พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,126 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยในคดีอาญา: การสอบถามเรื่องทนายก่อนพิจารณา แม้จำเลยรับสารภาพ
ในคดีอุกฉกรรจ์มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไปนั้น ก่อนเริ่มพิจารณาศาลจะต้องถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการ ศาลก็ต้องตั้งให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 แม้คดีนั้นต่อมาชั้นพิจารณาจำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง และศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ได้ก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเจ็บป่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร: ความรับผิดทางอาญา
จำเลยเป็นทหารกองเกินได้รับหมายเรียกให้ไปให้คณะกรรมการตรวจคัดเลือกเข้ารับราชการทหาร ถึงวันคัดเลือกจำเลยป่วย จึงให้บิดาไปแจ้งต่อคณะกรรมการแทน ด้วยความเข้าใจผิดของบิดา ได้ไปแจ้งต่อสัสดีอำเภอโดยเชื่อว่าเป็นบุคคลที่ควรรับแจ้ง แม้ความจริงจะปรากฏว่าสัสดีอำเภอมิใช่กรรมการคัดเลือกก็ตาม ก็ไม่ใช่ความผิดของจำเลยจึงเอาผิดแก่จำเลยฐานหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำให้เสียทรัพย์และการยกฟ้องในคดีอาญา แม้จำเลยไม่อุทธรณ์
คดีอาญาซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลย โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุก โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษา ศาลมีอำนาจพิจารณาบังคับคดีตามความเป็นจริง แม้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว หากมีเหตุเปลี่ยนแปลง
โจทก์ฟ้องจำเลย ศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดถึงที่สุดแล้วเป็นผลว่าให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 โอนขายที่พิพาทให้โจทก์ 2 งาน โดยวัดจากหลักหมายเลขที่ 12021 ไปหาหลักเลขที่ 08080 โดยให้เป็นรูปที่ดินตามเส้นแดงในแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง ถ้าหากจำเลยไม่ปฏิบัติการโอนให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยนี้ด้วย ถ้าจำเลยไม่สามารถขายที่ดินรายนี้ให้โจทก์ได้ตามที่กล่าวแล้ว ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 คืนเงินมัดจำ 5,000 บาทแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ กับให้จำเลยที่ 1 และที่ 2ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 10,000 บาทดังนี้ ในการบังคับคดีย่อมเป็นหน้าที่ศาลชั้นต้นที่จะต้องดูว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 จะปฏิบัติการโอนขายที่พิพาทให้โจทก์2 งานดังกล่าวแล้วได้โดยชอบด้วยกฎหมายได้หรือไม่ และจะถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยได้หรือไม่เมื่อไม่มีทางปฏิบัติตามที่กล่าวนั้นได้แล้วจึงจะบังคับให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 5,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยและค่าเสียหายให้แก่โจทก์ 10,000 บาท
กรณีดังกล่าวข้างต้น ในชั้นแรกข้อเท็จจริงปรากฏแก่ศาลว่า จำเลยไม่อาจปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำบังคับโดยวิธีแรกนั้นได้ โจทก์ขอให้บังคับการโอนเป็นอย่างอื่นศาลชั้นต้นจึงสั่งบังคับให้เป็นไปโดยวิธีที่สอง คือให้จำเลยคืนเงินมัดจำพร้อมทั้งดอกเบี้ยและชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ แม้จะมีการอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นขึ้นมาและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาพิพากษายืนตามนั้นก็ตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาก็เป็นคำวินิจฉัยในเรื่องคำสั่งบังคับคดีของศาลชั้นต้นนั้นเองเป็นการวินิจฉัยในกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาล จึงต้องด้วยข้อยกเว้นให้รื้อร้องกันอีกได้ตามมาตรา 148(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อจำเลยยังมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับดังกล่าวนั้น คือ ยังมิได้คืนเงินมัดจำและชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ถ้ามีข้อเท็จจริงใหม่ปรากฏต่อศาลว่าศาลอาจดำเนินการบังคับคดีไปตามคำพิพากษาโดยวิธีแรกอันเป็นคำบังคับตามคำขอที่เป็นประธานในคดีนี้ได้อยู่โจทก์ก็มีสิทธิที่จะขอคำบังคับศาลให้ดำเนินการไปตามความจริงตามคำพิพากษาได้อีก
