คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สนิท สุมาวงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 679 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 479/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการเทียบเคียงสำนวนคดีอื่นเพื่อใช้ดุลพินิจลงโทษ และความชอบธรรมในการลดโทษซ้อน
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน และปรับ 581 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เฉพาะอันตราโทษ เป็นจำคุก 3 เดือน และให้รอการลงโทษไว้ภายในกำหนด 2 ปี เป็นการแก้ไขมาก โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงได้
การใช้ดุลพินิจในการลงโทษ ศาลอาจจะพิจารณาหลักเกณฑ์ที่ศาลเคยถือกำหนดในการวางโทษเพื่อเทียบเคียงหยั่งความหนักเบาของโทษได้ ศาลจึงย่อมจะนำสำนวนคดีอื่นมาประกอบการพิจารณาได้ตามที่เห็นสมควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ฟ้องอาญา: รายละเอียดทรัพย์สินไม่กระทบสิทธิจำเลย
ฟ้องของโจทก์ ข้อ 1 กล่าวว่าจำเลยลักกระบือแต่ในฟ้อง ข้อ 2 กล่าวว่า มีผู้พบเห็นจำเลยพาโคของผู้เสียหายไป หรือทำการลักโคของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยให้การแล้วโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้รายการทรัพย์จากกระบือเป็นโค โดยอ้างว่าพิมพ์ผิด ดังนี้ เห็นว่าไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีเพราะเป็นการขอแก้รายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้องและโจทก์ได้ขอแก้ฟ้องก่อนศาลทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยย่อมมีโอกาสต่อสู้คดีได้เต็มภาคภูมิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขฟ้องคดีอาญา: รายละเอียดทรัพย์สินที่ผิดพลาดไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
ฟ้องของโจทก์ ข้อ 1 กล่าวว่า จำเลยลักกระบือ แต่ในฟ้อง ข้อ 2 กล่าวว่า มีผู้พบเห็นจำเลยพาโคของผู้เสียหายไป หรือทำการลักโคของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยให้การแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้รายการทรัพย์จากกระบือเป็นโค โดยอ้างว่าพิมพ์ผิด ดังนี้ เห็นว่าไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี เพราะเป็นการขอแก้รายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้อง และโจทก์ได้ขอแก้ ฟ้องก่อนศาลทำการสืบพยานโจทก์ จำเลยย่อมมีโอกาสต่อสู้คดีได้เต็มภาคภูมิตาม ป.วิ.อ. มาตรา 164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนนัดสืบพยาน: ศาลฎีกาเห็นควรผ่อนผันการตัดพยานเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกพยานโจทก์ไม่มาศาล โจทก์แถลงว่าไม่ทราบเหตุขัดข้องขอเลื่อนไป ศาลเลื่อนไปสืบพยานโจทก์อีกครั้งหนึ่งครั้นถึงวันนัด พยานโจทก์ก็ไม่มาศาลอีก โจทก์แถลงไม่ทราบเหตุขัดข้องและขอเลื่อนอีกดังนี้ศาลไม่สมควรที่จะตัดพยานโจทก์และพิพากษายกฟ้องเฉพาะคดีนี้มีพฤติการณ์สมควรผ่อนผันให้อีกครั้งหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนนัดสืบพยานซ้ำๆ และดุลพินิจของศาลในการผ่อนผันการตัดพยาน
นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก พยานโจทก์ไม่มาศาล โจทก์ไม่มาศาล โจทก์แถลงว่าไม่ทราบเหตุขัดข้องขอเลื่อนไป ศาลเลื่อนไปสืบพยานโจทก์อีกครั้งหนึ่ง ครั้นถึงวันนัด พยานโจทก์ก็ไม่มาศาลอีก โจทก์แถลงไม่ทราบเหตุขัดข้องและขอเลื่อนอีก ดังนี้ศาลไม่สมควรที่จะตัดพยานโจทก์และพิพากษายกฟ้อง เฉพาะคดีนี้มีพฤติการณ์ สมควรผ่อนผัน ครั้งหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบจำเลยไม่ต้องทำหากโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงแล้ว แม้เป็นประเด็นที่จำเลยมีหน้าที่นำสืบ
หน้าที่นำสืบบางกรณี แม้จะตกแก่จำเลยต้องนำสืบก็จริงแต่ถ้าโจทก์ได้ยอมรับข้อเท็จจริงเช่นว่านั้นและคำรับของโจทก์เกี่ยวกับประเด็นโดยตรงแล้วจำเลยก็ไม่จำต้องสืบพยานตามหน้าที่นำสืบนั้นอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบจำเลยไม่ต้องทำหากโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงแล้ว กรณีภาษีโรงเรือน
หน้าที่นำสืบบางกรณี แม้จะตกแก่จำเลยต้องนำสืบก็จริง แต่ถ้าโจทก์ได้ยอมรับข้อเท็จจริงเช่นว่านั้น และคำรับของโจทก์เกี่ยวกับประเด็นโดยตรงแล้ว จำเลยก็ไม่จำต้องสืบพยานตามหน้าที่นำสืบนั้นอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สถานะเจ้าพนักงานในการชันสูตรบาดแผล: โจทก์ต้องพิสูจน์เองหากไม่มีกฎหมายกำหนด
รายงานชันสูตรบาดแผลนั้นไม่มีกฎหมายบังคับว่า ต้องให้เจ้าพนักงานเป็นผู้ทำ โจทก์จึงต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่าผู้ทำเป็นเจ้าพนักงานต่างกับการชันสูตรพลิกศพ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ได้บัญญัติไว้ ซึ่งเมื่อนายแพทย์ได้ทำการชันสูตรพลิกศพด้วยศาลย่อมรับรู้ว่านายแพทย์เป็นเจ้าพนักงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สถานะเจ้าพนักงานทางการแพทย์ในการชันสูตรบาดแผลและการหมิ่นประมาท
รายงานชันสูตรบาดแผลนั้นไม่มีกฎหมายบังคับว่า ต้องให้เจ้าพนักงานเป็นผู้ทำ โจทก์จึงต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่าผู้ทำเป็นเจ้าพนักงาน ต่างกับการชันสูตรพลิกศพ ป.วิ.อ. มาตรา 150 ได้บัญญัติไว้ ซึ่งเมื่อนายแพทย์ได้ทำการชันสูตรพลิกศพด้วย ศาลย่อมรับรู้ว่านายแพทย์เป็นเจ้าพนักงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 348/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่ที่ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ แม้จำเลยเคยได้รับการคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน แต่ต่อมาขยายกิจการ
คดีเดิมศาลวินิจฉัยว่า จำเลยทำการค้าเพียงเล็กน้อยได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันพิพากษายกฟ้องหลังจากโจทก์ฟ้องคดีก่อนแล้วจำเลยได้ทำการค้าเป็นล่ำเป็นสันขึ้นอีกโจทก์จึงฟ้องขับไล่จำเลยอีก ดังนี้ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
of 68