คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สนิท สุมาวงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 679 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1878/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาด: ศาลมีอำนาจสั่งประกาศขายใหม่ได้ แม้ผู้สู้ราคาสูงสุดยินยอม และยังไม่มีสัญญาซื้อขายผูกพัน
ในการขายทอดตลาดทรัพย์ตามคำสั่งศาลเมื่อผู้สู้ราคาเสนอราคาสูงสุดแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดียังมิได้ตกลงด้วยโดยลำพัง แต่ได้รายงานต่อศาลเพื่อให้ศาลพิจารณาอีกชั้นหนึ่งว่าสมควรจะตกลงขายให้แก่ผู้สู้ราคาสูงสุดหรือไม่ดังนี้ การขายทอดตลาดยังไม่บริบูรณ์ ครั้นเมื่อศาลสั่งให้ประกาศขายใหม่ และเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ดำเนินการตามคำสั่งแล้ว ก็แสดงอยู่ในตัวว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีถอนทรัพย์รายนี้ จากการขายทอดตลาดครั้งนั้นเสียแล้ว ผู้สู้ราคาสูงสุดจึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้ขายแก่ตนตามราคาที่ตนได้เสนอไว้นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1878/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดไม่บริบูรณ์ เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจถอนได้ ผู้สู้ราคาไม่มีสิทธิเรียกร้อง
ในการขายทอดตลาดทรัพย์ตามคำสั่งศาล เมื่อผู้สู้ราคาเสนอราคาสูงสุดแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดียังมิได้ตกลงด้วยโดยลำพัง แต่ได้รายงานต่อศาลเพื่อให้ศาลพิจารณาอีกชั้นหนึ่งว่า สมควรจะตกลงขายให้แก่ผู้สู้ราคาสูงสุดหรือไม่ ดังนี้ การขายทอดตลาดยังไม่บริบูรณ์ ครั้นเมื่อศาลสั่งให้ประกาศขายใหม่และเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ดำเนินการตามคำสั่งแล้ว ก็แสดงอยู่ในตัวว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีถอนทรัพย์รายนี้จากการขายทอดตลาดครั้งนั้นเสียแล้ว ผู้สู้ราคาสูงสุดจึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้ขายแก่ตนตามราคาที่ตนได้เสนอไว้นั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องร้องต้องเกิดจากการถูกโต้แย้งสิทธิ แม้เป็นคนไทยแต่ไม่มีการโต้แย้งสิทธิจากจำเลย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ฟ้องผู้บังคับกองตำรวจภูธร ในฐานะนายทะเบียนคนต่างด้าวอ้างว่า จำเลยบังคับให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ขอให้แสดงว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทย ใบสำคัญเป็นโมฆะ ให้ห้ามจำเลยอย่าให้บังคับให้ต่ออายุ เช่นนี้แม้โจทก์จะเป็นคนไทย แต่เมื่อทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้บังคับโจทก์ให้ชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุ หรือได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์แต่ประการใด โจทก์ก็ยังไม่มีอำนาจฟ้องร้องขอให้บังคับจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญคนต่างด้าว แม้เป็นคนไทย สิทธิจึงไม่ถูกโต้แย้ง ไม่มีอำนาจฟ้อง
ฟ้องผู้บังคับกองตำรวจภูธร ในฐานะนายทะเบียนคนต่างด้าว อ้างว่าจำเลยบังคับให้โจทก์ชำระค่าธรรมเนียมต่ออายุใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว ขอให้แสดงว่าโจทก์เป็นคนสัญชาติไทย ใบสำคัญเป็นโมฆะ ให้ห้ามจำเลยอย่าให้บังคับให้ต่ออายุเช่นนี้ แม้โจทก์จะเป็นคนไทย แต่เมื่อทางพิจารณาข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้บังคับโจทก์ให้ชำระค่าธรรมเนียมต่อายุหรือโต้แย้งสิทธิของโจทก์แต่ประการใด โจทก์ก็ยังไม่มีอำนาจฟ้องร้องขอให้บังคับจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการไต่สวนคำร้องขัดทรัพย์ก่อนมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย
เมื่อมีการยึดทรัพย์ ประกาศขายทอดตลาดและร้องขัดทรัพย์ไว้ก่อนจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย ระหว่างนัดไต่สวนสืบพยานผู้ร้อง จึงปรากฏว่าจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด กรณีเช่นนี้ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะไต่สวนและมีคำสั่งไปได้ ผู้ร้องไม่ต้องไปร้องขัดทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิจารณาคำร้องขัดทรัพย์ก่อนการพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย
เมื่อมีการยึดทรัพย์ ประกาศขายทอดตลาด และร้องลักทรัพย์ไว้ก่อนจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลาย ระหว่างนัดไต่สวนสืบพยานผู้ร้องจึงปรากฎว่าจำเลยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด กรณีเช่นนี้ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะไต่สวนและมีคำสั่งไปได้ ผู้ร้องไม่ต้องไปร้องขัดทรัพย์ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1818/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับรื้ออาคารต่อเติม: ใช้กฎหมายในขณะกระทำผิด แม้มีกฎหมายใหม่ใช้อำนาจย้อนหลังไม่ได้
