คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อรรถไพศาลศรุดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 274 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันทึกรับสภาพหนี้จากการไกล่เกลี่ยคดีอาญาใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้
บันทึกประจำวันของพนักงานสอบสวนที่มีข้อความชัดแจ้งว่า จำเลยรับรองว่าได้กู้ยืมเงินของโจทก์ไปจำนวนเท่านั้นเท่านี้จริง และจำเลยได้ลงชื่อไว้ท้ายบันทึกนั้นด้วย แม้จะเป็นเรื่องพนักงานสอบสวนเรียกไปไกล่เกลี่ยในทางอาญาก็ตาม ก็ใช้บันทึกนั้นเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บันทึกรับรองหนี้จากการไกล่เกลี่ยทางอาญา ใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้
บันทึกประจำวันของพนักงานสอบสวนที่มีข้อความชัดแจ้งว่าจำเลยรับรองว่าได้กู้ยืมเงินของโจทก์ไปจำนวนเท่านั้นเท่านี้จริงและจำเลยได้ลงชื่อไว้ท้ายบันทึกนั้นด้วย แม้จะเป็นเรื่องพนักงานสอบสวนเรียกไปไกล่เกลี่ยในทางอาญาก็ตามก็ใช้บันทึกนั้นเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงด้วยอาวุธอันตราย ศาลฎีกาพิพากษาฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
จำเลยใช้เหล็กปลายแหลมสามเหลี่ยมยาวทั้งตัวและด้ามประมาณ 1 คืบ แทงผู้ตายขณะยืนดูรำวง โดยแทงที่ใกล้สบักซ้ายทางเบื้องหลังตรงที่สำคัญ บาดแผลลึกถึง 5 นิ้วฟุต แสดงว่าแทงโดยแรง พฤติการณ์ดั่งนี้ส่อให้เห็นชัดว่าจำเลยตั้งใจแทงโดยมีเจตนาจะฆ่าให้ตาย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการแทงด้วยอาวุธอันตราย ศาลฎีกายืนโทษฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
จำเลยใช้เหล็กปลายแหลมสามเหลี่ยมยาวทั้งตัวและด้ามประมาณ1 คืบ แทงผู้ตายขณะยืนดูรำวง โดยแทงที่ใกล้สบักซ้ายทางเบื้องหลังตรงที่สำคัญ บาดแผลลึกถึง 5 นิ้วฟุตแสดงว่าแทงโดยแรงพฤติการณ์ดังนี้ส่อให้เห็นชัดว่าจำเลยตั้งใจแทงโดยมีเจตนาจะฆ่าให้ตายจำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(3) การสูญเสียอวัยวะต้องเทียบเท่าอวัยวะสำคัญ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(3) เจตนารมย์ของกฎหมายมุ่งหมายถึงการก่อให้เกิดอันตรายแก่กายที่สูญเสียอวัยวะสำคัญๆ ของร่างกายเช่นที่ระบุไว้ในกฎหมายนั้น ดังนั้น การสูญเสียอวัยวะอื่นใดตามมาตรา 297(3) ก็ต้องเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายหรือต้องสูญเสียไปถึงขนาดเทียบเท่าเสีย แขน ขา มือ เท้า นิ้ว ตามที่กฎหมายระบุไว้แล้ว มิใช่ว่าเสียอวัยวะส่วนใด ๆ ก็เป็นอันตรายสาหัสเช่นเดียวกันทั้งหมดไม่
โจทก์ต้องเสียฟันไปเพียงซี่เดียว แม้ฟันจะเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายแต่เฉพาะเท่าที่เสียไปยังไม่ถึงขนาดที่จะถือได้ว่ามีความสำคัญหรือการสูญเสียเทียบเท่ากับการเสีย แขน ขา มือ เท้า หรือนิ้ว อันเป็นอวัยวะที่กฎหมายระบุไว้ชัดแจ้งนั้น จะนับว่าโจทก์ได้รับอันตรายสาหัสตามความในมาตรา 297(3) บัญญัติไว้ยังไม่ได้
ข้อที่ว่า ฟันที่ต้องเสียไป 1 ซี่นี้อยู่ด้านหน้าทำให้รูปหน้าเสียโฉมติดตัวเป็นอันตรายสาหัสตามมาตรา 297(4) นั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยในข้อนี้ จึงมิใช่ข้อกฎหมายที่โจทก์จะยกขึ้นว่ากล่าวได้เลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อันตรายสาหัสจากการสูญเสียอวัยวะ ฟันสูญเสีย 1 ซี่ ไม่ถึงเกณฑ์อันตรายสาหัสตามกฎหมาย
