พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นการจดทะเบียนปืนเถื่อน: ไม่คุ้มครองการค้าหรือจำหน่าย
พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501 มาตรา 9 ที่ให้โอกาสนำปืน (เถื่อน) ไปจดทะเบียนภายใน 90 วันนั้นไม่คุ้มครองถึงการมีปืนไว้เพื่อค้าหรือมีไว้เพื่อจำหน่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62-63/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องผิดจังหวัดไม่ทำให้ฟ้องเสีย และการนับโทษต่อจากคดีอื่น
ในการกระทำผิดเรื่องปล้นทรัพย์รายเดียวกัน โจทก์ฟ้องจำเลย 2 คนเป็นสำนวนหนึ่ง โดยกล่าวว่าเหตุเกิดที่ตำบลคลองชักพระ อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดพระนคร (ซึ่งที่ถูกเป็นจังหวัดธนบุรี) แล้วฟ้องจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งร่วมกระทำผิดด้วยเป็นอีกสำนวนหนึ่งสำนวนนี้บรรยายฟ้องถูกต้องว่าเหตุเกิดที่จังหวัดธนบุรี ปรากฏว่าจำเลย 2 คนแรกนั้นมีบ้านเรือนอยู่ในอำเภอตลิ่งชันที่เกิดเหตุ ย่อมจะทราบได้ดีว่าที่เกิดเหตุอยู่ในจังหวัดธนบุรีทั้งสถานที่อยู่ที่จำเลยทั้งสองยกขึ้นต่อสู้และนำสืบก็ว่าอยู่ที่บ้านจำเลยซึ่งอยู่ในอำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรีนั่นเองการที่โจทก์บรรยายฟ้องผิดจังหวัดไปไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้หรือเสียเปรียบในเชิงคดี การผิดพลาดเพียงเท่านี้ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เสียไป
การที่จำเลยถูกคุมขังและฝากขังในคดีนี้ก่อนหรือหลังคดีอื่นนั้นไม่เป็นข้อสำคัญเมื่อศาลพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่พิพากษาคดีอื่นไปแล้ว ก็ย่อมนับโทษต่อจากคดีที่พิพากษาไปแล้วนั้นได้
การที่จำเลยถูกคุมขังและฝากขังในคดีนี้ก่อนหรือหลังคดีอื่นนั้นไม่เป็นข้อสำคัญเมื่อศาลพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่พิพากษาคดีอื่นไปแล้ว ก็ย่อมนับโทษต่อจากคดีที่พิพากษาไปแล้วนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62-63/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดจังหวัดไม่ทำให้ฟ้องเสีย และการนับโทษต่อเมื่อศาลพิพากษาภายหลัง
ในการกระทำผิดเรื่องปล้นทรัพย์รายเดียวกัน โจทก์ฟ้องจำเลย 2 คน เป็นสำนวนหนึ่งโดยกล่าวว่า เหตุเกิดที่ตำบลคลองชักพระ อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดพระนคร (ซึ่งที่ถูกเป็นจังหวัดธนบุรี) แล้วฟ้องจำเลยอีกคนหนึ่งซึ่งร่วมกระทำผิดด้วยเป็นอีกสำนวนหนึ่ง สำนวนนี้บรรยายฟ้องถูกต้องว่าเหตุเกิดที่จังหวัดธนบุรี ปรากฏว่าจำเลย 2 คนแรกนั้นมีบ้านเรือนอยู่ในอำเภอตลิ่งชันที่เกิดเหตุ ย่อมจะทราบได้ดีกว่าที่เกิดเหตุอยู่จังหวัดธนบุรี ทั้งสถานที่อยู่ที่จำเลยทั้งสองยกขึ้นต่อสู้และนำสืบก็ว่า อยู่ที่บ้านจำเลยซึ่งอยู่ในอำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี นั่นเอง การที่โจทก์บรรยาย ฟ้องผิดจังหวัดไปไม่เป็นเหตุให้จำเลยหลงข้อต่อสู้หรือเสียเปรียบในเชิงคดี การผิดพลาดเพียงเท่านี้ไม่ทำให้ฟ้องของโจทก์เสียไป
การที่จำเลยถูกคุมขังและฝากขังในคดีนี้ก่อนหรือหลังคดีอื่นนั้ไม่เป็นข้อสำคัญ เมื่อศาลพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่พิพากษาคดีอื่นไปแล้ ก็ย่อมนับโทษต่อจากคดีที่พิพากษาไปแล้วนั้นได้