การต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารนั้น ความผิดสำเร็จตั้งแต่ขณะทำการต่อเติมอาคารเสร็จ
อำนาจของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่จะสั่งการ(สั่งระงับการก่อสร้างหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงและหรือรื้อถอนอาคารหรือส่วนแห่งอาคารที่ปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาต) ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2504 นั้น ไม่มีผลบังคับย้อนหลัง จึงต้องใช้วิธีการร้องขอต่อศาล เพื่อสั่งตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2479 มาตรา 11 วรรค 2 อันเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดและเป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1818/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับรื้ออาคารต่อเติม: ใช้กฎหมายในขณะกระทำผิด แม้มีกฎหมายใหม่ที่บทลงโทษรุนแรงกว่า
การต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคารนั้น ความผิดสำเร็จตั้งแต่ขณะทำการต่อเติมอาคารเสร็จ
อำนาจของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่จะสั่งการ (สั่งระงับการก่อสร้างหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงและหรือรื้อถอนอาคารหรือส่วนแห่งอาคารที่ปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาต) ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2504 นั้น ไม่มีผลบังคับย้อนหลัง จึงต้องใช้วิธีการร้องขอต่อศาลเพื่อสั่งตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2479 มาตรา 11 วรรคสองอันเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดและเป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1767/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาทางธุรกิจระหว่างหุ้นส่วน: การออกทุนทำโรงหีบอ้อยและการชำระหนี้ด้วยน้ำตาล
(1) จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน 3 วัน อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 และโจทก์ได้คัดค้านไว้นั้น ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86
(2) การที่จำเลยให้โจทก์ออกเงินและสิ่งของให้จำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนกันไปทำโรงหีบอ้อย โดยจำเลยตกลงส่งน้ำตาลเชื่อมมาขายให้แก่โจทก์แล้วคิดหักบัญชีกันเป็นครั้งคราวนั้น เป็นนิติกรรมสัญญาอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่การกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650,653 ฉะนั้น แม้ไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อจำเลยไว้เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนกันเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ตามสัญญานั้นแล้ว จำเลยก็ต้องร่วมกันรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1050
หมายเหตุ คำพิพากษาฎีกาตามข้อ 2 นี้ มีนัยเทียบได้กับฎีกาที่ 874/2477 ซึ่งวินิจฉัยว่าเป็นซื้อของเชื่อไม่ใช่สัญญากู้เงิน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1767/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาหุ้นส่วนออกทุนทำโรงหีบอ้อย ไม่ใช่สัญญากู้เงิน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ร่วมรับผิดได้
(1) จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน3 วัน อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 และโจทก์ได้คัดค้านไว้นั้น ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 (2) การที่จำเลยให้โจทก์ออกเงินและสิ่งของให้จำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนกันไปทำโรงหีบอ้อย โดยจำเลยตกลงจะส่งน้ำตาลเชื่อมมาขายให้แก่โจทก์ แล้วคิดหักบัญชีกันเป็นครั้งคราวนั้น เป็นนิติกรรมสัญญาอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่การกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650,653 ฉะนั้น แม้ไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อจำเลยไว้เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนกันเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ตามสัญญานั้นแล้วจำเลยก็ต้องร่วมกันรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1050
หมายเหตุ คำพิพากษาฎีกาตามข้อ 2 นี้มีนัยเทียบได้กับฎีกาที่ 874/2477 ซึ่งวินิจฉัยว่าเป็นซื้อของเชื่อไม่ใช่สัญญากู้เงิน
of 68