คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
คร้าม สิวายะวิโรจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1126/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงนามพยานในสัญญาหลังทำสัญญาแล้ว ไม่ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร หากสัญญามีผลสมบูรณ์และไม่เกิดความเสียหาย
ทำสัญญากู้เงินกันไว้โดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ไม่ได้ลงนามพยานในสัญญา ต่อมาผู้ให้กู้จึงให้ผู้อื่นลงนามเป็นพยานในท้ายสัญญาโดยผู้กู้มิได้รู้เห็นด้วย แล้วผู้ให้กู้นำสัญญานั้นมาฟ้องต่อศาลดั่งนี้ ผู้ให้กู้หามีผิดฐานปลอมเอกสารไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ของทางราชการ: ผู้คุมตรีเบียดบังน้ำมันรถ
จำเลยเป็นผู้คุมตรี มีหน้าที่ควบคุมดูแลนักโทษ และยังมีหน้าที่ขับรถยนต์ของเรือนจำด้วย พัศดีเรือนจำให้จำเลยเอารถยนต์ของเรือนจำไปบรรทุกแกลบ จำเลยก็ขับไป เมื่อจำเลยมีหน้าที่ขับรถยนต์ก็มีหน้าที่ต้องดูแลรักษารถยนต์ตลอดถึงน้ำมันรถยนต์ด้วย การที่จำเลยเบียดบังเอาน้ำมันในรถยนต์จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1092/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์สินของทางราชการ: ผู้คุมตรีเบียดบังน้ำมันรถยนต์
จำเลยเป็นผู้คุมตรี มีหน้าที่ควบคุมดูแลนักโทษ และยังมีหน้าที่ขับรถยนต์ของเรือนจำด้วย พัศดีเรือนจำให้จำเลยเอารถยนต์ของเรือนจำไปบรรทุกแกลบ จำเลยก็ขับไป เมื่อจำเลยมีหน้าที่ขับรถยนต์ก็มีหน้าที่ต้องดูแลรักษารถยนต์ตลอดถึงน้ำมันรถยนต์ด้วย การที่จำเลยเบียดบังเอาน้ำมันในรถยนต์จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่: ถ้อยคำแสดงเจตนาดูหมิ่นหรือไม่?
เจ้าพนักงานตำรวจจราจรอำเภอเมือง จังหวัดลำพูน จับจำเลยในข้อหาว่าขับรถรับจ้างรับคนโดยสารเกินจำนวน มีรถยนต์ส่วนบุคคลคันหนึ่งบรรทุกคนวิ่งผ่านไป จำเลยกล่าวดูหมิ่นตำรวจผู้จับจำเลยว่า"รถคันนี้ทำไมไม่จับกุม คนก็แน่นเหมือนกัน หรือจะแกล้งจับเฉพาะผมคนเดียวเท่านั้น จราจรลำพูนไม่ให้ความยุติธรรม" ดังนี้แสดงว่า จำเลยกล่าวโดยตั้งใจเป็นการกล่าวดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ ไม่ใช่กล่าวในลักษณะปรับทุกข์ ติชมปรารภ หรือขอความเห็นใจจำเลยจึงมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตามมาตรา 136

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: การตอบโต้เพื่อป้องกันภยันตรายต่อตนเองและผู้อื่นจากเหตุประทุษร้าย
น้องชายจำเลยชกต่อยกับหลานผู้ตายและน้องภริยาผู้ตายผู้ตายเป็นบุคคลภายนอกมิได้ร่วมชกต่อยด้วย ถือท่อนเหล็กเข้าไปตีทำร้ายน้องชายจำเลย จำเลยซึ่งมิได้ร่วมชกต่อยด้วยจึงวิ่งเข้าไปกันมิให้ผู้ตายตีน้องชายจำเลย ผู้ตายเงื้อท่อนเหล็กจะตีจำเลยๆ จึงเสือกมีดแทงไปทันทีถูกผู้ตาย 1 ที ถึงแก่ความตาย ดังนี้การกระทำของจำเลยย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์มรดกเกิน 1 ปี ทำให้ทายาทหมดสิทธิในทรัพย์นั้น
ในคดีร้องขัดทรัพย์ ปรากฎว่าทรัพย์พิพาทที่โจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้นเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายและผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายเป็นผู้ครอบครองมาฝ่ายเดียวนับแต่วันที่ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายจนถึงวันที่โจทก์นำยึดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี โดยจำเลยซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายมิได้เป็นผู้ครอบครองภายในระยะเวลาดังกล่าว ดังนี้ จำเลยย่อมหมดสิทธิในทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นมรดก โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทนั้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองมรดกเกิน 1 ปี ทำให้ทายาทหมดสิทธิในทรัพย์สิน
ในคดีร้องขัดทรัพย์ ปรากฏว่าทรัพย์พิพาทที่โจทก์นำยึดโดยอ้างว่าเป็นของจำเลยนั้นเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตาย และผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายเป็นผู้ครอบครองมาฝ่ายเดียวนับแต่วันที่ผู้ตายได้ถึงแก่ความตายจนถึงวันที่โจทก์นำยึดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี โดยจำเลยซึ่งเป็นบุตรของผู้ตายมิได้เป็นผู้ครอบครองภายในระยะเวลาดังกล่าว ดังนี้ จำเลยย่อมหมดสิทธิในทรัพย์พิพาทซึ่งเป็นมรดก โจทก์ไม่มีสิทธิยึดทรัพย์พิพาทนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดเดียว: สิทธิฟ้องคดีบุกรุกระงับเมื่อมีคำพิพากษาในความผิดอื่นแล้ว
กรณีบุกรุกเข้าไปในบ้านเพื่อทำร้ายคนบนเรือนซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวกันนั้น เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานทำร้ายร่างกายแล้ว สิทธิที่จะฟ้องคดีฐานบุกรุกย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดเดียว: สิทธิฟ้องคดีบุกรุกระงับเมื่อมีคำพิพากษาคดีทำร้ายร่างกายแล้ว
กรณีบุกรุกเข้าไปในบ้านเพื่อทำร้ายคนบนเรือนเป็นการกระทำกรรมเดียวกันนั้นเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานทำร้ายร่างกายแล้ว สิทธิที่จะฟ้องคดีฐานบุกรุกย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณความอาญา มาตรา 39(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ มติเจ้าหนี้ขัดขวางการล้มละลาย: ศาลมีอำนาจสั่งทำลายมติและพิพากษาให้ล้มละลายได้
ศาลชั้นต้นสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้วในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกปรากฎว่าลูกหนี้มิได้ขอประนอมหนี้ ก็เป็นอันว่าจะต้องถูกพิพากาาให้ล้มละลายต่อไป เจ้าหนี้จะลงมติมีให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายไม่ได้ การที่เจ้าหนี้ฝ่ายข้างมากลงมติเช่นนั้น ย่อมเป็นการนอกเหนือไปจากบทบัญญัติในมาตรา 31 จึงเป้นการฝ่าฝืนและขัดต่อกฎหมายลักษณะล้มละลาย ศาลจึงสั่งให้ทำลายมติดังกล่าวได้เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอ และเมื่อสั่งทำลายมติแล้ว ก็มีผลเท่ากับเจ้าหนี้ไม่ลงมติประการใด ศาลย่อมพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายได้.
of 52