พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาใบอนุญาตขนข้าว: วันเริ่มต้นและวันหมดอายุ
ใบอนุญาตให้ขนข้าวระบุว่ามีกำหนดอายุ 30 วัน นับแต่วันอนุญาตวันอนุญาตตรงกับวันที่ 8 พฤษภาคม 2502 ต้องเริ่มนับ 1 ตั้งแต่วันที่ 9 เดือนนั้นเป็นต้นไป ครบกำหนด 30 วันในวันที่ 7 มิถุนายน 2502
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาใบอนุญาตขนข้าว: เริ่มนับวันถัดจากวันอนุญาต และหมดอายุตามกำหนด
ใบอนุญาตให้ขนข้าวระบุว่ามีกำหนดอายุ 30 วันนับแต่วันอนุญาต วันอนุญาตตรงกับวันที่ 8 พฤษภาคม 2502 ต้องเริ่มนับ 1 ตั้งแต่วันที่ 9 เดือน นั้นเป็นต้นไป ครบกำหนด 30 วันในวันที่ 7 มิถุนายน 2502
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาแผ่นดินไม่ต้องรอการร้องทุกข์ ฟ้องไม่เคลือบคลุมเมื่อบรรยายพฤติการณ์ชัดเจน การนำสืบสอดคล้องกับฟ้อง
ความผิดอาญาแผ่นดินซึ่งยอมความกันมิได้นั้น ผู้เสียหายไม่ต้องร้องทุกข์ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็สอบสวนฟ้องร้องได้
ในกรณีที่ฟ้องว่าจำเลยขับรถประมาทไปชนรถที่ผู้ใดขับขี่มานั้น แม้โจทก์จะไม่กล่าวว่ารถที่ผู้เสียหายขับขี่นั้นเป็นของใครและเลขทะเบียนเท่าใด ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
ในกรณีที่ฟ้องว่าจำเลยขับรถประมาทไปชนรถที่ผู้ใดขับขี่มานั้น แม้โจทก์จะไม่กล่าวว่ารถที่ผู้เสียหายขับขี่นั้นเป็นของใครและเลขทะเบียนเท่าใด ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดอาญาแผ่นดินไม่จำเป็นต้องมีการร้องทุกข์ และการฟ้องไม่เคลือบคลุมหากจำเลยเข้าใจข้อหาได้
ความผิดอาญาแผ่นดินซึ่งยินยอมความกันมิได้นั้น ผู้เสียหายไม่ต้องร้องทุกข์ พนักงานเจ้าหน้าที่ก็สอบสวนฟ้องร้องได้
ในกรณีที่ฟ้องว่าจำเลยขับรถประมาทไปชนรถที่ผู้ใดขับขี่มานั้น แม้โจทก์จะไม่กล่าวว่ารถนั้นเป็นของใครและเลขทะเบียนเท่าใด ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
ในกรณีที่ฟ้องว่าจำเลยขับรถประมาทไปชนรถที่ผู้ใดขับขี่มานั้น แม้โจทก์จะไม่กล่าวว่ารถนั้นเป็นของใครและเลขทะเบียนเท่าใด ก็หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฟ้องเท็จตามมาตรา 175 อาญา: การกล่าวหาโดยรู้อยู่ว่าเป็นเท็จ
มาตรา 175 แห่งประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติเพียงว่าเอาความอันเป็นเท็จฟ้องกล่าวหาเขาในทางอาญาเท่านั้นก็เป็นความผิดมิได้บัญญัติว่า เป็นความเท็จที่จะทำให้มีความผิดทางอาญาทั้งนี้ ก็เพื่อหวังจะป้องกันมิให้แกล้งกล่าวหากันในทางอาญาอันจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาถูกฟ้องได้รับความเดือดร้อนเสียหายฉะนั้น เมื่อจำเลยแกล้งฟ้องโดยรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าเป็นความเท็จจึงย่อมมีความผิดตามมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเท็จโดยรู้อยู่ว่าข้อเท็จจริงเป็นเท็จ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175