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297(3) เจตนารมณ์ของกฎหมายมุ่งหมายถึงการก่อให้เกิดอันตรายแก่กายที่สูญเสียอวัยวะสำคัญ ๆ ของร่างกาย เช่นที่ระบุไว้ในกฎหมายนั้น ดังนั้น การสูญเสียอวัยวะอื่นใดตามมาตรา 297(3) ก็ต้องเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายหรือต้องสูญเสียไปถึงขนาดเทียบเท่าเสีย แขน ขา มือ เท้า นิ้ว ตามที่กฎหมายระบุไว้แล้ว มิใช่ว่าเสียอวัยวะส่วนใด ๆ ก็เป็นอันตรายสาหัสเช่นเดียวกันทั้งหมดไม่
โจทก์ต้องเสียฟันไปเพียงซี่เดียว แม้ฟันจะเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่เฉพาะเท่าที่เสียไป ยังไม่ถึงขนาดที่จะถือได้ว่ามีความสำคัญหรือการสูญเสียเทียบเท่ากับการเสีย แขน ขา มือ เท้า หรือนิ้ว อันเป็นอวัยวะที่กฎหมายระบุไว้ชัดแจ้งนั้น จะนับว่าโจทก์ได้รับอันตรายสาหัสตามความในมาตรา 297(3) บัญญัติไว้ยังไม่ได้
ข้อที่ว่า ฟันที่ต้องเสียไป 1 ซี่นี้อยู่ด้านหน้าทำให้รูปหน้าเสียโฉมติดตัว เป็นอันตรายสาหัสตามมาตรา 297(4) นั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยในข้อนี้ จึงมิใช่ข้อกฎหมายที่โจทก์จะยกขึ้นว่ากล่าวได้เลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 603/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบุตรนอกกฎหมายรับมรดกและฟ้องคดีได้ แม้ไม่ได้รับการแสดงว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว มีสิทธิรับมรดกของบิดา และมีสิทธิฟ้องคดีขอไถ่ถอนการขายฝากของบิดา โดยไม่จำเป็นต้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาก่อน.
(อ้างฎีกาที่ 204/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 603/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองมีสิทธิรับมรดกและฟ้องคดีได้ แม้ไม่ได้รับการแสดงว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว มีสิทธิรับมรดกของบิดาและมีสิทธิฟ้องคดีขอไถ่ถอนการขายฝากของบิดาโดยไม่จำเป็นต้องขอให้ศาลสั่งแสดงว่าเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันของสามีภริยาในสัญญาค่านายหน้า โดยมีการยินยอมและรับผลประโยชน์ร่วมกัน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ย่อมจะต้องรับผิดในกิจการที่ได้กระทำร่วมกัน การที่จำเลยที่ 2 ไปติดต่อขอให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียว โดยจำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมและยอมรับเอาผลตามที่จำเลยที่ 2 ไปติดต่อให้โจทก์เป็นนายหน้า จนในที่สุดจำเลยที่ 1 ก็ได้ขายที่ดินให้บุคคลอื่นสมดังความตั้งใจ ทั้งนี้ ก็เนื่องจากผลแห่งการที่โจทก์เป็นผู้ติดต่อชี้ช่องให้ได้ทำสัญญากันนั่นเอง ฉะนั้น จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชอบต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 575/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันของสามีภริยาในคดีนายหน้าซื้อขายที่ดิน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายย่อมจะต้องรับผิดในกิจการที่ได้กระทำร่วมกันการที่จำเลยที่ 2 ไปติดต่อขอให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียวโดยจำเลยที่ 1 รู้เห็นยินยอมและยอมรับเอาผลตามที่จำเลยที่ 2 ไปติดต่อให้โจทก์เป็นนายหน้าจนในที่สุดจำเลยที่1 ก็ได้ขายที่ดินให้บุคคลอื่นสมดังความตั้งใจ ทั้งนี้ก็เนื่องจากผลแห่งการที่โจทก์เป็นผู้ติดต่อชี้ช่องให้ได้ทำสัญญากันนั่นเองฉะนั้น จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชอบต่อโจทก์
of 28