พบผลลัพธ์ทั้งหมด 679 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1061/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทวงหนี้ไม่ใช่ค่าไถ่ ไม่เป็นความผิดฐานจับคนเรียกค่าไถ่
จำเลยถูกสลากกินรวบแล้วไปเอาเงินที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้ามือ แต่ผู้เสียหายไม่ให้ จำเลยกับพวกตามไปพบผู้เสียหายแล้วพาผู้เสียหายขึ้นรถไปด้วยกัน จำเลยได้ให้ผู้เสียหายเขียนหนังสือถึงภริยาให้จ่ายเงินแก่ผู้ถือและได้ให้ผู้เสียหายทำสัญญากู้เงินจำเลยตามจำนวนที่ถูกสลากกินรวบไว้แล้วให้ผู้เสียหายกลับไป ดังนี้ เจตนาของจำเลยเป็นเพียงแต่จะทวงเอาเงินซึ่งจำเลยเชื่อว่าควรจะได้ เงินประเภทนี้จึงไม่ใช่สินไถ่หรือค่าไถ่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 การกรทะำของจำเลยขาดเจตนาเพื่อค่าไถ่อันเป็นองค์ความผิดประการสำคัญตามมาตรานี้ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานจับคนเพื่อค่าไถ่ตามมาตรา 313
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการแทงด้วยอาวุธอันตราย ตำแหน่งบาดแผลบ่งชี้ถึงเจตนา
จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมแทงท้องผู้ตาย แผลลึกถึง 12 ซ.ม. แสดงว่าจำเลยแทงโดยแรง และตำแหน่งบาดแผลคือที่ท้องนั้น เป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยเลือกแทงที่สำคัญ ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำแล้วว่าจะต้องถึงตาย เช่นนี้จำเลยย่อมมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า พิจารณาจากลักษณะบาดแผลและการเลือกทำร้ายที่สำคัญ
จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมแทงท้องผู้ตายแผลลึกถึง 12 เซ็นติเมตร แสดงว่าจำเลยแทนโดยแรงและตำแหน่งบาดแผลคือที่ห้องนั้นเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยเลือกแทนที่สำคัญ ผู้กระทำย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นแล้วว่าจะต้องถึงตาย เช่นนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชุมนุมเพื่อยื่นคำร้องไม่ใช่การประชุมทางการเมือง
การที่จำเลยกับพวกประชุมกันเพื่อเขียนคำร้องทุกข์ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าพวกญวนที่ถูกเจ้าพนักงานจับไปในข้อหาคอมมูนิสต์ไม่ได้กระทำผิดอะไรนั้น ไม่ใช่เป็นการประชุมในทางการเมืองตามประกาศของคณะปฏิบัติฉบับที่ 13 จำเลยจึงไม่ผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชุมนุมเพื่อยื่นคำร้องไม่ถือเป็นการประชุมทางการเมืองตามประกาศคณะปฏิวัติ
การที่จำเลยกับพวกประชุมกันเพื่อเขียนคำร้องทุกข์ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าพวกญวนที่ถูกเจ้าพนักงานจับไปในข้อหาคอมมูนิสต์ไม่ได้กระทำผิดอะไรนั้น ไม่ใช่เป็นการประชุมในทางการเมืองตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 13 จำเลยจึงไม่ผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 965/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนสินค้าของกลางหลังศาลพิพากษา หากมีข้อโต้แย้งเรื่องตัวบุคคลและระยะเวลาอ้างสิทธิ ย่อมชอบที่จะฟ้องเป็นคดีแพ่ง
ในคดีกระทำผิดพระราชบัญญัติศุลกากรเมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดให้คืนสินค้าของกลางแก่ผู้ร้องแล้ว ถ้ากรมศุลกากรไม่มีเหตุโต้แย้งก็จะต้องคืนให้ตามคำพิพากษา แต่กรมศุลกากรโต้แย้งอยู่ว่า ผู้ร้องมิใช่นายเบ๊หรือจือเฮ้าตัวจริง เพราะตัวจริงตายไปนานแล้วตามมรณบัตร และโต้แย้งด้วยว่า ตั้งแต่กรมศุลกากรจับยึดสินค้ารายนี้แล้ว ไม่มีผู้ใดมาขอคืนในกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 24 ซึ่งแก้ไขฉบับที่ 12 พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ผู้ร้องจึงชอบที่จะว่ากล่าวเอาเองเป็นคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 48 วรรค 2
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 965/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนของกลางตามคำพิพากษาศาล และการพิสูจน์ตัวตนเจ้าของสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายศุลกากร
