พบผลลัพธ์ทั้งหมด 679 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 518/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนคดีอาญาต้องเป็นไปตามเขตท้องที่ หากสอบสวนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าไม่มีการสอบสวน พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยมีที่อยู่ ถูกจับ และเหตุเกิดในเขตอำเภอสอบสวนของพนักงานสอบสวนอำเภอหนึ่ง หากพนักงานสอบสวนอำเภออื่นจะเป็นผู้สอบสวน จำเลยจะคัดค้านอำนาจสอบสวนหรือไม่ก็ตาม ก็ไม่ทำให้การสอบสวนนั้นกลับเป็นการสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมายได้ เท่ากับไม่มีการสอบสวน พนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โฉนดไม่ใช่เอกสารเป็นชุด แม้ไม่ส่งสำเนา ศาลรับฟังได้เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
โฉนดไม่ใช่เอกสารเป็นชุดดังที่กล่าวไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(1) เพราะมีขึ้นสำหรับที่ดินแปลงใดก็เพียง 2 ฉบับ โดยทำเป็นอย่างเดียวกันหาได้ออกเป็นชุดไม่ แต่โฉนดเป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้ข้อความในโฉนดย่อมเป็นที่เชื่อถือได้แม้คู่ความฝ่ายที่อ้างจะยื่นต่อศาลในวันสืบพยานโดยมิได้ส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามมาตรา 90 แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังได้ตามมาตรา 87(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานโฉนดที่ดิน แม้ไม่ส่งสำเนาตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
โฉนดไม่ใช่เอกสารเป็นชุดดังที่กล่าวไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 (1) เพราะจะมีขึ้นสำหรับที่ดินแปลงใดก็เพียง 2 ฉบับ โดยทำเป็นอย่างเดียวกัน หาได้ออกเป็นชุดไม่ แต่โฉนดเป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้ ข้อความในโฉนดย่อมเป็นที่เชื่อถือได้ แม้คู่ความฝ่ายที่อ้างจะยื่นต่อศาลในวันสืบพยานโดยมิได้ส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามมาตรา 90 แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังได้ตามมาตรา 87 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเช็ค: ผู้ทรงเช็คมีสิทธิฟ้อง แม้เช็คจะออกให้ผู้อื่น
จำเลยออกเช็ครายพิพาทสั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือโจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงเช็ครายนี้ในขณะเกิดเหตุ และได้นำเช็ครายนี้ไปขึ้นเงินไม่ได้โดยธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น ดังนี้ โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจร้องทุกข์และฟ้องคดีเอาผิดแก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 495/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเช็ค: ผู้ทรงเช็คมีสิทธิฟ้อง แม้ออกเช็คให้ผู้อื่น
จำเลยออกเช็ครายพิพาทสั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้ถือ โจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงเช็ครายนี้ในขณะเกิดเหตุ และได้นำเช็ครายนี้ไปขึ้นเงินไม่ได้ โดยธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น ดังนี้ โจทก์ร่วมย่อมเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจร้องทุกข์และฟ้องคดีเอาผิดแก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาโดยปริยายในการต่ออายุสัญญาประกันชีวิต แม้จะมีการผิดนัดชำระเบี้ยประกัน