การที่จำเลยถูกคุมขังและฝากขังในคดีนี้ก่อนหรือหลังคดีอื่นนั้ไม่เป็นข้อสำคัญ เมื่อศาลพิพากษาคดีนี้ภายหลังที่พิพากษาคดีอื่นไปแล้ ก็ย่อมนับโทษต่อจากคดีที่พิพากษาไปแล้วนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการเรียกคืนทรัพย์มรดกจากผู้ไม่มีสิทธิ แม้มีการฟ้องร้องเรื่องเดียวกันไปแล้ว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพี่สาวและน้องสาวของเจ้ามรดก จำเลยเป็นภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก ที่ดิน 3 แปลงท้ายฟ้อง เป็นสินเดิมของเจ้ามรดก ที่ดิน 3 แปลงท้ายฟ้องเป็นสินเดิมของเจ้ามรดก เมื่อเจ้ามรดกตายทรัพย์ดังกล่าวจึงเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์และทายาท จำเลยไม่ใช่ภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายวจึงไม่มีสิทธิรับมรดก โจทก์ได้แจ้งให้จำเลยส่งมอบทรัพย์มรดกให้แล้ว จำเลยปฏิเสธ โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้ส่งมอบทรัพย์มรดกให้แล้ว จำเลยปฏิเสธ โจทก์จึงฟ้องจำเลยให้ส่งมอบทรัพย์มรดกเป็นคดีหนึ่งแล้ว บัดนี้ ยังมีทรัพย์มรดกตามบัญชีท้ายฟ้องอีก 3 แปลง ขอให้ศาลพิพากษาว่าเป็นสินเดิมของเจ้ามรดก โจทก์และทายาทเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกทรัพย์นี้ ให้จำเลยส่งมอบทรัพย์ให้ ดังนี้ เป็นการฟ้องแต่ ฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากผู้ไม่มีอำนาจยึดถือไว้ และเป็นที่ดินต่างแปลง เป็นทรัพย์คนละอย่างกับทรัพย์ในคดีก่อน โจทก์จึงมีสิทธิเรียกได้อีก ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 (1)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทฟ้องเรียกคืนทรัพย์มรดกจากผู้ไม่มีอำนาจ แม้ฟ้องคดีก่อนหน้านี้แล้ว
ทายาทของเจ้ามรดก ฟ้องเรียกที่ดินของเจ้ามรดกจากภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกเป็นคดีหนึ่งแล้วบัดนี้ยังมีที่ดินมรดกอีกทายาทจึงฟ้องเรียกจากภรรยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นอีกดังนี้ ไม่ใช่เป็นการฟ้องแบ่งมรดกแต่เป็นการฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากผู้ไม่มีอำนาจยึดถือไว้และเป็นที่ดินต่างแปลงกับในคดีก่อนทายาทจึงมีสิทธิฟ้องเรียกได้อีก ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าต่อท้ายสัญญาเดิม สิทธิผู้เช่าเมื่อสัญญาหมดอายุ
ทำสัญญาเช่าที่ดินกัน 3 ปี ท้ายสัญญาระบุว่า "3 ปีแล้วทำสัญญาต่อ" นั้น ข้อความนี้แม้จะถือเอาว่าเป็นคำมั่นอันจะพึงบังคับกันได้ก็แต่เพียงเรียกร้องให้ผู้ให้เช่าทำสัญญาเช่าใหม่ เมื่อสัญญาเช่าเดิมสิ้นอายุแล้วเท่านั้น เมื่อครบกำหนดการเช่า 3 ปีแล้ว ผู้เช่ายังคงอยู่ในที่เช่าและชำระค่าเช่าตลอดมาตามกฎหมายก็เท่ากับเป็นการเช่ากันโดยไม่มีกำหนดเวลา คำมั่นที่มีอยู่จึงระงับไปในตัว ผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าต่อ: คำมั่นสัญญาเช่าต่อระงับเมื่อมีการเช่าต่อเนื่องโดยไม่มีกำหนด
ทำสัญญาเช่าที่ดินกัน 3 ปี ท้ายสัญญาระบุว่า "3 ปีแล้วทำสัญญาต่อ" นั้น ข้อความนี้แม้จะถือเอาว่าเป็นคำมั่นอันจะพึงบังคับกันได้ ก็แต่เพียงเรียกร้องให้ผู้ให้เช่าทำสัญญาเช่าใหม่เมื่อสัญญาเช่าเดิมสิ้นอายุแล้วเท่านั้น เมื่อครบกำหนดการเช่า 3 ปี ผู้เช่ายังคงอยู่ในที่เช่าและชำระค่าเช่าตลอดมาตามกฎหมาย ก็เท่ากับเป็นการเช่ากับโดยไม่มีกำหนดเวลา คำมั่นที่มีอยู่จึงระงับไปในตัว ผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คนใบ้ไม่ถือเป็นผู้ไร้ความสามารถ จนกว่าศาลสั่ง มีอำนาจดำเนินคดีได้
ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(12)และมาตรา 56 ศาลจะตั้งผู้แทนเฉพาะคดีให้ก็ต่อเมื่อ บุคคลใดเป็นผู้ไร้ความสามารถ และไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้แทนโดยชอบธรรมทำหน้าที่ไม่ได้
บุคคลใดแม้จะเป็นคนใบ้มาแต่กำเนิดก็ตาม เมื่อศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ก็ย่อมไม่ใช่บุคคลผู้ไร้ความสามารถตามกฎหมาย ฉะนั้น จึงมีอำนาจดำเนินคดีได้อย่างบุคคลธรรมดา ผู้อื่นจะร้องขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้แทนเฉพาะคดีไม่ได้
บุคคลใดแม้จะเป็นคนใบ้มาแต่กำเนิดก็ตาม เมื่อศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ก็ย่อมไม่ใช่บุคคลผู้ไร้ความสามารถตามกฎหมาย ฉะนั้น จึงมีอำนาจดำเนินคดีได้อย่างบุคคลธรรมดา ผู้อื่นจะร้องขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้แทนเฉพาะคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คนใบ้ไม่ถือเป็นผู้ไร้ความสามารถ จนกว่าศาลจะมีคำสั่ง สามารถดำเนินคดีได้เองหรือมอบอำนาจ
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (12) และมาตรา 56 ศาลจะตั้งผู้แทนเฉพาะคดีให้ก็ต่อเมื่อบุคคลใดเป็นผู้ไร้ความสามารถและไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้แทนโดยชอบธรรมทำหน้าที่ไม่ได้
บุคคลใดแม้จะเป็นคนใบ้มาแต่กำเนิดก็ตาม เมื่อศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ก็ย่อมไม่ใช่บุคคลผู้ไร้ความสามารถตามกฎหมาย ฉะนั้น จึงมีอำนาจดำเนินคดีได้อย่างบุคคลธรรมดา ผู้อื่นจะร้องขอให้ศาลชั้นต้นเป็นผู้แทนเฉพาะคดีไม่ได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 38/2504
บุคคลใดแม้จะเป็นคนใบ้มาแต่กำเนิดก็ตาม เมื่อศาลยังมิได้สั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ก็ย่อมไม่ใช่บุคคลผู้ไร้ความสามารถตามกฎหมาย ฉะนั้น จึงมีอำนาจดำเนินคดีได้อย่างบุคคลธรรมดา ผู้อื่นจะร้องขอให้ศาลชั้นต้นเป็นผู้แทนเฉพาะคดีไม่ได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 38/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางเพลิงร้านค้าที่ติดกับที่อยู่อาศัย และความรับผิดต่อการเสียชีวิตของอาสาสมัครดับเพลิง
จำเลยวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นมีผู้เข้าไปช่วยดับเพลิงแล้วถูกไฟลวกถึงแก่ความตาย การเข้าไปช่วยดับเพลิงเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายเอง หาใช่การวางเพลิงของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายไม่ จำเลยจึงไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 224
ห้องที่จำเลยวางเพลิงเป็นตึกแถว จำเลยเช่าเปิดเป็นร้านขายยาและตรวจรักษาโรคในตอนกลางวัน ส่วนในตอนกลางคืนจำเลยกับครอบครัวไปนอนที่อื่น ไม่มีคนอยู่อาศัยให้ห้องนั้น แต่มีห้องติดกันซึ่งเป็นตึกแถวเดียวกันมีคนเช่าอยู่อาศัยหลับนอน ดังนี้ ตึกแถวที่จำเลยวางเพลิงย่อมเป็นตึกแถวที่มีคนอยู่อาศัย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218 (1)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2504)
ห้องที่จำเลยวางเพลิงเป็นตึกแถว จำเลยเช่าเปิดเป็นร้านขายยาและตรวจรักษาโรคในตอนกลางวัน ส่วนในตอนกลางคืนจำเลยกับครอบครัวไปนอนที่อื่น ไม่มีคนอยู่อาศัยให้ห้องนั้น แต่มีห้องติดกันซึ่งเป็นตึกแถวเดียวกันมีคนเช่าอยู่อาศัยหลับนอน ดังนี้ ตึกแถวที่จำเลยวางเพลิงย่อมเป็นตึกแถวที่มีคนอยู่อาศัย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218 (1)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2504)