ในคดีกระทำผิดพระราชบัญญัติศุลกากร เมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดให้คืนสินค้าของกลางแก่ผู้ร้องแล้ว ถ้ากรมศุลกากรไม่มีเหตุโต้แย้งก็จะต้องคืนให้ตามคำพิพากษา แต่กรมศุลกากรโต้แย้งอยู่ว่า ผู้ร้องมิใช่นายเบ๊หรือจือเฮ้าตัวจริง เพราะตัวจริงตายไปนานแล้วตามมรณบัตร และโต้แย้งด้วยว่า ตั้งแต่กรมศุลกากรจับยึดสินค้ารายนี้แล้ว ไม่มีผู้ใดมาขอคืนในกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 24 ซึ่งแก้ไขฉบับที่ 12 พ.ศ.2497 มาตรา 3 ผู้ร้องจึงชอบที่จะว่ากล่าวเอาเองเป็นคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 48 วรรคสอง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการเปลี่ยนแปลงคำสั่งอนุญาตให้ฟ้องคดีอย่างคนอนาถา หากผู้ฟ้องมีทรัพย์สินเพียงพอชำระค่าธรรมเนียม
โดยปกติกระบวนพิจารณาใดที่ศาลได้สั่งไปแล้ว ต่อมาเห็นว่ายังไม่เหมาะสมเพื่อให้การพิจารณาได้ดำเนินไปด้วยความเที่ยงธรรมและเหมาะสม ศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิกถอนคำสั่งนั้นเสียได้ แล้วสั่งใหม่ตามที่เห็นควร ในกรณีที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ว่าความอย่างคนอนาถา ในระหว่างพิจารณาปรากฎว่าโจทก์มีทรัพย์สินที่จะเสียค่าธรรมเนียมได้ศาลก็มีอำนาจสั่งให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาเสีย คำสั่งเช่นนี้ ถือเท่ากับศาลได้เพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้โจทก์ว่าความอย่างคนอนาถาเสียแล้ว โจทก์จึงต้องอุทธรณ์คำสั่งนี้ภายในกำหนด 7 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งให้ฟ้องคดีโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม (คนอนาถา) และการเพิกถอนคำสั่ง
ในกรณีที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ฟ้องความอย่างคนอนาถาเมื่อในระหว่างพิจารณาปรากฏว่า โจทก์มีทรัพย์สินที่จะเสียค่าธรรมเนียมได้ ศาล ก็มีอำนาจสั่งให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาเสียได้ คำสั่งเช่นนี้ถือเท่ากับศาลได้เพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้โจทก์ว่าความอย่างคนอนาถาเสียแล้ว โจทก์จึงต้องอุทธรณ์คำสั่งนี้ภายใน 7 วัน ตาม มาตรา 156 วรรคห้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 952/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, หนี้นอกอาญา, อายุความ 10 ปี
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่กฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังออกประกาศหรือออกกฎกระทรวง กำหนดในการที่ทางราชการรับซื้อหรือออกขายนั้น เป็นเรื่องอัตราที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกระทรวงการคลังจะถือปฏิบัติอย่างไรเท่านั้น หาใช่กฎหมายที่จะบังคับใช้แก่ประชาชนอย่างไรไม่ ฉะนั้น อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราจะควรเป็นจำนวนเท่าใด จึงจะต้องถือตามวันเวลาที่ทำการแลกเปลี่ยน หรือควรจะได้ทำการแลกเปลี่ยน
แม้จะมีกฎหมายว่า การไม่นำเงินตราต่างประเทศมาขายให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นความผิดและมีโทษทางอาญาก็เป็นกรณีบังคับให้ขายเงินตราต่างประเทศอีกส่วนหนึ่งภายหลังต่างหาก ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาที่ให้ไว้ จึงหาเป็นเรื่องฟ้องทางแพ่งเนื่องจากความผิดทางอาญาไม่ หากเป็นเรื่องฟ้องตามหนี้ที่จำเลยต้องผูกพันอยู่เดิมอายุความจึงเป็น 10 ปี
แม้จะมีกฎหมายว่า การไม่นำเงินตราต่างประเทศมาขายให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นความผิดและมีโทษทางอาญาก็เป็นกรณีบังคับให้ขายเงินตราต่างประเทศอีกส่วนหนึ่งภายหลังต่างหาก ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะขอให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญาที่ให้ไว้ จึงหาเป็นเรื่องฟ้องทางแพ่งเนื่องจากความผิดทางอาญาไม่ หากเป็นเรื่องฟ้องตามหนี้ที่จำเลยต้องผูกพันอยู่เดิมอายุความจึงเป็น 10 ปี