พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,126 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นฆ่าผู้อื่นทั่วไป เนื่องจากขาดหลักฐานการรับจ้าง
ได้ความตามที่โจทก์นำสืบเพียงว่า จำเลยผลัดกันเข้ายิงผู้ตาย เท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานพอฟังว่า จำเลยรับจ้างผู้อื่นมายิงผู้ตาย อันจะเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 288 ไม่ใช่มาตรา 289
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1162/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำแนกความผิดฐานฆ่าผู้อื่น: ไตร่ตรองไว้ก่อน (289) vs. ไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน (288) ต้องมีหลักฐานแสดงเจตนา
ได้ความตามที่โจทก์นำสืบเพียงว่า จำเลยผลัดกันเข้ายิงผู้ตาย เท่านั้น ยังไม่มีหลักฐานพอฟังว่าจำเลยรับจ้างผู้อื่นมายิงผู้ตาย อันจะเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 288 ไม่ใช่มาตรา 289
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์เนื่องจากผู้ร้องถึงแก่กรรมและไม่มีผู้สืบสิทธิ
ในกรณีที่ผู้ร้องยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่สั่งว่าเรือนพิพาทที่โจทก์ยึดฟังไม่ได้ว่าเป็นของผู้ร้อง ต่อมาปรากฏว่าผู้ร้องได้ถึงแก่มรณะ และตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้ร้อง ดังนี้ ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์ออกเสียจากสารบบความศาลฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากผู้ร้องถึงแก่กรรมและไม่มีผู้ดำเนินการแทน
ในกรณีที่ผู้ร้องยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่สั่งว่าเรือนพิพาทที่โจทก์ยึดฟังไม่ได้ว่าเป็นของผู้ร้อง ต่อมาปรากฏว่าผู้ร้องได้ถึงแก่มรณะและตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้ร้อง ดังนี้ ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์ออกเสียจากสารบบความศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1038/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเคหะเพื่อประกอบการค้า ไม่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่าเคหะฯ แม้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย
จำเลยเป็นแพทย์แผนโบราณ มีอาชีพรับรักษาโรค จำเลยเช่าตึกแถวพิพาทได้ทำสัญญาเช่ากับเจ้าของเดิมหลายครั้ง เสียเงินกินเปล่าทุกครั้ง จำเลยตั้งเครื่องบดยาไฟฟ้าในตึกพิพาท รับจ้างบดยาสมุนไพรและทำยาผงไทยให้เป็นเม็ด ได้จดทะเบียนพาณิชย์ฟังได้ว่าจำเลยประกอบการค้าเป็นล่ำเป็นสัน ไม่ใช่ประกอบกิจการเล็กน้อย และได้ใช้ตึกพิพาทเปิดเป็นร้านตัดผมด้วย ตึกพิพาทอยู่ในทำเลการค้า ฟังได้ว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อประกอบการค้า แม้จำเลยจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 มาตรา 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1038/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าตึกเพื่อประกอบการค้าขนาดใหญ่ ไม่เข้าข่ายเคหะที่ได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.การเช่าเคหะและที่ดิน
จำเลยเป็นแพทย์แผนโบราณ มีอาชีพรับรักษาโรค จำเลยเช่าตึกแถวพิพาท ได้ทำสัญญาเช่ากับเจ้าของเดิมหลายครั้ง เสียเงินกินเปล่าทุกครั้ง จำเลยตั้งเครื่องบดยาไฟฟ้าในตึกพิพาท รับจ้างบดยาสมุนไพรและทำยาผงไทยให้เป็นเม็ด ได้จดทะเบียนพาณิชย์ ฟังได้ว่าจำเลยประกอบการค้าเป็นล่ำเป็นสัน ไม่ใช่ประกอบกิจการเล็กน้อย และได้ใช้ตึกพิพาทเปิดเป็นร้านตัดผมด้วย ตึกพิพาทอยู่ในทำเลการค้า ฟังได้ว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อประกอบการค้า แม้จำเลยจะใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน พ.ศ.2504 มาตรา 4.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษเด็กและเยาวชนโดยคำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ และสิ่งแวดล้อม
เมื่อพิจารณาถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ปรากฏว่าจำเลยมีอายุ 18 ปีเศษ กระทำผิดระหว่างมอบตัวแก่มารดาโดยมีเงื่อนไขมิให้ก่อเหตุร้ายตามสำนวนคดีอาญาที่ศาลพิพากษาไปแล้ว และมีบุคคลิกภาพในทางรุกรานชอบพกอาวุธและคบเพื่อนที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม สมควรส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมในสถานฝึกอบรมของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 977-978/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการแบ่งแยกที่ดินต้องยกขึ้นอุทธรณ์หรือฎีกาเท่านั้น การร้องขอในคำแก้ไม่ถือเป็นประเด็น
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่า ที่ดินเฉพาะส่วนเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และขอให้บังคับจำเลยแบ่งแยกให้โจทก์ด้วยเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาเพียงว่า ที่เฉพาะส่วนนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แล้วโจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ฎีกา โจทก์คงเพียงแต่ร้องขอมาในคำแก้อุทธรณ์และคำแก้ฎีกาขอให้ศาลพิพากษาแบ่งแยกให้ด้วยเท่านั้น ย่อมไม่มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 977-978/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การที่โจทก์มิได้อุทธรณ์ฎีกาในประเด็นแบ่งแยกที่ดิน ทำให้ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาไม่มีอำนาจวินิจฉัย แม้จะมีการร้องขอในคำแก้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่า ที่ดินเฉพาะส่วนเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และขอให้บังคับจำเลยแบ่งแยกให้โจทก์ด้วย เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาเพียงว่า ที่เฉพาะส่วนนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ แล้วโจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ฎีกา โจทก์คงเพียงแต่ร้องขอมาในคำแก้อุทธรณ์และคำแก้ฎีกาขอให้ศาลพิพากษาแบ่งแยกให้ด้วยเท่านั้น ย่อมไม่มีประเด็นที่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 974/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของมารดาต่อการกระทำผิดของบุตรผู้เยาว์ กรณีมิได้ดูแลอย่างเหมาะสม
มารดาต้องรับผิดฐานละเมิดร่วมกับผู้เยาว์ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล
มารดาเห็นบุตรถือปืน จึงว่ากล่าวตักเตือนบุตรไม่เชื่อฟัง กลับเอาปืนไปซ่อนเสีย พอลับหลังมารดาก็เอาปืนมาเล่นอีก ถือว่า การว่ากล่าวตักเตือนของมารดาเพียงเท่านี้ หาเพียงพอกับการที่จะต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลของตนในฐานะเป็นมารดาไม่ มารดาจึงต้องร่วมรับผิดในการที่บุตรประมาทเลินเล่อเอาปืนยิงผู้อื่นตาย.
มารดาเห็นบุตรถือปืน จึงว่ากล่าวตักเตือนบุตรไม่เชื่อฟัง กลับเอาปืนไปซ่อนเสีย พอลับหลังมารดาก็เอาปืนมาเล่นอีก ถือว่า การว่ากล่าวตักเตือนของมารดาเพียงเท่านี้ หาเพียงพอกับการที่จะต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลของตนในฐานะเป็นมารดาไม่ มารดาจึงต้องร่วมรับผิดในการที่บุตรประมาทเลินเล่อเอาปืนยิงผู้อื่นตาย.