พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,126 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานกู้ยืมสูญหาย โจทก์พิสูจน์ได้จากการที่จำเลยยืมหลักฐานไปและไม่คืน ถือใช้แทนหลักฐานได้
จำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหลักฐานการยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยให้โจทก์ยึดถือไว้ แต่เมื่อโจทก์มาฟ้องให้จำเลยใช้คืนเงินยืมนั้น โจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมมาแสดงต่อศาล แต่โจทก์ก็นำสืบได้ว่าจำเลยได้ยืมหลักฐานดังกล่าวไปแล้วไม่ส่งคืน ดังนี้ ย่อมรับฟังแทนหนังสือกู้ยืมดังกล่าวนั้นได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหนังสือยืมให้ไว้เป็นหลักฐาน จำเลยให้การว่าไม่เคยยืมเงินโจทก์และไม่เคยทำหลักฐานการยืมเงินให้โจทก์ โจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งหนี้ ดังนี้ ศาลจะวินิจฉัยว่ากรณีเป็นเรื่องเข้าหุ้นส่วนกันประกอบการค้าไม่ใช่กู้ยืมนั้น หาชอบไม่เพราะไม่มีประเด็นในเรื่องนี้.
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหนังสือยืมให้ไว้เป็นหลักฐาน จำเลยให้การว่าไม่เคยยืมเงินโจทก์และไม่เคยทำหลักฐานการยืมเงินให้โจทก์ โจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งหนี้ ดังนี้ ศาลจะวินิจฉัยว่ากรณีเป็นเรื่องเข้าหุ้นส่วนกันประกอบการค้าไม่ใช่กู้ยืมนั้น หาชอบไม่เพราะไม่มีประเด็นในเรื่องนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการกู้ยืมสูญหาย โจทก์พิสูจน์ได้จากการที่จำเลยยืมเอกสารไปและไม่คืน ถือใช้แทนหลักฐานได้
จำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหลักฐานการยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยให้โจทก์ยึดถือไว้ แต่เมื่อโจทก์มาฟ้องให้จำเลยใช้คืนเงินยืมนั้น โจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมมาแสดงต่อศาล แต่โจทก์ก็นำสืบได้ว่าจำเลยได้ยืมหลักฐานดังกล่าวไปแล้วไม่ส่งคืน ดังนี้ย่อมรับฟังแทนหนังสือกู้ยืมดังกล่าวนั้นได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหนังสือยืมให้ไว้เป็นหลักฐาน จำเลยให้การว่าไม่เคยยืมเงินโจทก์และไม่เคยทำหลักฐานการยืมเงินให้โจทก์โจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งหนี้ ดังนี้ศาลจะวินิจฉัยว่ากรณีเป็นเรื่องเข้าหุ้นส่วนกันประกอบการค้า ไม่ใช่กู้ยืมนั้น หาชอบไม่ เพราะคดีไม่มีประเด็นในเรื่องนี้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยืมเงินโจทก์ไปโดยทำหนังสือยืมให้ไว้เป็นหลักฐาน จำเลยให้การว่าไม่เคยยืมเงินโจทก์และไม่เคยทำหลักฐานการยืมเงินให้โจทก์โจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งหนี้ ดังนี้ศาลจะวินิจฉัยว่ากรณีเป็นเรื่องเข้าหุ้นส่วนกันประกอบการค้า ไม่ใช่กู้ยืมนั้น หาชอบไม่ เพราะคดีไม่มีประเด็นในเรื่องนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดซ้ำเกี่ยวกับสถานที่ขายอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นต่างกรรมต่างวาระ
การใช้สถานที่เอกชนทำการขายและสะสมอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น การกระทำแต่ละคราวย่อมเกิดเป็นความผิดได้
ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2505 ถึงวันที่ 4 กรกฎาคม 2505 จำเลยได้ใช้บ้านเรือนจำเลยทำการขายและสะสมอาหารโดยมิได้รับอนุญาต จำเลยได้ถูกฟ้องและศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว ต่อมาในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2505 ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2505 จำเลยได้ใช้บ้านเรือนจำเลยทำการขายและสะสมอาหารโดยมิได้รับอนุญาตอีก จำเลยจึงถูกฟ้องหาว่ากระทำผิดในครั้งหลังนี้อีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยในครั้งหลังนี้เป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกับการกระทำผิดที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการกระทำครั้งเดียวคราวเดียวต่อเนื่องกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2505 