พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1412/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางเพลิงเผาตึกแถวที่มีคนอยู่อาศัย แม้ผู้เสียชีวิตเกิดจากความสมัครใจช่วยเหลือดับเพลิง จำเลยก็ยังมีความผิดตามกฎหมาย
จำเลยวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น มีผู้เข้าไปช่วยดับเพลิงแล้วถูกไฟลวกถึงแก่ความตาย การเข้าไปช่วยดับเพลิงเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายเอง หาใช่การวางเพลิงของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไม่จำเลยจึงไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 224
ห้องที่จำเลยวางเพลิงเป็นตึกแถว จำเลยเช่าเปิดเป็นร้านขายยาและตรวจรักษาโรคในตอนกลางวัน ส่วนในตอนกลางคืนจำเลยกับครอบครัวไปนอนที่อื่น ไม่มีคนอยู่อาศัยในห้องนั้นแต่มีห้องติดกันซึ่งเป็นตึกแถวเดียวกันมีคนเช่าอยู่อาศัยหลับนอน ดังนี้ ตึกแถวที่จำเลยวางเพลิงย่อมเป็นตึกแถวที่มีคนอยู่อาศัย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218(1) (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2504)
ห้องที่จำเลยวางเพลิงเป็นตึกแถว จำเลยเช่าเปิดเป็นร้านขายยาและตรวจรักษาโรคในตอนกลางวัน ส่วนในตอนกลางคืนจำเลยกับครอบครัวไปนอนที่อื่น ไม่มีคนอยู่อาศัยในห้องนั้นแต่มีห้องติดกันซึ่งเป็นตึกแถวเดียวกันมีคนเช่าอยู่อาศัยหลับนอน ดังนี้ ตึกแถวที่จำเลยวางเพลิงย่อมเป็นตึกแถวที่มีคนอยู่อาศัย จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218(1) (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าหลังล้มละลาย: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อำนาจพิจารณา
จำเลยเช่าที่ดินของผู้ร้อง เพื่อปลูกสร้างเป็นโกดังเก็บสินค้า มีเงื่อนไขในสัญญาเช่าว่า เมื่อสัญญาเช่าเลิกลงเพราะเหตุใดๆ บรรดาสิ่งปลูกสร้างทั้งสิ้นตกเป็นทรัพย์สินของผู้ให้เช่า และมีเงื่อนไขในสัญญาเช่าว่า เมื่อผู้เช่าถูกฟ้องคดีล้มละลาย ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่าได้ต่อมาจำเลยถูกฟ้องคดีล้มละลาย ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด ผู้ร้องจึงบอกเลิกสัญญาเช่ารายนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรณีเช่นนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะอ้าง มาตรา 122 แห่ง พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 ปฏิเสธการบอกเลิกสัญญาเช่าของผู้ร้องหาได้ไม่
ความใน พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 122 นั้นหมายถึงทรัพย์สิน หรือสิทธิตามสัญญาที่ลูกหนี้จะพึงได้รับมาไม่ใช่ทรัพย์สิน หรือสิทธิตามสัญญาที่ผู้อื่นจะพึงรับไป การที่ผู้ร้องใช้สิทธิตามข้อตกลงในสัญญาเช่าบอกเลิกสัญญานั้น เป็นสิทธิตามสัญญาที่ผู้อื่นจะพึงได้รับไป หาใช่สิทธิตามสัญญาที่ลูกหนี้จะพึงได้รับมาไม่ จึงไม่อยู่ในวิสัยที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะพิจารณาว่าสิทธิตามสัญญาที่ผู้อื่นจะพึงได้รับไปเช่นนี้มีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้แก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้หรือไม่
ความใน พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 122 นั้นหมายถึงทรัพย์สิน หรือสิทธิตามสัญญาที่ลูกหนี้จะพึงได้รับมาไม่ใช่ทรัพย์สิน หรือสิทธิตามสัญญาที่ผู้อื่นจะพึงรับไป การที่ผู้ร้องใช้สิทธิตามข้อตกลงในสัญญาเช่าบอกเลิกสัญญานั้น เป็นสิทธิตามสัญญาที่ผู้อื่นจะพึงได้รับไป หาใช่สิทธิตามสัญญาที่ลูกหนี้จะพึงได้รับมาไม่ จึงไม่อยู่ในวิสัยที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะพิจารณาว่าสิทธิตามสัญญาที่ผู้อื่นจะพึงได้รับไปเช่นนี้มีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้แก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1224/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าเมื่อลูกหนี้ล้มละลาย: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจปฏิเสธสิทธิของผู้อื่นได้
