียหายต้องเข้าอู่ซ่อม เป็นเหตุให้โจทก์และสามีโจทก์ต้องจ้างรถยนต์รับจ้างไปทำงานและรับแพทย์มารักษาโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวรวมกันมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066-1067/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินวัด: การได้มาซึ่งที่ดินของวัดและการคุ้มครองกรรมสิทธิ์ตามกฎหมายคณะสงฆ์
ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ.121 มาตรา 7 ซึ่งต่อมาได้ถูกแก้ไขตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์พ.ศ.2477 มาตรา 3 ก็ดีตาม พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 41 ก็ดี และตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 34 ก็ดี จำเลยจะได้ที่วัดไปเป็นของตนก็โดยพระราชบัญญัติทางเดียวเท่านั้น
ฎีกาจำเลยมิได้กล่าวโดยแจ้งชัดว่ากรมการศาสนาไม่มีอำนาจฟ้อง และใบมอบอำนาจใช้ไม่ได้ เรียกค่าเสียหายไม่ได้เพราะเหตุใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 (ประชุมใหญ่ครั้ง ที่ 5/2509)
ฎีกาจำเลยมิได้กล่าวโดยแจ้งชัดว่ากรมการศาสนาไม่มีอำนาจฟ้อง และใบมอบอำนาจใช้ไม่ได้ เรียกค่าเสียหายไม่ได้เพราะเหตุใด จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 (ประชุมใหญ่ครั้ง ที่ 5/2509)