ถึงวันที่ 4 กรกฎาคม 2505 จำเลยได้ใช้บ้านเรือนจำเลยทำการขายและสะสมอาหารโดยมิได้รับอนุญาต จำเลยได้ถูกฟ้องและศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว ต่อมาในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2505 ถึงวันที่ 27 ตุลาคม 2505 จำเลยได้ใช้บ้านเรือนจำเลยทำการขายและสะสมอาหารโดยมิได้รับอนุญาตอีก จำเลยจึงถูกฟ้องหาว่ากระทำผิดในครั้งหลังนี้อีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยในครั้งหลังนี้เป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกับการกระทำผิดที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว การกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการกระทำครั้งเดียวคราวเดียวต่อเนื่องกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางแพ่งจากการขับรถประมาทถึงแก่ความตาย แม้คดีอาญาจะยกฟ้อง โจทก์ยังฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
จำเลยขับรถบรรทุกเฉี่ยวรถจิ๊ปเสียหายด้วยความประมาท เป็นเหตุให้บุตรโจทก์ซึ่งนั่งมาในรถจิ๊ปถึงแก่ความตาย อัยการได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาหาว่าขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้คนตายศาลพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าเหตุที่รถเกิดชนกันนั้น อาจเกิดขึ้นเพราะความผิดความประมาทของจำเลยหรือของคนขับรถจี๊ปก็เป็นได้ทั้ง 2 ทางเท่า ๆ กัน ดังนี้ เมื่อโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนในการที่ทำให้บุตรโจทก์ตาย ศาลจะนำเอาผลของคำพิพากษาคดีอาญาที่ให้ยกฟ้องอัยการนั้นมาวินิจฉัยคดีแพ่งอย่างใดไม่ได้ เพราะมิได้ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติอย่างไร โจทก์อาจนำสืบในคดีแพ่งได้อีกว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาททำให้บุตรโจทก์ตาย
เมื่อโจทก์มีสิทธีที่จะเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าปลงศพบุตรโจทก์ซึ่งถูกจำเลยกระทำให้ถึงแก่ความตายแม้นายจ้างของบุตรโจทก์จะได้บริจาคเงินแก่โจทก์ให้ใช้จ่ายในการในการทำศพเป็นเงินจำนวนเท่า ๆ กันแล้ว จำเลยก็จะยกมาเป็นข้อปัดความรับผิดของจำเลยหาได้ไม่
ผู้ตายเคยอุปการะโจทก์เดือนละ 300 บาท ศาลก็มีอำนาจกำหนดให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนการที่โจทก์ขาดไร้อุปการะเป็นเงินจำนวนเดียว 36,000 บาท ตามที่โจทก์ขอมาโดยคิดคำนวณจากระยะเวลา 10 ปีได้ และค่าสินไหมทดแทนเช่นนี้เป็นการชดใช้แก่หนี้ในอนาคต โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยในเงินจำนวนนี้ไม่ได้
เมื่อโจทก์มีสิทธีที่จะเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าปลงศพบุตรโจทก์ซึ่งถูกจำเลยกระทำให้ถึงแก่ความตายแม้นายจ้างของบุตรโจทก์จะได้บริจาคเงินแก่โจทก์ให้ใช้จ่ายในการในการทำศพเป็นเงินจำนวนเท่า ๆ กันแล้ว จำเลยก็จะยกมาเป็นข้อปัดความรับผิดของจำเลยหาได้ไม่
ผู้ตายเคยอุปการะโจทก์เดือนละ 300 บาท ศาลก็มีอำนาจกำหนดให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนการที่โจทก์ขาดไร้อุปการะเป็นเงินจำนวนเดียว 36,000 บาท ตามที่โจทก์ขอมาโดยคิดคำนวณจากระยะเวลา 10 ปีได้ และค่าสินไหมทดแทนเช่นนี้เป็นการชดใช้แก่หนี้ในอนาคต โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยในเงินจำนวนนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การบุกรุกเพื่อทำร้ายร่างกาย ทำให้สิทธิฟ้องฐานบุกรุกระงับ
จำเลยบุกรุกเข้าไปในร้านของ จ.แล้วทำร้าย ย.ในที่นั้นทันที เห็นได้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาประสงค์ต่อผลโดยตรงต่อการที่จะทำร้าย ย. และการกระทำก็ไม่ขาดตอน ทั้งการที่ทำร้าย ย.ก็เป็นเหตุหนึ่งที่แสดงถึงความที่ไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในเคหสถานของ จ.อันเป็นองค์สำคัญของความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 364 ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท เมื่อต้องคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานทำร้ายร่างกายไปแล้ว สิทธิที่จะฟ้องจำเลยฐานบุกรุกย่อมระงับไป