จำเลยเช่าที่ดินของผู้ร้องเพื่อปลูกสร้างเป็นโกดังเก็บสินค้าๆ มีเงื่อนไขในสัญญาเช่าว่า เมื่อสัญญาเช่าเลิกลงเพราะเหตุใดๆ บรรดาสิ่งปลูกสร้างทั้งสิ้นตกเป็นทรัพย์สินของผู้ให้เช่า และมีเงื่อนไขในสัญญาเช่าว่า เมื่อผู้เช่าถูกฟ้องคดีล้มละลาย ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่าได้ ต่อมาจำเลยถูกฟ้องคดีล้มละลาย ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด ผู้ร้องจึงขอยกเลิกสัญญาเช่นรายนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรณีเช่นนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะอ้างมาตรา ม.122 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ปฏิเสธการบอกเลิกสัญญาเช่าของผู้ร้องหาได้ไม่ เพราะความในมาตราดังกล่าวหมายถึงทรัพย์สินหรือสิทธิตามสัญญาที่ลูกหนี้จะพึงได้รับมา ไม่ใช่ทรัพย์สินหรือสิทธิตามสัญยาที่ผู้อื่นจะพึงได้รับไป การที่ผู้ร้องใช้สิทธิตามข้อตกลงในสัญญาเช่าบอกเลิกสัญญานั้น เป็นสิทธิตามสัญญาที่ผู้อื่นจะพึงได้รับไป หาใช่สิทธิตามสัญญาที่ลูกหนี้จะพึงได้รับมาไม่ จึงไม่อยู่ในวิสัยที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะพิจารณาว่าสิทธิตามสัญญาที่ผู้อื่นจะพึงได้รับไปเช่นนี้ มีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้แก่กองทรัพย์สินของลูกหนี้หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1168/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้โดยผู้ซื้อต่อผู้รับเงินแทนผู้ขาย
เมื่อผู้ซื้อจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือใบเสร็จรับเงินของผู้ขายไปแล้ว ก็เป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 318 อันว่าด้วยการชำระหนี้แล้ว ปัญหาเรื่องผู้ขายตั้งตัวแทนเพื่อให้รับเงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ตกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1168/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้แทนกันโดยผู้รับเงินเป็นผู้ถือใบเสร็จ ไม่ต้องมีหลักฐานการตั้งตัวแทน
รูปคดีที่แสดงว่าเป็นตัวแทนกัน
เมื่อผู้ซื้อจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือใบเสร็จรับเงินของผู้ขายเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 318 แล้ว ปัญหาเรื่องการตั้งตัวแทนเพื่อให้รับเงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ตกไป
เมื่อผู้ซื้อจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือใบเสร็จรับเงินของผู้ขายเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 318 แล้ว ปัญหาเรื่องการตั้งตัวแทนเพื่อให้รับเงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ตกไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายเก่าบังคับคดีอาญา แม้มีกฎหมายใหม่ยกเลิกแล้ว โดยพิจารณาจากหลักกฎหมายอาญา
ขณะกระทำผิด พระราชบัญญัติอากรการฆ่าสัตว์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2496 ยังใช้บังคับอยู่ แม้ต่อมาชั้นพิจารณาได้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อ พ.ศ. 2502 ก็ตาม แต่การฆ่าโคกระบือที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายยังคงถือว่าเป็นความผิดอยู่ และไม่มีคุณแก่ผู้กระทำผิด จึงต้องใช้พระราชบัญญัติอากรการฆ่าสัตว์ที่ใช้ขณะกระทำผิดบังคับแก่คดีตามหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญา
ฆ่ากระบือ กฏหมายให้ปรับเรียงตัวสัตว์ที่ฆ่าได้ไม่เกินตัวละ 500 บาท ฉะนั้น เมื่อศาลปรับเรียงตัวจำเลยจึงปรับได้ไม่เกินคนละ 500 บาท
