คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
คร้าม สิวายะวิโรจน์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากลักษณะอาวุธและบาดแผล: ศาลฎีกาตัดสินคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้มีดยาว 4 นิ้วฟุต กว้าง 2 เซนติเมตรด้ามเป็นเหล็กแบนติดต่อกับตัวมีดยาว 5 นิ้วฟุตเศษ แทงเสือกไปแถวหน้าอกผู้ตายในขณะที่ผู้ตายเดินมาหาโดยมิได้ระวังตัว แผลทะลุช่องปอด เช่นนี้จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 24/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1631/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการทรัพย์สินของวัด และอำนาจฟ้องร้อง กรณีการก่อสร้างที่ไม่ได้รับอนุญาต
วัดซึ่งเป็นนิติบุคคลย่อมมีอำนาจจัดการทรัพย์สมบัติของวัดได้ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 43 แต่ศาสนสมบัติของวัดก็ต้องเป็นไปตามระเบียบซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ตราไว้ด้วยความเห็นชอบของคณะสังฆมนตรีตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 49
ฟ้องว่าวัดโจทก์จ้างผู้รับเหมาปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินของวัด ระหว่างก่อสร้างจำเลยเข้าดำเนินงานก่อสร้างเอง โดยโจทก์ไม่ยินยอม เมื่อจำเลยต่อสู้ว่า จำเลยมีอำนาจจัดการได้ตามกฎหมาย ตามระเบียบการจัดประโยชน์ศาสนสมบัติ และต่อสู้ว่า จำเลยทำตามคำสั่งของสังฆายกและสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้าอาวาสวัดโจทก์ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปและโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยโดยลำพังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1631/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจัดการทรัพย์สินวัด และสิทธิในการฟ้องคดีละเมิดต่อการก่อสร้างที่ไม่ได้รับอนุญาต
วัดซึ่งเป็นนิติบุคคลย่อมมีอำนาจจัดการทรัพย์สมบัติของวัดได้ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 มาตรา 43 แต่ศาสนสมบัติของวัดก็ต้องเป็นไปตามระเบียบซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ตราไว้ด้วยความเห็นชอบของคณะสังฆมนตรีตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 มาตรา 49
ฟ้องว่าวัดโจทก์จ้างผู้รับเหมาปลูกสร้างตึกแถวในที่ดินของวัดระหว่างก่อสร้างจำเลยเข้าดำเนินงานก่อสร้างเอง โดยโจทก์ไม่ยินยอม เมื่อจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยมีอำนาจจัดการได้ตามกฎหมาย ตามระเบียบการจัดประโยชน์ศาสนสมบัติและต่อสู้ว่าจำเลยทำตามคำสั่งของสังฆนายกและสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของเจ้าอาวาสวัดโจทก์ ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปและโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยโดยลำพังได้ ไม่จำเป็นต้องฟ้องสังฆนายกหรือสังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยมีสิทธิเปลี่ยนจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพได้เอง ศาลไม่ต้องอนุญาต
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธแล้ว จะกลับรับสารภาพก็ทำได้ ไม่จำต้องให้ศาล อนุญาตเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยมีสิทธิเปลี่ยนคำให้การจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพได้ โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากศาล
เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธแล้ว จะกลับรับสารภาพก็ทำได้ไม่จำต้องให้ศาลอนุญาตเสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการยกเว้นโทษตามกฎหมายเฉพาะ
จำเลยถูกจับฐานมีหัวกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตต่อมาได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501 มาตรา 10 บัญญัติให้นำอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ภายใน 90 วัน โดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษนั้น เมื่อหัวกระสุนปืนของกลางอยู่ในมือเจ้าพนักงานอยู่แล้ว ก็ไม่จำต้องให้จำเลยขอคืนมาทำพิธีมอบใหม่อีก จำเลยย่อมได้รับผลของกฎหมาย ไม่ต้องรับโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเว้นโทษอาญาจากการมีอาวุธปืนเมื่อปฏิบัติตามกฎหมายรวบรวมอาวุธ
จำเลยถูกจับฐานมีหัวกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รันอนุญาต ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 10 บัญญัติให้นำอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามมามอบให้นายทะเบียน ท้องที่ภายใน 90 วัน เมื่อหัวกระสุนปืนของกลางอยู่ในมือเจ้าพนักงานอยู่แล้ว ก็ไม่จำต้องให้จำเลยขอคืนมาทำพิธีมอบใหม่อีก จำเลยย่อมได้รับผลของกฎหมาย ไม่ต้องรับโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์ที่ถูกยึด: ยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 142 แม้กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 290 ถูกยกเลิก
ความผิดฐานลักทรัพย์ที่ถูกยึดหรืออายัดไปตามกฎหมายลักษณะอาญาร.ศ.127 มาตรา 290 นั้น หาได้ถูกประมวลกฎหมายอาญายกเลิกไปโดยสิ้นเชิงไม่ แม้ความผิดฐานลักทรัพย์ที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดจะไม่มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา แต่การเอาทรัพย์ที่เจ้าพนักงานยึดรักษาไว้ไปโดยทุจริต ก็คงยังเป็นความผิดตามมาตรา 142 ประมวลกฎหมายอาญาอยู่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1528/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์ของกลาง: ยังคงลงโทษได้ตามมาตรา 142 แม้กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 290 ถูกยกเลิก
ความผิดฐานลักทรัพย์ที่ถูกยึดหรืออายัดไปตามกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 มาตรา 290 นั้น หาได้ถูกประมวลกฎหมายอาญายกเลิกไปโดยสิ้นเชิงไม่ แม้ความผิดฐานลักทรัพย์ที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดจะไม่มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา แต่การเอาทรัพย์ที่เจ้าพนักงานยึดรักษาไว้ไปโดยทุจริต ก็คงยังเป็นความผิดตามมาตรา 142 ประมวลกฎหมายอาญาอยู่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 28/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการใช้ปืนยิง แม้ผลไม่ถึงตาย ถือเป็นความพยายามฆ่า
พยานซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์แล้ว ตามกฎหมายย่อมอ้างเป็นพยานหลักฐานได้ ส่วนการที่จะเชื่อหรือไม่เพียงใด ย่อมสุดแต่พยานหลักฐานนั้น ๆ ฉะนั้น ถึงแม้จะไม่มีผู้เสียหายมาสืบโดยหาตัวไม่พบก็ตาม พยานอื่นที่รู้เห็นจริง ก็ฟังได้
การที่จำเลยใช้ปืนสั้นซึ่งเป็นอาวุธทำให้ถึงตายได้ ยิงคนถูกที่หน้าท้อง ย่อมต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า เมื่อมีเจตนาฆ่าแล้ว แม้ผลที่เกิดขึ้นไม่ตายสมเจตนา จำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน หาใช่ฐานทำร้ายร่างกายไม่
of 52