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2507)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำห้วยที่ไม่เคยมีผู้ใช้สัญจร ไม่ถือเป็นทางสาธารณะ แม้ระบุในแผนที่ แต่ไม่มีการโต้แย้ง
ลำห้วยซึ่งเป็นทางน้ำไหลสาธารณะแต่ไม่มีน้ำตลอดปี และไม่เคยมีผู้ใดใช้เรือสัญจรไปมา ถือไม่ได้ว่าเป็นทางสาธารณะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1349
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363-393/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตลาดในวัดเป็นพื้นที่เอกชน การค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตผิดเทศบัญญัติ
ตลาดที่จัดตั้งขึ้นในบริเวณวัดแม้จะได้รับอนุญาตให้จัดตั้งหรือไม่ก็ตาม ก็ยังเป็นสถานที่เอกชน ผู้ที่นำของไปขายในสถานที่นั้นโดยมิได้รับอนุญาตต่อเจ้าหน้าที่ของเทศบาลย่อมเป็นความผิดต่อเทศบัญญัติซึ่งออกตามพระราชบัญญัติสาธารณสุข พ.ศ.2484 มาตรา 50
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353-360/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ชายตลิ่งยังไม่เป็นสาธารณสมบัติ หากเจ้าของที่ดินยังใช้ประโยชน์
เจ้าของที่ดินปลูกอาคารลงในที่ดินของตนต่อมาน้ำในลำน้ำนั้นเซาะที่ดินภายใต้อาคารพังลงจนกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่งแต่เจ้าของที่ดินนั้นยังใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของครอบครองอาคารและที่ดินในเขตของตนอยู่โดยมิได้ทอดทิ้งปล่อยให้เป็นที่ชายตลิ่งสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันต้องถือว่าที่ชายตลิ่งที่พิพาทกันนั้นยังไม่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353-360/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ชายตลิ่งของเอกชนไม่กลายเป็นสาธารณสมบัติหากยังมีการใช้สิทธิเจ้าของ
ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 นั้น การที่จะตีความว่า ถ้าที่ใดเป็นที่ชายตลิ่งแล้วย่อมเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเสมอไปนั้น ย่อมไม่ถูกต้อง เพราะจะต้องมีสภาพเป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันด้วย
จำเลยปลูกอาคารลงในที่ดินของจำเลยแม้ภายใต้อาคารนั้นถูกน้ำเซาะพังลงกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่ง แต่จำเลยก็ยังใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของ คงครอบครองอาคารและที่ดินนั้นอยู่ มิได้ทอดทิ้งปล่อยให้เป็นที่ชายตลิ่งสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันแล้ว ที่พิพาทนั้นยังหาเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2507).
จำเลยปลูกอาคารลงในที่ดินของจำเลยแม้ภายใต้อาคารนั้นถูกน้ำเซาะพังลงกลายสภาพเป็นที่ชายตลิ่ง แต่จำเลยก็ยังใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของ คงครอบครองอาคารและที่ดินนั้นอยู่ มิได้ทอดทิ้งปล่อยให้เป็นที่ชายตลิ่งสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันแล้ว ที่พิพาทนั้นยังหาเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2507).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องข่มขืน การระบุสถานะผู้เสียหายที่ไม่ใช่ภริยาจำเลย
ฟ้องของโจทก์ที่บรรยายระบุตัวบุคคลผู้เสียหายที่ถูกข่มขืนกระทำชำเราว่า คือ "นางสาวลำไย+ " โดยไม่ได้บรรยายต่อไปว่า "ผู้เสียหายมิใช่ภรรยาของจำเลย"นั้น เป็นฟ้องที่บรรยายแสดงความหมายครบองค์ความาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 และเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว เพราะคำว่า "นางสาว" แสดงอยู่ในตัวแล้วว่า เป็นหญิงที่ยังไม่มีสามี และไม่ได้เป็นภริยาของผู้ใด รวมทั้งจำเลยด้วย.