ฆ่ากระบือ กฏหมายให้ปรับเรียงตัวสัตว์ที่ฆ่าได้ไม่เกินตัวละ 500 บาท ฉะนั้น เมื่อศาลปรับเรียงตัวจำเลยจึงปรับได้ไม่เกินคนละ 500 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายเก่าบังคับคดีอาญา แม้มีกฎหมายใหม่ยกเลิกแล้ว โดยยังคงลงโทษปรับเรียงตัวผู้กระทำผิดและสัตว์ที่ฆ่า
ขณะกระทำผิด พระราชบัญญัติอากรการฆ่าสัตว์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2496 ยังใช้บังคับอยู่ แม้ต่อมาชั้นพิจารณาได้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อ พ.ศ. 2502 ก็ตาม แต่การฆ่าโคกระบือที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายยังคงถือว่าเป็นความผิดอยู่ และไม่มีคุณแก่ผู้กระทำผิดจึงต้องใช้พระราชบัญญัติอากรการฆ่าสัตว์ที่ใช้ขณะกระทำผิดบังคับแก่คดีตามหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญา
ฆ่ากระบือ กฎหมายให้ปรับเรียงตัวสัตว์ที่ฆ่าได้ไม่เกินตัวละ 500 บาท ฉะนั้น เมื่อศาลปรับเรียงตัวจำเลยจึงปรับได้ไม่เกินคนละ 500 บาท
ฆ่ากระบือ กฎหมายให้ปรับเรียงตัวสัตว์ที่ฆ่าได้ไม่เกินตัวละ 500 บาท ฉะนั้น เมื่อศาลปรับเรียงตัวจำเลยจึงปรับได้ไม่เกินคนละ 500 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1125/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินร่วม การจำนองโดยไม่ได้รับความยินยอม และสิทธิของบุคคลภายนอก
โจทก์ฟ้องจำเลยให้ไถ่ถอนจำนองแล้วทำยอมโดยจำเลยขอผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์ ถ้าผิดนัดยอมให้โจทก์ยึดทรัพย์ที่จำนองขายทอดตลาด ต่อมาจำเลยผิดนัดโจทก์จึงนำยึดทรัพย์ที่จำนอง ผู้ร้องอ้างว่าที่ดินที่ถูกยึด ผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์อยู่ครึ่งหนึ่งโดยการครอบครอง จำเลยนำไปจำนองไว้กับโจทก์โดยผู้ร้องมิได้รู้เห็นหรือให้ความยินยอม ขอให้ปล่อยทรัพย์ ต้องถือว่าผู้ร้องคัดค้านว่าโจทก์รับจำนองทรัพย์อันเป็นของผู้ร้องไว้จากจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีสิทธิจะยึดขายทอดตลาดได้ ฉะนั้น ที่ศาลอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ว่า แม้ผู้ร้องจะเป็นเจ้าของที่ดินที่ถูกยึดจริงดังอ้าง ก็ต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ และยกคำขอของผู้ร้องเสียนั้น จึงไม่เกินประเด็น (ผู้ร้องอ้างว่าไม่ชอบที่จะยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 ขึ้นปรับ แต่ควรวินิจฉัยว่าที่ดินนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของใคร แล้วยกประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288,296 ขึ้นปรับ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียว ฟ้องซ้ำ ลักทรัพย์หลายราย ศาลยกฟ้อง
จำเลยเข้าไปในห้องซึ่งมีทรัพย์ของคนหลายคนหลายเจ้าของ แล้วลักเอาทรัพย์ของคนหลายคนนั้นไปในคราวเดียวกัน ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวไม่ใช่แยกเป็นต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ของเจ้าของคนหนึ่งและศาลลงโทษจำเลยไปแล้วโจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์ในคราวเดียวกันนั้นของคนอื่นๆ อีกไม่ได้ ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์หลายรายการในคราวเดียวกันถือเป็นกรรมเดียว ฟ้องซ้ำสิทธิระงับ
จำเลยเข้าไปในห้องซึ่งมีทรัพย์ของคนหลายคนหลายเจ้าของแล้วลักเอาทรัพย์ของคนหลายคนนั้นไปในคราวเดียวกัน ถือว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวไม่ใช่แยกเป็นต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ของเจ้าของคนหนึ่งและศาลลงโทษจำเลยไปแล้วโจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์ในคราวเดียวกันนั้นของคนอื่นๆ อีกไม่ได้ ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