พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1482/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจัดการทรัพย์สินหลังถูกพิทักษ์ทรัพย์: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่ผู้เดียวในการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สิน
เมื่อจำเลยถูกศาลสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้ จำเลยย่อมหมดอำนาจที่จะทำการใด ๆ เกี่ยวแก่ทรัพย์สินของจำเลย การจัดการรวมทั้งการฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยย่อมตกอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะจัดการแต่ผู้เดียว ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย ฯ การที่จะต่อสู้ว่าการทำสัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางความจริงที่จำเลยจำนองไว้กับฝ่ายโจทก์นั้น จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะดำเนินการต่อไป และเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงสละข้อต่อสู้ข้อนี้แล้วโดยจำเลยมิได้โต้แย้ง คำแถลงนี้แต่ประการใด จำเลยจะยกข้อนี้ขึ้นมาต่อสู้และจะขอสืบพยานอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้แทน-ความรับผิดบริษัท: เช็คสลักหลัง-ประทับตรา-ผู้แทนมีอำนาจ-บริษัทต้องรับผิด
บริษัทจำเลยมี ง.กับล.เป็นกรรมการอำนวยการย. เป็นรองผู้จัดการและเหรัญญิก ง. ติดต่อขอยืมเงินจากโจทก์โดยอ้างว่าบริษัทจำเลยต้องการเงิน โจทก์นำเงินที่จะให้ยืมมาพบกับ ง. ที่สำนักงานบริษัทจำเลย และขอให้ ง.ออกเช็คให้เพื่อเป็นการชำระหนี้เงินยืมนี้ง.บอกให้รอย. เมื่อย. มาแล้วย.ก็เอาเช็คที่ผู้อื่นออกให้แก่ผู้ถือมาประทับตราบริษัทจำเลยและเซ็นชื่อย. เองมอบให้โจทก์ โจทก์จึงมอบเงินยืมให้แก่ ย. ดังนี้ เมื่อตามข้อบังคับของบริษัทปรากฏว่า ง. โดยลำพังก็มีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นสำคัญแทนบริษัทจำเลยได้โดยต้องประทับตราของบริษัทไว้ด้วย แสดงว่า ง. มีอำนาจกระทำการในฐานะผู้แทนโดยชอบของบริษัทจำเลยได้โดยลำพัง การที่ ง.ติดต่อยืมเงินและรู้เห็นในการที่ ย. เซ็นชื่อสลักหลังเช็คและประทับตราของบริษัทจำเลยนั้น ย่อมต้องถือว่าบริษัทจำเลยเป็นผู้ติดต่อยืมเงินและรู้เห็นเองด้วยจึงต้องถือว่าบริษัทจำเลยเชิด ย. ออกแสดงเป็นตัวแทนในการสลักหลังเช็ครายนี้ให้แก่โจทก์
ผู้แทนและเจ้าหน้าที่ของบริษัทอาศัยตำแหน่งหน้าที่แอบอ้างชื่อของบริษัทหาประโยชน์ใส่ตัว ถ้าบุคคลภายนอกมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยแล้ว บริษัทก็จะอ้างเอาการที่ผู้แทนของตนกระทำทุจริตมาบอกปัดความรับผิดต่อบุคคลภายนอกหาได้ไม่
ผู้แทนและเจ้าหน้าที่ของบริษัทอาศัยตำแหน่งหน้าที่แอบอ้างชื่อของบริษัทหาประโยชน์ใส่ตัว ถ้าบุคคลภายนอกมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยแล้ว บริษัทก็จะอ้างเอาการที่ผู้แทนของตนกระทำทุจริตมาบอกปัดความรับผิดต่อบุคคลภายนอกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1453/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนสามัญเฉพาะกิจเลิกเมื่อทำไม้เสร็จ การฟ้องคดีไม่ถูกต้องหากเสนอเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
โจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนทำไม้เพื่อค้าขายเอากำไรแบ่งปันกัน โดยตกลงกันว่า ทำไม้เสร็จเมื่อใด ก็มีการคิดบัญชีต้นทุนกำไรกัน ลักษณะของหุ้นส่วนเช่นว่านี้ย่อมเป็นหุ้นส่วนสามัญชนิดที่สัญญาทำไว้เฉพาะเพื่อกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดแต่อย่างเดียว เมื่อเสร็จการนั้นแล้ว หุ้นส่วนรายนั้นก็ย่อมเลิกกันไปในตัว ดังความที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1055 (3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อทำไม้รายใดเสร็จไปแล้ว หุ้นส่วนในการทำไม้รายนั้นก็ย่อมเลิกกันและมีการคิดบัญชีต้นทุนกำไรกันตามที่ตกลงกันไว้เป็นเฉพาะราย ๆ ไป
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องเงินหุ้นส่วนในชั้นคิดบัญชี แต่โจทก์เสนอข้อพิพาทต่อศาลอย่างคดีไม่มีหุ้นทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลมา 50 บาท โดยขอให้ศาลสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยและชำระบัญชีทั้ง ๆ ที่หุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันและได้มีการคิดบัญชีกันตามที่ตกลงกันแล้ว ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลย และให้มีการชำระบัญชีกันอีกตามที่โจทก์ขอมา และไม่ชอบที่ศาลจะวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทที่โต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีนั้นให้ได้ด้วย เพราะโจทก์มิได้เสนอข้อพิพาทอย่างคดีมีทุนทรัพย์ประกอบกับคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอบังคับในเรื่องเงินหุ้นส่วนที่พิพาทนั้นด้วย
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องเงินหุ้นส่วนในชั้นคิดบัญชี แต่โจทก์เสนอข้อพิพาทต่อศาลอย่างคดีไม่มีหุ้นทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลมา 50 บาท โดยขอให้ศาลสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยและชำระบัญชีทั้ง ๆ ที่หุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันและได้มีการคิดบัญชีกันตามที่ตกลงกันแล้ว ก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลย และให้มีการชำระบัญชีกันอีกตามที่โจทก์ขอมา และไม่ชอบที่ศาลจะวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทที่โต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีนั้นให้ได้ด้วย เพราะโจทก์มิได้เสนอข้อพิพาทอย่างคดีมีทุนทรัพย์ประกอบกับคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอบังคับในเรื่องเงินหุ้นส่วนที่พิพาทนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1453/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หุ้นส่วนสามัญทำไม้เลิกกันเมื่อคิดบัญชีเสร็จสิ้น การฟ้องคดีไม่ถูกต้องหากเสนอเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
โจทก์จำเลยเข้าหุ้นส่วนทำไม้เพื่อค้าขายเอากำไรแบ่งปันกันโดยตกลงกันว่าทำไม้เสร็จเมื่อใดก็มีการคิดบัญชีต้นทุนกำไรกัน ลักษณะของหุ้นส่วนเช่นว่านี้ย่อมเป็นหุ้นส่วนสามัญชนิดที่สัญญาทำไว้เฉพาะเพื่อกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดแต่อย่างเดียว เมื่อเสร็จการนั้นแล้ว หุ้นส่วนรายนั้นก็ย่อมเลิกกันไปในตัว ดังความที่บัญญัติไว้ในมาตรา1055(3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อทำไม้รายใดเสร็จไปแล้ว หุ้นส่วนในการทำไม้รายนั้นก็ย่อมเลิกกันและมีการคิดบัญชีต้นทุนกำไรกันตามที่ตกลงกันไว้เป็นเฉพาะรายๆ ไป
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องเงินหุ้นส่วนในชั้นคิดบัญชี แต่โจทก์เสนอข้อพิพาทต่อศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลมา 50 บาท โดยขอให้ศาลสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยและชำระบัญชีทั้งๆ ที่หุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันและได้มีการคิดบัญชีกันตามที่ตกลงกันแล้วก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลย และให้มีการชำระบัญชีกันอีกตามที่โจทก์ขอมาและไม่ชอบที่ศาลจะวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทที่โต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีนั้นให้ได้ด้วย เพราะโจทก์มิได้เสนอข้อพิพาทมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ประกอบกับคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอบังคับในเรื่องเงินหุ้นส่วนที่พิพาทนั้นด้วย
โจทก์จำเลยพิพาทกันเรื่องเงินหุ้นส่วนในชั้นคิดบัญชี แต่โจทก์เสนอข้อพิพาทต่อศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์เสียค่าขึ้นศาลมา 50 บาท โดยขอให้ศาลสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยและชำระบัญชีทั้งๆ ที่หุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันและได้มีการคิดบัญชีกันตามที่ตกลงกันแล้วก็ไม่มีเหตุที่ศาลจะต้องสั่งให้เลิกหุ้นส่วนระหว่างโจทก์จำเลย และให้มีการชำระบัญชีกันอีกตามที่โจทก์ขอมาและไม่ชอบที่ศาลจะวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทที่โต้เถียงกันในชั้นคิดบัญชีนั้นให้ได้ด้วย เพราะโจทก์มิได้เสนอข้อพิพาทมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ประกอบกับคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอบังคับในเรื่องเงินหุ้นส่วนที่พิพาทนั้นด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การระบุวันเวลามอบเงินและพบการยักยอกเพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
ฟ้องคดีอาญาว่าจำเลยยักยอกเงินโจทก์ได้ระบุวันเวลาที่มอบเงินกับวันที่ตรวจสอบบัญชีพบรู้ว่าจำเลยยักยอกแม้จะไม่ได้ระบุวันเวลาที่จำเลยยักยอก ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1330/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การระบุวันเวลาส่งมอบเงินและวันที่รู้เรื่องยักยอกเพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
ฟ้องคดีอาญาหาว่าจำเลยยักยอกเงิน โจทก์ได้ระบุวันเวลาที่มอบเงินกับวันที่ตรวจสอบบัญชีพบรู้ว่าจำเลยยักยอก แม้จะไม่ได้ระบุวันเวลาที่จำเลยยักยอก ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล แม้ไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์หรือการร้องทุกข์ ก็ดำเนินคดีได้หากเป็นการประทุษร้าย
จำเลยกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล ซึ่งเป็นความผิดอันไม่อาจยอมความได้นั้น แม้ไม่มีการร้องทุกข์ เจ้าพนักงานก็ดำเนินคดีแก่จำเลยได้
จำเลยจับนมผู้เสียหายในรถประจำทางซึ่งมีคนโดยสารแน่นนั้น เป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล แม้มิได้มีพยานรู้เห็นการกระทำของจำเลยมาเบิกความในชั้นศาล
การที่จำเลยจับนมผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้อนุญาตยินยอมนั้น เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 278 แล้ว
จำเลยจับนมผู้เสียหายในรถประจำทางซึ่งมีคนโดยสารแน่นนั้น เป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล แม้มิได้มีพยานรู้เห็นการกระทำของจำเลยมาเบิกความในชั้นศาล
การที่จำเลยจับนมผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้อนุญาตยินยอมนั้น เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 278 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้มัสยิด แม้มัสยิดยังไม่ได้เป็นนิติบุคคลเมื่อยกให้ แต่เมื่อเป็นนิติบุคคลแล้ว ย่อมมีสิทธิเรียกร้องกรรมสิทธิ์คืน
การยกที่ดินให้มัสยิดโจทก์ขณะยังไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคลจะสมบูรณ์หรือไม่ก็ตามหากต่อมามัสยิดโจทก์มีสภาพเป็นนิติบุคคลขึ้น และมีความประสงค์ให้จำเลยซึ่งมีฐานะเป็นเพียงผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นแทนมัสยิดส่งมอบที่ดินคืนจำเลยย่อมหมดหน้าที่ที่จะยึดถือที่ดินไว้แทนมัสยิดโจทก์อีกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งดสืบพยานผู้เชี่ยวชาญได้ หากมีพยานหลักฐานมั่นคงและเห็นได้ชัดว่าเป็นการประวิงคดี
พยานผู้เชี่ยวชาญนั้นเป็นพยานแสดงความคิดเห็นตามหลักวิชาแม้จะเป็นพยานที่ศาลรับฟัง แต่ก็มิใช่ว่าจะต้องเชื่อตามเสมอไปคำพยานชนิดนี้จะมีน้ำหนักยิ่งกว่าประจักษ์พยานหรือไม่นั้น ก็ต้องพิจารณาตามรูปเรื่องเหตุผลและพยานหลักฐานอื่นประกอบกัน ในกรณีที่โจทก์อ้างเอกสารที่มีลายมือชื่อของจำเลย แต่จำเลยปฏิเสธว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของตน และจำเลยจะขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ (เมื่อได้สืบพยานอื่นๆ ของจำเลยแล้ว) ถ้าโจทก์มีพยานหลักฐานมั่นคงน่าเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของจำเลยแล้ว ทั้งการดำเนินกระบวนพิจารณาของจำเลยมีเค้ามูลน่าเชื่อว่าเป็นการประวิงคดีแล้ว ศาลมีอำนาจสั่งงดสืบพยานผู้เชี่ยวชาญที่จำเลยขออ้างนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำมั่นสัญญาเช่าต่ออายุต้องแสดงเจตนาภายในกำหนดสัญญาเช่า มิฉะนั้นสัญญาย่อมไม่ผูกพัน
คำมั่นที่ผู้ให้เช่าตกลงว่า เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดแล้วยินยอมจะให้ต่ออายุสัญญาเช่าต่อไปอีกได้นั้น ผู้เช่าต้องแสดงความจำนงขอปฏิบัติตามคำมั่นเสียก่อนครบกำหนดอายุสัญญาเช่า มิฉะนั้น หามีผลที่จะบังคับกันได้ไม่