พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,126 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่ากรณีผิดสัญญาเช่าช่วง และการอุทธรณ์ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ว่ากล่าวในศาลอุทธรณ์
คดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์ก็ไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงนั้นให้ ย่อมจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอีกมิได้ เพราะข้อเท็จจริงนั้นมิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249
ในกรณีที่ผู้เช่าผิดสัญญาเช่า โดยเอาห้องพิพาทไปให้เช่าช่วงอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 544 นั้น การบอกเลิกสัญญาเช่าไม่จำต้องกำหนดให้เวลาผู้เช่าเหมือนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 560 และ 566.
ในกรณีที่ผู้เช่าผิดสัญญาเช่า โดยเอาห้องพิพาทไปให้เช่าช่วงอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 544 นั้น การบอกเลิกสัญญาเช่าไม่จำต้องกำหนดให้เวลาผู้เช่าเหมือนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 560 และ 566.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่ากรณีผู้เช่าให้เช่าช่วงและการอุทธรณ์ฎีกาข้อเท็จจริงที่ถูกจำกัด
คดีที่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์ก็ไม่รับวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงนั้นให้ย่อมจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอีกมิได้ เพราะข้อเท็จจริงนั้นมิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ในกรณีที่ผู้เช่าผิดสัญญาเช่า โดยเอาห้องพิพาทไปให้เช่าช่วงอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา544 นั้น การบอกเลิกสัญญาเช่าไม่จำต้องกำหนดให้เวลาผู้เช่าเหมือนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 560 และ 566
ในกรณีที่ผู้เช่าผิดสัญญาเช่า โดยเอาห้องพิพาทไปให้เช่าช่วงอันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา544 นั้น การบอกเลิกสัญญาเช่าไม่จำต้องกำหนดให้เวลาผู้เช่าเหมือนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 560 และ 566
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โรงเรือนเก็บสินค้า ถือเป็นที่ไว้สินค้าตามกฎหมายภาษีโรงเรือนฯ แม้ไม่ได้ใช้ทำการค้าโดยตรง
เมื่อสิ่งของที่เก็บไว้ในโรงเรือนของจำเลยเป็นสินค้า ทั้งจำเลยทำการค้าเปิดร้านอีกแห่งหนึ่งและปรากฏว่าบางทีจำเลยเอาสินค้านี้ไปใส่ร้านค้าของจำเลยนั้นดังนี้ ถือได้ว่าโรงเรือนของจำเลยเป็นที่ไว้สินค้าตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ.2475 มาตรา 10 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2475 มาตรา 3 ไม่จำเป็นว่าจำเลยจะต้องเปิดทำการค้าที่โรงเรือนนี้หรือถึงกับจะต้องใช้โรงเรือนนี้เป็นที่รับทำการเก็บสินค้าเพื่อบำเหน็จจึงจะเป็นที่ไว้สินค้า และเมื่อจำเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการแห่งทรัพย์สินเพื่อเสียภาษีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยย่อมมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือน: การเก็บสินค้าเพื่อการค้า ถือเป็น 'ที่ไว้สินค้า' แม้ไม่ได้เปิดร้าน
เมื่อสิ่งของที่เก็บไว้ในโรงเรือนของจำเลยเป็นสินค้าทั้งจำเลยทำการค้าเปิดร้านอีกแห่งหนึ่งและปรากฏว่าบางทีจำเลยเอาสินค้านี้ไปใส่ร้านค้าของจำเลยนั้น ดังนี้ถือได้ว่าโรงเรือนจำเลยเป็นที่ไว้สินค้าตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 10 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2475 มาตรา 3 ไม่จำเป็นว่าจำเลยจะต้องเปิดทำการค้าที่โรงเรือนนี้หรือถึงกับจะต้องใช้โรงเรือนนี้เป็นที่รับทำการเก็บสินค้าเพื่อบำเหน็จจึงจะเป็นที่ไว้สินค้า และเมื่อจำเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการแห่งทรัพย์สินเพื่อเสียภาษีต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยย่อมมีความผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่สมบูรณ์และการบังคับคดีตามหนี้เดิม แม้จะพิพากษาตามสัญญาที่ไม่สมบูรณ์ ศาลยังคงบังคับคดีตามหนี้ซื้อของเชื่อได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงิน 4,000 บาท จำเลยว่าเป็นเรื่องซื้อของเชื่อเพียง 400 บาท โจทก์ให้จำเลยเซ็นชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้โดยมิได้กรอกข้อความไว้ จำเลยยังมิได้ชำระค่าซื้อของเชื่อจริง ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์กรอกสัญญากู้ภายหลัง จึงให้จำเลยชำระค่าซื้อของเชื่อ 400 บาท ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยมิได้เป็นหนี้เงินกู้ตามสัญญาที่โจทก์ฟ้อง แต่ฟังได้ว่าจำเลยได้ลงชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้ที่ยังมิได้กรอกข้อความให้โจทก์ไว้ เนื่องจากจำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อของเชื่อจากโจทก์ ก็พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 400 บาทให้โจทก์ได้ (ความจริงศาลฎีกาพิพากษาให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งมีผลเท่ากับให้จำเลยใช้เงิน 400 บาท นั่นเอง).