กรณีดังกล่าวข้างต้น ในชั้นแรกข้อเท็จจริงปรากฏแก่ศาลว่า จำเลยไม่อาจปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำบังคับโดยวิธีแรกนั้นได้ โจทก์ขอให้บังคับการโอนเป็นอย่างอื่นศาลชั้นต้นจึงสั่งบังคับให้เป็นไปโดยวิธีที่สอง คือให้จำเลยคืนเงินมัดจำพร้อมทั้งดอกเบี้ยและชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ แม้จะมีการอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นขึ้นมาและศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาพิพากษายืนตามนั้นก็ตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาก็เป็นคำวินิจฉัยในเรื่องคำสั่งบังคับคดีของศาลชั้นต้นนั้นเองเป็นการวินิจฉัยในกระบวนพิจารณาชั้นบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาล จึงต้องด้วยข้อยกเว้นให้รื้อร้องกันอีกได้ตามมาตรา 148(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อจำเลยยังมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับดังกล่าวนั้น คือ ยังมิได้คืนเงินมัดจำและชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ถ้ามีข้อเท็จจริงใหม่ปรากฏต่อศาลว่าศาลอาจดำเนินการบังคับคดีไปตามคำพิพากษาโดยวิธีแรกอันเป็นคำบังคับตามคำขอที่เป็นประธานในคดีนี้ได้อยู่โจทก์ก็มีสิทธิที่จะขอคำบังคับศาลให้ดำเนินการไปตามความจริงตามคำพิพากษาได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินชลประทาน: สาธารณสมบัติ ปักหลักเกินแนวเดิมได้ หากมีเหตุผลและความจำเป็น
กรมชลประทานปักหลักกันเขตที่ดินเพื่อใช้ในการชลประทานแม้จะปักเกินเขตที่กำหนดไว้ในประกาศกระแสพระบรมราชโองการเรื่อง ขยายการหวงห้ามและจัดซื้อที่ดินสำหรับการทดน้ำ ไขน้ำฯลฯ เพราะดินเหลว ต้องใช้เนื้อที่มากกว่ากำหนดถ้าที่ดินตอนใดมีเจ้าของก็จ่ายเงินซื้อแล้วจึงปักหลักตอนใดไม่มีเจ้าของก็ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อดังนี้ต้องถือว่าที่ดินดังกล่าวเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอันเป็นทรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) โดยไม่ต้องมีกฎหมายพิเศษให้อำนาจอีกผู้ใดจะบุกรุกและยกอายุความการครอบครองขึ้นยันกรมชลประทานไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การค้ำประกันความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ มิใช่การค้ำประกันหนี้ตามมาตรา 700
ค้ำประกันความเสียหายที่ลูกจ้างจะก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการร้านค้า มิใช่เป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700
เมื่อผู้ค้ำประกันถูกฟ้องเป็นจำเลย ผู้ค้ำประกันให้การต่อสู้ว่านายจ้างได้ผ่อนเวลาให้ลูกจ้างชำระเงินที่ยักยอกเอาไปโดยผู้ค้ำประกันมิได้ยินยอมด้วย แต่มิได้ระบุให้ชัดว่านายจ้างได้ผ่อนเวลาให้ตอนไหนเมื่อไรผู้ค้ำประกันจึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ
เมื่อผู้ค้ำประกันถูกฟ้องเป็นจำเลย ผู้ค้ำประกันให้การต่อสู้ว่านายจ้างได้ผ่อนเวลาให้ลูกจ้างชำระเงินที่ยักยอกเอาไปโดยผู้ค้ำประกันมิได้ยินยอมด้วย แต่มิได้ระบุให้ชัดว่านายจ้างได้ผ่อนเวลาให้ตอนไหนเมื่อไรผู้ค้ำประกันจึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 462/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคิดดอกเบี้ยหลังการยึดทรัพย์: จำเลยโต้แย้งการชำระหนี้ ทำให้ต้องรับผิดดอกเบี้ยต่อจนกว่าจะยุติการโต้แย้ง
จำเลยไม่ใช้เงินตามคำพิพากษาตามยอมจนต้องมีการบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยที่จำนองโจทก์ไว้ออกขายทอดตลาดขายได้แล้ว จำเลยร้องคัดค้านว่าขายราคาต่ำไปเจ้าพนักงานบังคับคดีโดยความเห็นชอบของศาลจึงได้รอการจ่ายเงินไว้จนกว่าคดีที่จำเลยร้องคัดค้านนั้นถึงที่สุดดังนี้ ถือว่าจำเลยโต้แย้งการชำระหนี้ให้โจทก์ตลอดมาจำเลยต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยแก่โจทก์ตลอดระยะเวลาที่โต้แย้งนั้นเพราะโจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้ด้วยความผิดของจำเลยที่ทำการโต้แย้งเอง
ระเบียบการของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่คิดดอกเบี้ยให้เพียงถึงวันขายทอดตลาดจะนำมาใช้บังคับแก่กรณีดังกล่าวข้างต้นหาได้ไม่
ระเบียบการของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่คิดดอกเบี้ยให้เพียงถึงวันขายทอดตลาดจะนำมาใช้บังคับแก่กรณีดังกล่าวข้างต้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 461/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องห้ามชั่วคราวก่อนพิพากษาในคดีพิพาทกรรมสิทธิ์ที่ดิน ไม่ตรงกับประเด็นที่ฟ้อง และไม่มีเหตุให้บังคับวางประกัน