ข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้เอาประกันชีวิตได้ชำระเบี้ยประกันงวดที่ 2 ล่าช้าไป20กว่าวันแต่ผู้รับประกันชีวิตก็รับเบี้ยประกันไว้โดยมิได้มีข้อขัดข้องโต้แย้งและในงวดที่ 3 ที่ 4 ต่อไป ผู้เอาประกันชีวิตก็ชำระเบี้ยประกันให้ตามกำหนดและผู้รับประกันก็รับไว้อีกดังนี้ ถึงแม้ตามข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันชีวิตจะมีข้อความซึ่งแปลความได้ว่า ถ้าผู้เอาประกันไม่ได้ส่งชำระเบี้ยประกันตามงวดที่ตกลงกันไว้ในกรมธรรม์แล้วผู้เอาประกันจะหมดสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ฌาปนกิจก็ตามแต่พฤติการณ์ที่ผู้เอาประกันกับผู้รับประกันปฏิบัติต่อกันดังกล่าวข้างต้นถือได้ว่าผู้เอาประกันและผู้รับประกันซึ่งเป็นคู่สัญญาต่างได้แสดงเจตนาโดยปริยายไว้ต่อกันแล้วว่าสัญญากรมธรรม์ประกันชีวิตนั้นให้คงใช้ได้ ระหว่างกันต่อไปตามเดิม ต่อมาถ้าผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่กรรมผู้รับประกันจะอ้างเหตุว่าผู้เอาประกันขาดส่งเบี้ยประกันตามกำหนดย่อมมีผลให้กรมธรรม์รายพิพาทสิ้นสุดลงบังคับกันไม่ได้ต่อไปตามข้อสัญญาที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์นั้น หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาโดยปริยายในการคงสัญญากรมธรรม์ประกันชีวิต แม้มีการชำระเบี้ยล่าช้า
ข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้เอาประกันชีวิตได้ชำระเบี้ยประกันงวดที่ 2 ล่าช้าไปกว่า 20 วัน แต่ผู้รับประกันชีวิตก็รับเบี้ยประกันไว้โดยมิได้มีข้อขัดข้องโต้แย้ง และในงวดที่ 3 ที่ 4 ต่อไป ผู้เอาประกันชีวิตก็ชำระเบี้ยประกันให้ตามกำหนด และผู้รับประกันก็รับไว้อีก ดังนี้ ถึงแม้ตามข้อสัญญาในกรมธรรม์ประกันชีวิตจะมีข้อความซึ่งแปลความได้ว่า ถ้าผู้เอาประกันไม่ได้ส่งชำระเบี้ยประกันตามงวดที่ตกลงกันไว้ในกรมธรรม์แล้ว ผู้เอาประกันจะหมดสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์ฌาปนกิจก็ตาม แต่พฤติการณ์ที่ผู้เอาประกันกับผู้รับประกันปฏิบัติต่อกันดังกล่าวข้างต้น ถือได้ว่าผู้เอาประกันและผู้รับประกันซึงเป็นคู่สัญญาต่างได้แสดงเจตนาโดยปริยายไว้ต่อกันว่า สัญญากรมธรรม์ประกันชีวิตนั้นให้คงใช้ได้ระหว่างกันต่อไปตามเดิม ต่อมาถ้าผู้เอาประกันชีวิตถึงแก่กรรม ผู้รับประกันจะอ้างเหตุว่าผู้เอาประกันขาดส่งเบี้ยประกันตามกำหนด ย่อมมีผลให้กรมธรรม์รายพิพาทสิ้นสุดลง บังคับกันไม่ได้ต่อไปตามข้อสัญญาที่กำหนดไว้ใสนกรมธรรม์นั้น หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช่าซื้อรถ - สัญญาเช่าซื้อต่างจากซื้อขาย - สุจริตไม่สมบูรณ์ - อำนาจตัวแทนไม่ชัดเจน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 เป็นบทบัญญัติสำหรับกรณีซื้อขาย จะนำมาอนุโลมใช้บังคับแก่กรณีเช่าซื้อไม่ได้ เพราะสัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาเช่าที่มีคำมั่นว่าจะขายเพิ่มเข้ามาด้วยเท่านั้น ไม่มีลักษณะเหมือนสัญญาซื้อขาย
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถกับจำเลยที่ 1 โดยทราบดีอยู่แล้วว่ารถเป็นของจำเลยที่ 3 และข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนขายรถคันนี้ก็ฟังไม่ได้ หากว่าได้มีบุคคลใดในห้างจำเลยที่ 1 อ้างต่อโจทก์ว่าจำเลยที่ 3มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ขายรถคันนี้ ก็เป็นการกล่าวอ้างเอาอย่างเลื่อนลอย และโจทก์ก็เชื่อถือด้วยความประมาทเลินเล่อ ดังนี้ โจทก์จะอ้างว่าโจทก์เช่าซื้อมาโดยสุจริตและจะขอให้นำมาตรา 1332 มาใช้บังคับโดยอนุโลมไม่ได้
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถกับจำเลยที่ 1 โดยทราบดีอยู่แล้วว่ารถเป็นของจำเลยที่ 3 และข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนขายรถคันนี้ก็ฟังไม่ได้ หากว่าได้มีบุคคลใดในห้างจำเลยที่ 1 อ้างต่อโจทก์ว่าจำเลยที่ 3มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ขายรถคันนี้ ก็เป็นการกล่าวอ้างเอาอย่างเลื่อนลอย และโจทก์ก็เชื่อถือด้วยความประมาทเลินเล่อ ดังนี้ โจทก์จะอ้างว่าโจทก์เช่าซื้อมาโดยสุจริตและจะขอให้นำมาตรา 1332 มาใช้บังคับโดยอนุโลมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช่าซื้อรถ - สุจริต - ตัวแทน - มาตรา 1332 - ไม่สามารถใช้บังคับโดยอนุโลม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 เป็นบทบัญญัติสำหรับกรณีซื้อขายจะนำมาอนุโลมใช้บังคับแก่กรณีเช่าซื้อไม่ได้เพราะสัญญาเช่าซื้อเป็นสัญญาเช่าที่มีคำมั่นว่าจะขายเพิ่มเข้ามาด้วยเท่านั้นไม่มีลักษณะเหมือนสัญญาซื้อขาย
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถกับจำเลยที่ 1 โดยทราบดีอยู่แล้วว่ารถเป็นของจำเลยที่ 3 และข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนขายรถคันนี้ก็ฟังไม่ได้ หากว่าได้มีบุคคลใดในห้างจำเลยที่ 1 อ้างต่อโจทก์ว่าจำเลยที่ 3 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ขายรถคันนี้ก็เป็นการกล่าวอ้างเอาอย่างเลื่อนลอย และโจทก์ก็เชื่อถือด้วยความประมาทเลินเล่อดังนี้ โจทก์จะอ้างว่าโจทก์เช่าซื้อมาโดยสุจริตและจะขอให้นำมาตรา 1332 มาใช้บังคับโดยอนุโลมไม่ได้
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถกับจำเลยที่ 1 โดยทราบดีอยู่แล้วว่ารถเป็นของจำเลยที่ 3 และข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 3 มอบให้จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนขายรถคันนี้ก็ฟังไม่ได้ หากว่าได้มีบุคคลใดในห้างจำเลยที่ 1 อ้างต่อโจทก์ว่าจำเลยที่ 3 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ขายรถคันนี้ก็เป็นการกล่าวอ้างเอาอย่างเลื่อนลอย และโจทก์ก็เชื่อถือด้วยความประมาทเลินเล่อดังนี้ โจทก์จะอ้างว่าโจทก์เช่าซื้อมาโดยสุจริตและจะขอให้นำมาตรา 1332 มาใช้บังคับโดยอนุโลมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายเนื้อสุกรโดยไม่มีใบอนุญาต ฎีกาวินิจฉัยว่าความผิดอยู่ที่ใบอนุญาต ไม่ใช่ตัวเนื้อสุกร จึงไม่ริบ
การมีไว้ซึ่งเนื้อสุกรเพื่อจำหน่ายทั้งตัวนั้น พระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2502 มาตรา 16 บัญญัติห้ามไว้เฉพาะเมื่อไม่มีใบอนุญาตให้ฆ่ากำกับ การมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่มีใบอนุญาตเช่นนี้ ความผิดจึงอยู่ที่ไม่มีใบอนุญาต ส่วนเนื้อสุกรย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิด จึงไม่อยู่ในข่ายจำต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32