มาตรา 175 แห่งประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติเพียงว่า เอาความอันเป็นเท็จฟ้องกล่าวหาเขาในทางอาญาเท่านั้นก็เป็นความผิด มิได้บัญญัติว่า เป็นความเท็จที่จะทำให้มีความผิดทางอาญา ทั้งนี้ ก็เพื่อหวังจะป้องกันมิให้แกล้งกล่าวหากันในทางอาญา อันจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาถูกฟ้องได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ฉะนั้น เมื่อจำเลยแกล้งฟ้องโดยรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า เป็นความเท็จจึงย่อมมีความผิดตามมาตรานี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของข้าราชการ กรณีประมาทเลินเล่อในการรักษาเงินของทางราชการและการปฏิบัติตามคำสั่ง
กรณีข้าราชการประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เงินของทางราชการถูกยักยอกไป อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 นับแต่วันที่ผู้เสียหายได้รับทราบรายงานการสอบสวนว่าจำเลยต้องรับผิด
คำสั่งทางราชการมิให้นายอำเภอเก็บเงินไว้เกิน 8,000 บาท ถ้าเกิน ให้นายอำเภอหรือผู้รักษาการแทนนำส่งจังหวัด แต่ถ้าติดราชการจะนำส่งเองไม่ได้ ก็ให้ตั้งกรรมการอำเภออย่างน้อย 2 นาย คุมเงินไปส่งได้ จำเลยที่ 1 เป็นนายอำเภอได้เก็บเงินไว้เกินจำนวนที่กำหนดจำเลยที่ 1 ติดราชการจึงสั่งตั้งกรมการอำเภอ 3 นายคุมเงินไปส่งจังหวัดโดยระบุไว้ชัดว่าต้องร่วมกันระวังรักษาและห้ามมิให้แยกย้ายจากกันตลอดเวลาที่เงินอยู่ในความรับผิดชอบ แต่จำเลย ที่ 2 ซึ่งขณะนั้นรักษาแทนนายอำเภอได้ มอบเงินให้กรมการอำเภอเพียง 2 นาย คุมเงินไปส่งเพราะกรมการอำเภออีก 1 นาย นั้นติดราชการแต่ก็ได้ให้ตำรวจอีก 2 นายร่วมทางไปด้วย ในการส่งเงิน จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการคุมเงินไปด้วยกลับนั่งรออยุ่นอกห้องสรรพกรและห้องคลังจังหวัด ปล่อยให้กรรมการอีก 1 นายเอาเข้าไปส่งแต่เพียงผู้เดียว เป็นเหตุให้กรรมการผู้นั้นทำลายในนำส่งและเขียนขึ้นมาใหม่ เป็นนำเงินส่งน้อยกว่าจำนวนที่รับมอบมา แล้วยักยอกเอาเงินที่เหลือไว้เป็นของตน ดังนี้ จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดฐานละเมิดเพราะจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของนายอำเภอผู้บังคับบัญชาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. 2497 มาตรา 71, 72, 79 ความเสียหายจึงได้เกิดขึ้น ส่วนจำเลยที่ 1 ถึงแม้จะฝ่าฝืนคำสั่งเก็บเงินไว้เกินจำนวนที่กำหนด แต่ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้นในตอนนั้น และจำเลยที่ 1,2 ก็ได้สั่งการไปโดยชอบแล้ว ในการคุมเงินไปส่งจำเลยที่ 1, 2 จึงไม่ต้องรับผิดด้วย