โจทก์ฟ้องว่า ป. ทำพินัยกรรมยกที่นาพิพาทให้โจทก์เมื่อ ป. ตายแล้ว จำเลยลอบไปขอรับมรดกที่นานั้นเจ้าพนักงานหลงเชื่อจึงทำนิติกรรมโอนที่พิพาทให้จำเลยขอให้ศาลแสดงว่าการโอนมรดกที่พิพาทนั้นเป็นโมฆะ และแสดงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง ต่อมาในระหว่างการพิจารณา โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ห้ามชั่วคราวก่อนพิพากษา ความว่า โจทก์เคยให้ ช. เช่าทำนาในที่พิพาท แต่จำเลยให้ผู้อื่นเข้าไถหว่านในนาพิพาททำให้โจทก์เสียหายขาดรายได้เปลืองไปเปล่าปีละ 2,500 บาท ขอให้ศาลไต่สวนและสั่งห้ามจำเลยและบริวารเข้าครอบครองทำนาพิพาท หรือมิฉะนั้นก็ให้จำเลยวางเงินประกันการเสียหายปีละ2,500 บาท คำขอของโจทก์ดังนี้ไม่เข้ากรณีแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2) และมาตรา 264 ศาลอาจยกคำร้องโจทก์เสียได้โดยไม่ต้องไต่สวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 454/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลคดีเด็กฯ ในคดีเปลี่ยนผู้ปกครอง: การพิจารณาจากบทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง
โจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลคดีเด็กฯ ขอให้ถอนอำนาจปกครองจากจำเลยแต่งตั้งโจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแทน แม้ว่าคำฟ้องของโจทก์อาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1503 เป็นหลักซึ่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กฯ พ.ศ.2494 มาตรา 8(2) ไม่ได้บัญญัติให้มาตรา 1503 นี้อยู่ในอำนาจศาลคดีเด็กฯก็ตามแต่การที่โจทก์ขอให้ศาลสั่งเปลี่ยนอำนาจปกครองจากจำเลยให้อยู่แก่โจทก์ผู้เป็นมารดาซึ่งเป็นเรื่องที่ศาลจะสั่งตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) ด้วย และมาตรานี้พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลคดีเด็กฯ พ.ศ.2494 มาตรา 8(2)บัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลคดีเด็กฯ ฉะนั้นศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ชำระหนี้ตามสัญญา การบังคับชำระหนี้ทางศาล และค่าเสียหายจากการไม่มีทางออก
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 213 เมื่อศาลได้พิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้เป็นทางสาธารณะ หากไม่ปฏิบัติตามก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา จึงเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษาถ้าจำเลยได้เอาที่พิพาทนั้นไปจำนองเป็นประกันหนี้แก่บุคคลที่สามไว้ก่อนศาลมีคำพิพากษาก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องจัดการให้สภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้ ถ้าหากจำเลยไม่ปรารถนาจัดการหรือไม่สามารถจัดการให้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทกลับคืนมาสู่จำเลยโดยสมบูรณ์เพื่อทำนิติกรรมเป็นการชำระหนี้ตามคำพิพากษาในกรณีเช่นนี้ ศาลไม่มีอำนาจที่จะบังคับให้บุคคลที่สามกระทำการอันนั้นโดยให้จำเลยเสียค่าใช้จ่ายให้ เพราะกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทได้ตกเป็นประกันหนี้โดยการจำนองโดยชอบแก่บุคคลที่สามแล้วบุคคลที่สามจะต้องเสียหายโดยไม่ได้เข้ามาเป็นคู่ความด้วยแต่อย่างใดเมื่อเป็นดังนี้ จึงต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 215 ซึ่งได้บัญญัติว่า'เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ไซร้ เจ้าหนี้จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแก่การนั้นก็ได้'ความเสียหายอันเกิดจากการที่ไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้นี้ เป็นความเสียหายโดยตรงอันเกิดจากการไม่ชำระหนี้ เมื่อโจทก์นำสืบได้ว่าโจทก์จำต้องไปซื้อที่ดินของบุคคลอื่นเพื่อทำเป็นทางเดินออกถึงทางสาธารณะก็เป็นการสืบแสดงถึงความเสียหายโดยตรงอันเกิดจากการไม่ชำระหนี้ของจำเลยให้ต้องตามความประสงค์แห่งมูลหนี้นั้นที่เรียกว่าความเสียหายนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องจ่ายเงินไปแล้วโดยจริงจังแต่อย่างใดการเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายนั้นอาจคำนวณเอาได้ แม้ยังไม่ได้จ่ายเงินไป เมื่อโจทก์นำสืบให้เห็นจำนวนเงินอันอาจคำนวณเป็นค่าสินไหมทดแทนได้แล้ว ศาลก็สั่งบังคับให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนไปได้