พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1226/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจรับคำร้องทุกข์: รัฐมนตรีฯ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตาม ป.วิ.อาญา
เจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งมีอำนาจรับคำร้องทุกข์ได้ตามมาตรา 2 (17) นั้น ได้แก่พนักงานสอบสวนกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตาม มาตรา 123, 124 เท่านั้น รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่พนักงานสอบสวนและพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตาม มาตรา 2 (16) และ 2 (17)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันการฉุดคร่าและการทำร้ายร่างกาย
ผู้ตายเป็นคนหนุ่มอันธพาล มารุกรานฉุดคร่าบุตรสาวจำเลยถึงในบ้าน และยังจะใช้มีดฟันจำเลยอีก จำเลยจึงยิงเอา เพราะถ้าจะรอให้ผู้ตายเข้าทำร้ายถึงตัวเสียก่อนจำเลยก็คงไม่มีทางสู้ นั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1069/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อถูกรุกรานในบ้านพักอาศัย
ผู้ตายเป็นคนหนุ่มอันธพาล มารุกรานฉุดคร่าบุตรสาว จำเลยถึงในบ้าน และยังจะใช้มีดฟันจำเลยอีก จำเลยจึงยิงเอา เพราะ ถ้าจะรอให้ผู้ตายเข้าทำร้ายถึงตัวเสียก่อนจำเลยก็คงไม่มีทางสู้ นั้น เป็นการป้องกัน โดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์หลังซ่อมรถให้คืนสภาพเดิม
เจ้าของรถยนต์ที่ถูกรถจำเลยชน ได้เอารถประกันภัยไว้กับบริษัทโจทก์ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรับประกันวินาศภัย บริษัทโจทก์ได้เอารถยนต์ที่ถูกรถจำเลยชนเสียหายไปให้อู่ซ่อมเสร็จและมอบรถให้เจ้าของรับไปเรียบร้อยแล้ว บริษัทโจทก์ก็ต้องมีความผูกพันที่จะต้องใช้ราคาค่าซ่อมให้แก่อู่ผู้ทำการซ่อมตามจำนวนเงินที่ตกลงกันไว้ เช่นนี้ นับว่าบริษัทโจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้วตามจำนวนเงินราคาค่าจ้างที่ได้ตกลงไว้กับอู่ผู้ทำการซ่อม บริษัทโจทก์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าของรถที่ถูกชนซึ่งมีต่อจำเลย บริษัทโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ค่าสินไหมทดแทนโดยบริษัทประกันภัยและการรับช่วงสิทธิเรียกร้องจากผู้ทำละเมิด
เจ้าของรถยนต์ที่ถูกรถจำเลยชน ได้เอารถประกันภัยไว้กับบริษัทโจทก์ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรับประกันวินาศภัย บริษัทโจทก์ได้เอารถยนต์ที่ถูกรถจำเลยชนเสียหายไปให้อู่ซ่อมเสร็จ และมอบรถให้เจ้าของรับไปเรียบร้อยแล้ว บริษัทโจทก์ก็ต้องมีความผูกพันที่จะต้องใช้ราคาค่าซ่อมให้แก่อู่ผู้ทำการซ่อมตามจำนวนเงินที่ตกลงกันไว้ เช่นนี้ นับว่าบริษัท โจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้วตามจำนวนเงินราคาค่าจ้างที่ได้ตกลงไว้กับอู่ผู้ทำการซ่อม บริษัทโจทก์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าของรถที่ถูกชนซึ่งมีต่อจำเลย บริษัทโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 880 วรรค 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาเลี่ยงคำบังคับศาล: การปิดเหมืองใหม่หลังเปิดตามคำสั่งเดิมถือเป็นการฝ่าฝืน
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยเปิดเหมืองตรงที่ปิดไว้ให้เป็นไปตามสภาพเดิม การที่จำเลยเปิดเหมืองตามคำบังคับของศาลแล้วต่อมาเพียงเดือนเดียวกลับปิดเสียใหม่ในที่ห่างกันเพียงแขนเดียว ทำให้น้ำกลับท่วมเต็มดังเช่นเดิมอีก การกระทำของจำเลยเช่นนี้ย่อมส่อให้เห็นเจตนาว่าทำไปเพื่อเลี่ยงในการที่จะไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลนั้นเอง(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาเลี่ยงคำพิพากษา: การปิดเหมืองใหม่หลังเปิดตามคำบังคับศาล ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยเปิดเหมืองตรงที่ปิดไว้ให้เป็นไปตามสภาพเดิม การที่จำเลยเปิดเหมืองตามคำบังคับของศาลแล้วต่อมาเพียงเดือนเดียวกับปิดเสียใหม่ ในที่ห่างกันเพียงแขนเดียว ทำให้น้ำกลับท่วมเต็มดังเช่นเดิมอีก การกระทำของจำเลยเช่นนี้ย่อมส่งให้เห็นเจตนาว่าทำไปเพื่อเลี่ยงในการที่จะไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลนั้นเอง (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 889/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กฎหมายยกเว้นโทษอาวุธปืนใหม่มีผลถึงคดีระหว่างพิจารณา ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกฟ้องจำเลยทั้งหมด
คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501 มาตรา 9 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต นำปืนไปขอรับอนุญาตภายใน 90 วัน โดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษดังนี้ จึงต้องถือว่า ในระหว่างนั้นกฎหมายยกเว้นโทษแก่ผู้มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในระหว่างใช้พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ย่อมยกฟ้องได้ และแม้จะอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภายหลังระยะเวลา 90 วัน ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ก็หาทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียไปไม่ (อ้างฎีกาที่ 766/2490) (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2503)
จำเลยที่ต้องโทษไม่ได้อุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่ามีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ออกใหม่บัญญัติว่า การกระทำของจำเลยไม่ต้องรับโทษ นับว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
จำเลยที่ต้องโทษไม่ได้อุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่ามีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ออกใหม่บัญญัติว่า การกระทำของจำเลยไม่ต้องรับโทษ นับว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 889/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กฎหมายยกเว้นโทษอาวุธปืนฯ มีผลแม้คดีอยู่ระหว่างพิจารณา ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาถึงจำเลยอื่น
คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 9 บัญญัติให้ผู้มีอาวุธปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต นำปืนไปขอรับอนุญาตภายใน 90 วันโดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ ดังนี้ จึงต้องถือว่า ในระหว่างนั้นกฎหมายยกเว้นโทษแก่ผู้มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในระหว่างใช้พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ย่อมยกฟ้องได้ และแม้จะอ่านคำพิพากษาศาล อุทธรณ์ภายหลังระยะเวลา 90 วัน ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ก็หาทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียไปไม่ (อ้างฎีกาที่ 766/2490) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2503)
จำเลยที่ต้องโทษไม่ได้อุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่ามีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ออกใหม่บัญญัติว่า การกระทำของจำเลยไม่ต้องรับโทษ นับว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
จำเลยที่ต้องโทษไม่ได้อุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่ามีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ออกใหม่บัญญัติว่า การกระทำของจำเลยไม่ต้องรับโทษ นับว่าเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 882/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินหลังสามีเสียชีวิต: ไม่ต้องฟ้องภายใน 1 ปี และพิจารณาอายุการครอบครองตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ
ในกรณีที่มีผู้ครอบครองที่ดินของสามีที่ตายไปแล้ว ภริยาไม่จำต้องเรียกร้องเอาคืนภายใน 1 ปี ตามอายุความมรดกเพราะกรณีไม่ใช่เรียกร้องตามสิทธิของเจ้าหน้าอันมีต่อกองมรดก และไม่ใช่เป็นเรื่องพิพาทในระหว่างทายาท
การที่จะใช้กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 บังคับในกรณีที่เจ้าของที่ดินไม่ครอบครองที่ดินนั้น ต้องแล้วแต่ว่าที่ดินนั้นได้เป็นที่บ้านที่สวนตั้งแต่เมื่อใด คือ ก่อนหรือหลังวันที่ 1 เมษายน 2475 ซึ่งเป็นวัน ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ บรรพ 4 ว่าด้วยทรัพย์สิน ถ้าเป็นที่บ้านที่สวนมาก่อน ก็ต้องนำเอากฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จมาบังคับ
การที่จะใช้กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จบทที่ 42 บังคับในกรณีที่เจ้าของที่ดินไม่ครอบครองที่ดินนั้น ต้องแล้วแต่ว่าที่ดินนั้นได้เป็นที่บ้านที่สวนตั้งแต่เมื่อใด คือ ก่อนหรือหลังวันที่ 1 เมษายน 2475 ซึ่งเป็นวัน ประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ บรรพ 4 ว่าด้วยทรัพย์สิน ถ้าเป็นที่บ้านที่สวนมาก่อน ก็ต้องนำเอากฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จมาบังคับ