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่มีข้อความกรอกชัดเจน ศาลพิจารณาจากเจตนาในการลงชื่อและหนี้ซื้อเชื่อ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงิน 4,000 บาท จำเลยว่าเป็นเรื่องซื้อของเชื่อเพียง 400 บาท โจทก์ให้จำเลยเซ็นชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้โดยมิได้กรอกข้อความไว้ จำเลยยังมิได้ชำระค่าซื้อขอเชื้อจริง ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์กรอกสัญญากู้ภายหลังจึงให้จำเลยชำระค่าซื้อของเชื่อ 400 บาท ดังนี้ เมื่อศาลฎีกาฟังว่าจำเลยมิได้เป็นหนี้เงินกู้ตามสัญญาที่โจทก์ฟ้อง แต่ฟังได้ว่าจำเลยได้ลงชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้ที่ยังมิได้กรอกข้อความให้โจทก์ไว้เนื่องจากจำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อของเชื่อจากโจทก์ ก็พิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 400 บาทให้โจทก์ได้
(ความจริงศาลฎีกาพิพากษาให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งมีผลเท่ากับให้จำเลยใช้เงิน 400 บาทนั้นเอง)
(ความจริงศาลฎีกาพิพากษาให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งมีผลเท่ากับให้จำเลยใช้เงิน 400 บาทนั้นเอง)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความเหมือนหรือความคล้ายคลึงของเครื่องหมายการค้า เพื่อตัดสินว่าเป็นการละเมิดหรือไม่
เครื่องหมายการค้าของจำเลยมีลักษณะประกอบกัน 3 ประการคือ ลิงควายและกวางเฉพาะลิงนั้นถือธงด้วย ซึ่งมองไปก็เห็นลักษณะอันเด่นชัดของภาพทั้ง 3 ได้ทันทีตลอดถึงธงที่ถือก็เห็นได้ชัดเจนส่วนเครื่องหมายการค้าของโจทก์มีลักษณะคนขี่ควายอย่างเดียวไม่เหมือนกันรูปร่างและลักษณะท่าทางของลิงก็แตกต่างกับรูปร่างลักษณะท่าทางของคน เห็นได้ชัดดังนี้ เครื่องหมายการค้าของจำเลยมีลักษณะไม่เหมือนหรือคล้ายกันกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์อันจะทำให้สาธารณชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความเหมือนหรือความต่างของเครื่องหมายการค้า เพื่อวินิจฉัยการละเมิดสิทธิ
เครื่องหมายการค้าของจำเลยมีลักษณะประกอบกัน 3 ประการ คือ ลิง ควายและกวาง เฉพาะลิงนั้นถือธงด้วย ซึ่งมองไปก็เห็นลักษณะอันเด่นชัดของภาพทั้ง 3 ได้ทันที ตลอดถึงธงที่ถือก็เห็นได้ชัดเจน ส่วนเครื่องหมายการค้าของโจทก์มีลักษณะคนขี่ควายอย่างเดียว ไม่เหมือนกัน รูปร่างและลักษณะท่าทางของลิงก็แตกต่างกับรูปร่างลักษณะท่าทางของคน เห็นได้ชัด ดังนี้ เครื่องหมายการค้าของจำเลยมีลักษณะไม่เหมือนหรือคล้ายกันกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ อันจะทำให้สาธารณชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีโดยคนอนาถาและผลของการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเกี่ยวกับการวางเงินค่าธรรมเนียม
การที่ศาลไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ และโจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์สั่งยืน และว่าถ้าจะอุทธรณ์ให้วางเงินค่าธรรมเนียมภายใน 7 วัน แต่โจทก์ไม่วางเงินค่าธรรมเนียม กลับฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะคำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาสั่งว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 โจทก์จึงกลับมาร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้รับฟ้องอุทธรณ์อีก ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินการฟ้องคดีโดยไม่ชำระค่าธรรมเนียมศาล ส่งผลให้คดีถึงที่สุดและศาลไม่รับอุทธรณ์
การที่ศาลไม่อนุญาตให้โจทก์ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์ และโจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์สั่งยืนและว่าถ้าจะอุทธรณ์ให้วางเงินค่าธรรมเนียมภายใน 7 วันแต่โจทก์ไม่วางเงินค่าธรรมเนียม กลับฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับเพราะคำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาสั่งว่าคำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156โจทก์จึงกลับมาร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้รับฟ้องอุทธรณ์อีกศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนดังนี้กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา236 คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด