คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
โพยม เลขยานนท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,126 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ปืนป้องกันตัวจากการบุกรุกและทำร้ายร่างกายเพื่อลักทรัพย์ ศาลเห็นว่าเป็นการกระทำที่สมควรแก่เหตุ
ข้อเท็จจริงได้ความว่าแถวนั้นมีผู้ร้ายชุกชุมฝ่ายผู้ตายมีพวกมาด้วยกันถึง 3 คน บุกรุกเข้ามาลักทรัพย์ในไร่จำเลยจำเลยร้องทักว่าใคร 2 ครั้ง ฝ่ายผู้ตายก็ใช้กระบองขว้าง 2 ครั้ง พยายามที่จะทำให้จำเลยกับพวกบาดเจ็บเป็นการใช้กำลังเพื่อประทุษร้ายจำเลยให้เป็นความสะดวกในการที่ผู้ตายจะทำการลักทรัพย์ขณะเกิดเหตุเดือนมืดมองไม่เห็นกันจำเลยรู้ไม่ได้ว่าผู้ตายกับพวกมีปืนมีมีดติดตัวมาด้วยหรือไม่การที่จำเลยใช้ปืนยิงต่อสู้ไปนัดเดียวแล้ววิ่งกลับบ้าน แสดงว่าจำเลยมีความกลัวผู้ร้ายอยู่มากเห็นได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงไปในขณะที่เห็นได้ว่าภยันตรายใกล้จะถึงตัวจำเลยกับพวกอยู่แล้วการกระทำของจำเลยจึงเป็นไปพอสมควรแก่เหตุไม่มีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเอง/ทรัพย์สินจากผู้บุกรุกและการใช้กำลังสมควรแก่เหตุในสถานการณ์คับขัน
ข้อเท็จจริงได้ความว่า แถวนั้นมีผู้ร้ายชุกชุมฝ่ายผู้ตายมีพวกมาด้วยกันถึง 3 คน บุกรุกเข้ามาลักทรัพย์ในไร่จำเลย จำเลยร้องทักว่า ใคร 2 ครั้ง ฝ่ายผู้ตายก็ใช้กระบองขว้าง 2 ครั้ง พยายามที่จะทำให้จำเลยกับพวกบาดเจ็บ เป็นการใช้กำลังเพื่อประทุษร้ายจำเลยให้เป็นความสะดวกในการที่ผู้ตายจะทการลักทรัพย์ ขณะเกิดเหตุเดือนมืดมองไม่เห็นกัน จำเลยรู้ไม่ได้ว่าผู้ตายกับพวกมีปืนมีมีดติดตัวมาด้วยหรือไม่ การที่จำเลยใช้ปืนยิงต่อสู้ไปนัดเดียวแล้ววิ่งกลับบ้าน แสดงว่าจำเลยมีความกลัวผู้ร้ายอยู่มาก เห็นได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงไปในขณะที่เห็นได้ว่าภยันตรายใกล้จะถึงตัวจำเลยกับพวกอยู่แล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นไปพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยจำหน่ายทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้มีการบรรยายถึงการ 'รับเอา' ทรัพย์ไว้ ก็ไม่ทำให้การกระทำความผิดฐานช่วยจำหน่ายสิ้นไป
มีคนเอาปืนมาจำนำจำเลย จำเลยไม่มีเงินจึงพาไปจำนำกับผู้อื่นโดยจำเลยช่วยพูดจาให้เขารับจำนำ เช่นนี้เป็นการช่วยจำหน่ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
โจทก์บรรยายฟ้องตอนหนึ่งว่า จำเลยนี้กับพวกได้นำเอาอาวุธปืนดังกล่าวไปจำนำนายนวลแสงพุ่มพงษ์เป็นการบรรยายถึงการกระทำที่อ้างถึงจำเลยกระทำช่วยจำหน่ายอยู่ในตัวแล้วแม้ตอนต่อไปโจทก์จะบรรยายสรุปการกระทำของจำเลยว่า ทั้งนี้จำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันรับเอาอาวุธปืนเป็นทำนองจำเลยรับไว้ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยและความหมายข้างต้นที่โจทก์บรรยายฟ้องเสียไป
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การช่วยเหลือการจำหน่ายทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357
มีคนเอาปืนมาจำนำจำเลย จำเลยไม่มีเงินจึงพาไปจำนำกับผู้อื่น โดยจำเลยช่วยพูดจาให้เขารับจำเลย เช่นนี้ เป็นการช่วยจำหน่ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
โจทก์บรรยายฟ้องตอนหนึ่งว่าจำเลยนี้กับพวกได้นำเอาอาวุธปืนดังกล่าวไปจำนวนนายนวล แสงพุ่มพงษ์ เป็นการบรรยายถึงการกระทำที่อ้างถึงจำเลยกระทำช่วยจำหน่ายอยู่ในตัวแล้ว แม้ตอนต่อไปโจทก์จะบรรยายสรุปการกระทำของจำเลยว่า ทั้งนี้จำเลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันรับเอาอาวุธปืน เป็นทำนองจำเลยรับไว้ ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยและความหมายข้างต้นที่โจทก์บรรยายฟ้องเสียไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทายาทและเจ้าหนี้ในการบังคับคดีทรัพย์สินร่วมกัน: การกันส่วนได้ของทายาท
ผู้ตายและจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทร่วมกัน เมื่อผู้ตาย ที่ดินส่วนของผู้ตายย่อมเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิจะยึดทรัพย์ส่วนของจำเลยมาชำระหนี้ตนได้ แต่ต้องไม่ทำให้กระทบกระเทือนถึงส่วนได้ของผู้อื่นผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลย
เมื่อทรัพย์ซึ่งเป็นของบุคคลหลายคนรวมกันถูกขายทอดตลาดตามคำพิพากษาของศาลเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ร่วมกับจำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลกันส่วนได้ของตนเสียภายในห้าปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทายาทในทรัพย์สินร่วม และสิทธิเจ้าหนี้ในการบังคับคดี โดยไม่กระทบสิทธิผู้อื่น
ผู้ตายและจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทร่วมกันเมื่อผู้ตายตายที่ดินส่วนของผู้ตายย่อมเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิจะยึดทรัพย์ส่วนของจำเลยมาชำระหนี้ตนได้แต่ต้องไม่ทำให้กระทบกระเทือนถึงส่วนได้ของผู้อื่นผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิร่วมกับจำเลย
เมื่อทรัพย์ซึ่งเป็นของบุคคลหลายคนรวมกันถูกขายทอดตลาดตามคำพิพากษาของศาล เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ร่วมกับจำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลกันส่วนได้ของตนเสียภายในห้าปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักลอบนำทรัพย์สินเข้าเรือนจำ: คำฟ้องไม่จำเป็นต้องระบุการฝ่าฝืนระเบียบเฉพาะเจาะจง หากกิริยา 'ลักลอบ' ครอบคลุมความผิดทั้งทางกฎหมายและระเบียบ
ผู้ว่าคดีฟ้องด้วยวาจาว่า " เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2506 เวลากลางวัน จำเลยได้ลักลอบนำธนบัตรเข้าไปในเรือนจำและมีไว้ในครอบครอง 580 บาท ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2479 มาตรา 37, 39, 45 วรรค 3 และริบของกลาง ฯลฯ" โดยไม่ได้แจ้งข้อความต่อศาลว่า "เป็นการฝ่าฝืนระเบียบหรือข้อบังคับของเรือนจำ" ด้วยนั้น ก็เป็นฟ้องที่ครบบริบูรร์แล้ว เพราะกิริยา "ลักลอบ" หมายถึงการนำธนบัตรเข้าไปในเรือนจำเป็นการกระทำผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนระเบียบหรือข้อบังคับของเรือนจำ อันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดได้ทั้ง 2 กรณี
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 29/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 645/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของคำฟ้องกรณีลักลอบนำสิ่งของเข้าเรือนจำ ศาลตีความ 'ลักลอบ' ครอบคลุมทั้งความผิดตามกฎหมายและระเบียบ
ผู้ว่าคดีฟ้องด้วยวาจาว่า 'เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2506 เวลากลางวันจำเลยได้ลักลอบนำธนบัตรเข้าไปในเรือนจำและมีไว้ในครอบครอง580 บาท ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2479 มาตรา 37,39,45 วรรคสาม และริบของกลางฯลฯ' โดยไม่ได้แจ้งข้อความต่อศาลว่า 'เป็นการฝ่าฝืนระเบียบหรือข้อบังคับของเรือนจำ' ด้วยนั้น ก็เป็นฟ้องที่ครบบริบูรณ์แล้ว เพราะกิริยา'ลักลอบ' หมายถึงการนำธนบัตรเข้าไปในเรือนจำเป็นการกระทำผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนระเบียบหรือข้อบังคับของเรือนจำอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิดได้ทั้ง 2 กรณี (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 29/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้จดทะเบียนขายฝากที่ดินรวมโดยไม่คัดค้านผูกพันเจ้าของรวมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของรวมในที่นาพิพาทอันเป็นที่ดินมือเปล่า จำเลยไปแจ้งการครอบครองที่พิพาทเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียวและยื่นคำขอคำรับรองทำประโยชน์ กับยื่นคำขอจดทะเบียนนิติกรรมขายฝาก โจทก์รู้แต่ก็นิ่งเสียไม่คัดค้าน แสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้ให้จำเลยแสดงตนเป็นเจ้าของนาพิพาทแต่ผู้เดียว โดยยินยอมให้จำเลยขายฝากที่พิพาท การขายฝากจึงผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรค 2
จำเลยคนหนึ่งขาดนัดมาแต่ต้นและมิได้อุทธรณ์ฎีกา แต่รูปคดีเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จำเลยจึงได้รับผลตามคำพิพากษาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) และ 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมโดยปริยายให้จำเลยจดทะเบียนขายฝากที่ดินมรดกย่อมผูกพันโจทก์ผู้เป็นเจ้าของรวม
โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของรวมในที่นาพิพาทอันเป็นที่ดินมือเปล่าจำเลยไปแจ้งการครอบครองที่พิพาทเป็นของจำเลยแต่ผู้เดียวและยื่นคำขอคำรับรองทำประโยชน์กับยื่นคำขอจดทะเบียนนิติกรรมขายฝากโจทก์รู้แต่ก็นิ่งเสียไม่คัดค้าน แสดงให้เห็นว่าโจทก์ได้ให้จำเลยแสดงตนเป็นเจ้าของนาพิพาทแต่ผู้เดียว โดยยินยอมให้จำเลยขายฝากที่พิพาทการขายฝากจึงผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรคสอง
จำเลยคนหนึ่งขาดนัดมาแต่ต้นและมิได้อุทธรณ์ฎีกาแต่รูปคดีเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้จำเลยจึงได้รับผลตามคำพิพากษาด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 245(1) และ 247
of 113