คำสั่งทางราชการมิให้นายอำเภอเก็บเงินไว้เกิน 8,000 บาท ถ้าเกิน ให้นายอำเภอหรือผู้รักษาการแทนนำส่งจังหวัด แต่ถ้าติดราชการจะนำส่งเองไม่ได้ ก็ให้ตั้งกรรมการอำเภออย่างน้อย 2 นาย คุมเงินไปส่งได้ จำเลยที่ 1 เป็นนายอำเภอได้เก็บเงินไว้เกินจำนวนที่กำหนดจำเลยที่ 1 ติดราชการจึงสั่งตั้งกรมการอำเภอ 3 นายคุมเงินไปส่งจังหวัดโดยระบุไว้ชัดว่าต้องร่วมกันระวังรักษาและห้ามมิให้แยกย้ายจากกันตลอดเวลาที่เงินอยู่ในความรับผิดชอบ แต่จำเลย ที่ 2 ซึ่งขณะนั้นรักษาแทนนายอำเภอได้ มอบเงินให้กรมการอำเภอเพียง 2 นาย คุมเงินไปส่งเพราะกรมการอำเภออีก 1 นาย นั้นติดราชการแต่ก็ได้ให้ตำรวจอีก 2 นายร่วมทางไปด้วย ในการส่งเงิน จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการคุมเงินไปด้วยกลับนั่งรออยุ่นอกห้องสรรพกรและห้องคลังจังหวัด ปล่อยให้กรรมการอีก 1 นายเอาเข้าไปส่งแต่เพียงผู้เดียว เป็นเหตุให้กรรมการผู้นั้นทำลายในนำส่งและเขียนขึ้นมาใหม่ เป็นนำเงินส่งน้อยกว่าจำนวนที่รับมอบมา แล้วยักยอกเอาเงินที่เหลือไว้เป็นของตน ดังนี้ จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดฐานละเมิดเพราะจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของนายอำเภอผู้บังคับบัญชาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. 2497 มาตรา 71, 72, 79 ความเสียหายจึงได้เกิดขึ้น ส่วนจำเลยที่ 1 ถึงแม้จะฝ่าฝืนคำสั่งเก็บเงินไว้เกินจำนวนที่กำหนด แต่ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้นในตอนนั้น และจำเลยที่ 1,2 ก็ได้สั่งการไปโดยชอบแล้ว ในการคุมเงินไปส่งจำเลยที่ 1, 2 จึงไม่ต้องรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของข้าราชการต่อความเสียหายจากเงินถูกยักยอก กรณีละเลยคำสั่งและหน้าที่
กรณีข้าราชการประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เงินของทางราชการถูกยักยอกไป อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 นับแต่วันที่ผู้เสียหายได้รับทราบรายงานการสอบสวนว่าจำเลยต้องรับผิด
คำสั่งทางราชการมิให้นายอำเภอเก็บเงินไว้เกิน 8,000 บาท ถ้าเกินให้นายอำเภอหรือผู้รักษาการแทนนำส่งจังหวัดแต่ถ้าติดราชการจะนำส่งเองไม่ได้ก็ให้ตั้งกรรมการอำเภออย่างน้อย 2 นาย คุมเงินไปส่งได้ จำเลยที่ 1 เป็นนายอำเภอ ได้เก็บเงินไว้เกินจำนวนที่กำหนด จำเลยที่ 1 ติดราชการจึงสั่งตั้งกรมการอำเภอ 3 นาย คุมเงินไปส่งจังหวัดโดยระบุชัดว่าต้องร่วมกันระวังรักษาและห้ามมิให้แยกย้ายจากกันตลอดเวลาที่เงินอยู่ในความรับผิดชอบแต่จำเลยที่ 2 ซึ่งขณะนั้นรักษาการแทนนายอำเภอได้มอบเงินให้กรมการอำเภอเพียง 2 นาย คุมเงินไปส่งเพราะกรมการอำเภออีก 1 นายนั้นติดราชการแต่ก็ได้ให้ตำรวจอีก 2 นาย ร่วมทางไปด้วย ในการส่งเงิน จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการคุมเงินไปด้วยกลับนั่งรออยู่นอกห้องสรรพากรและห้องคลังจังหวัด ปล่อยให้กรรมการอีก 1 นายเอาเงินเข้าไปส่งผู้เดียว เป็นเหตุให้กรรมการผู้นั้นทำลายใบนำส่งและเขียนขึ้นใหม่เป็นนำเงินส่งน้อยกว่าจำนวนที่รับมอบมาแล้วยักยอกเอาเงินที่เหลือไว้เป็นของตน ดังนี้ จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดฐานละเมิดเพราะจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของนายอำเภอผู้บังคับบัญชาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2497 มาตรา71,72,79 ความเสียหายจึงได้เกิดขึ้นส่วนจำเลยที่ 1 ถึงแม้จะฝ่าฝืนคำสั่งเก็บเงินไว้เกินจำนวนที่กำหนด แต่ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้นในตอนนั้น และจำเลยที่ 1,2 ก็ได้สั่งการไปโดยชอบแล้ว ในการคุมเงินไปส่งจำเลยที่ 1,2 จึงไม่ต้องรับผิดด้วย
คำสั่งทางราชการมิให้นายอำเภอเก็บเงินไว้เกิน 8,000 บาท ถ้าเกินให้นายอำเภอหรือผู้รักษาการแทนนำส่งจังหวัดแต่ถ้าติดราชการจะนำส่งเองไม่ได้ก็ให้ตั้งกรรมการอำเภออย่างน้อย 2 นาย คุมเงินไปส่งได้ จำเลยที่ 1 เป็นนายอำเภอ ได้เก็บเงินไว้เกินจำนวนที่กำหนด จำเลยที่ 1 ติดราชการจึงสั่งตั้งกรมการอำเภอ 3 นาย คุมเงินไปส่งจังหวัดโดยระบุชัดว่าต้องร่วมกันระวังรักษาและห้ามมิให้แยกย้ายจากกันตลอดเวลาที่เงินอยู่ในความรับผิดชอบแต่จำเลยที่ 2 ซึ่งขณะนั้นรักษาการแทนนายอำเภอได้มอบเงินให้กรมการอำเภอเพียง 2 นาย คุมเงินไปส่งเพราะกรมการอำเภออีก 1 นายนั้นติดราชการแต่ก็ได้ให้ตำรวจอีก 2 นาย ร่วมทางไปด้วย ในการส่งเงิน จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการคุมเงินไปด้วยกลับนั่งรออยู่นอกห้องสรรพากรและห้องคลังจังหวัด ปล่อยให้กรรมการอีก 1 นายเอาเงินเข้าไปส่งผู้เดียว เป็นเหตุให้กรรมการผู้นั้นทำลายใบนำส่งและเขียนขึ้นใหม่เป็นนำเงินส่งน้อยกว่าจำนวนที่รับมอบมาแล้วยักยอกเอาเงินที่เหลือไว้เป็นของตน ดังนี้ จำเลยที่ 3 ต้องรับผิดฐานละเมิดเพราะจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของนายอำเภอผู้บังคับบัญชาตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2497 มาตรา71,72,79 ความเสียหายจึงได้เกิดขึ้นส่วนจำเลยที่ 1 ถึงแม้จะฝ่าฝืนคำสั่งเก็บเงินไว้เกินจำนวนที่กำหนด แต่ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้นในตอนนั้น และจำเลยที่ 1,2 ก็ได้สั่งการไปโดยชอบแล้ว ในการคุมเงินไปส่งจำเลยที่ 1,2 จึงไม่ต้องรับผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลระหว่างพิจารณาคดีเรื่องอายุความ หากไม่โต้แย้ง สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาในประเด็นนั้นย่อมหมดไป
จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นว่าคดีโจทก์ขาดอายุความศาลสั่งว่าฟ้องโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ อันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณานั้นเมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งแต่ประการใดแล้วจำเลยย่อมไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 71/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ขาดอายุความ อุทธรณ์ฎีกาไม่ได้หากไม่โต้แย้ง
จำเลยขอให้ศาลชี้ขาดเบื้องต้นว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ ศาลสั่งว่า ฟ้องโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ อันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา นั้น เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งแต่ประการใดแล้ว จำเลยย่อมไม่มีสิทธิจะอุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้