คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สนิท สุมาวงศ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 679 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับมรดกแทนที่ของทายาทโดยธรรม และการสละมรดกแทนผู้เยาว์ต้องมีอนุมัติจากศาล
เมื่อเจ้ามรดกตาย ทรัพย์มรดกย่อมตกได้แก่ทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก เมื่อทายาทโดยธรรมคนใดคนหนึ่งตายก่อนเจ้ามรดก ส่วนมรดกที่ทายาทโดยธรรมจะได้รับย่อมตกทอดแก่ผู้สืบสันดานทุกคนของทายาทโดยธรรมนั้นในฐานะเป็นผู้รับมรดกแทนที่ ดังนั้น เมื่อทายาทโดยธรรมตาย มีผู้เอาชื่อผู้สืบสันดานคนหนึ่งใส่ลงในหน้าโฉนดเป็นผู้รับมรดกจึงหาทำให้ผู้สืบสันดานคนอื่น ๆ เสียสิทธิในการรับมรดกแทนที่ในที่ดินนั้นไปไม่
คำสั่งของผู้ตายให้ยกที่ดินให้แก่ใครคนหนึ่งนั้นมิใช่พินัยกรรม จึงหาลบล้างสิทธิของทายาทโดยธรรมหรือผู้รับมรดกแทนที่ของทายาทโดยธรรมนั้นไม่
การสละมรดกจะต้องแสดงเจตนาชัดแจ้งเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
การที่มารดาจะสละมรดกแทนผู้เยาว์ได้ จะต้องได้รับอนุมัติจากศาลก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิง: การสะดุดหยุดของอายุความเมื่อผู้ชำระหนี้ไม่ใช่จำเลย
เมื่อศาลเห็นว่าประเด็นข้อพิพาทของโจทก์ จำเลยตามที่แถลงต่อศาลไม่จำเป็นจะต้องให้คู่ความฝ่ายใดนำพยานมาสืบในประเด็นข้อใดอีกแล้วศาลก็มีอำนาจสั่งงดการนำพยานมาสืบ และชี้ขาดตัดสินไปได้
โจทก์เป็นบุคคลผู้เป็นพ่อค้า (ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง) ต้องใช้สิทธิเรียกร้องค่าน้ำมันที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์ภายในกำหนดอายุความ 2 ปีเว้นแต่จะมีเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงเมื่อโจทก์ว่าผู้ที่ชำระหนี้ไม่ใช่จำเลย และไม่ยืนยันว่าผู้ชำระหนี้เป็นตัวแทนของจำเลย อันจะพอถือได้ว่าจำเลยได้รับสภาพหนี้ก็ไม่มีเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 592/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งงดสืบพยานและการขาดอายุความในคดีหนี้ซื้อขาย
เมื่อศาลเห็นว่าประเด็นข้อพิพาทของโจทก์จำเลยตามที่แถลงต่อศาลไม่จำเป็นจะต้องให้คู่ความฝ่ายใดนำพยานมาสืบในประเด็นข้อใดอีกแล้ว ศาลก็มีอำนาจสั่งงดการนำพยานมาสืบ และชี้ขาดตัดสินไปได้
โจทก์เป็นบุคคลผู้เป็นพ่อค้า(ค้าน้ำมันเชื้อเพลิง) ต้องใช้สิทธิเรียกร้องค่าน้ำมันที่จำเลยซื้อไปจากโจทก์ภายในกำหนดอายุความ 2 ปี เว้นแต่จะมีเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง เมื่อโจทก์ว่าผู้ที่ชำระหนี้ไม่ใช่จำเลย และไม่ยืนยันว่าผู้ชำระหนี้เป็นตัวแทนของจำเลย อันจะพอถือได้ว่าจำเลยได้รับสภาพหนี้ ก็ไม่มีเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักลอบนำเข้าสินค้า การส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่อยู่นอกประเทศ และความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลย 9 คน โดยยื่นสำเนาฎีกาให้ศาลฉบับเดียว เพื่อส่งให้จำเลยที่ 1 ดังนี้การที่โจทก์มิได้คัดสำเนาฟ้องฎีกาส่งศาลพร้อมฟ้องฎีกาเพื่อส่งให้จำเลยที่ 2 ถึง 9 แต่ศาลชั้นก็ต้นก็ได้สั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว ในกรณีเช่นนี้ศาลฎีการับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปได้
ในกรณีที่ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยไม่ได้เนื่องจากจำเลยออกไปนอกประเทศไทยนั้นถือได้ว่าส่งไม่ได้ เพราะหาตัวไม่พบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 201 แล้ว
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 38นั้น เป็นกรณีที่เรือบรรทุกสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรตามช่องทางท่าอนุมัติแต่การลักลอบนำสินค้าเข้ามาตามช่องทางซึ่งมิใช่ท่าอนุมัติไม่ผิดตามมาตรา 38
(ปัญหาข้อ 1 และ ข้อ 2 วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 26/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักลอบนำเข้าสินค้าหลีกเลี่ยงภาษีและการส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยที่อยู่นอกประเทศ
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลย 9 คน โดยยื่นสำเนาฎีกาให้ศาลฉบับเดียว เพื่อส่งให้จำเลยที่ 1 ดังนี้ การที่โจทก์มิได้คัดสำเนาฟ้องฎีกาส่งศาลพร้อมฟ้องฎีกาเพื่อส่งให้จำเลยที่ 2 ถึง 9 แต่ศาลชั้นต้นได้สั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาแล้ว ในกรณีเช่นนี้ศาสฎีการับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปได้
ในกรณีที่ส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยไม่ได้เนื่องจากจำเลยออกไปนอกประเทศไทยนั้น ถือได้ว่าส่งไม่ได้ เพราะหาตัวไม่พบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 201 แล้ว
ความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 38 นั้น เป็นกรณีที่เรือบรรทุกสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรตามช่องทางท่าอนุมัติ แต่การลักลอบนำสินค้าเข้ามาตามช่องทางซึ่งมิใช่ท่าอนุมัติ ไม่ผิดตามมาตรา 38
(ปัญหาข้อ 1 และ ข้อ 2 วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับให้จดทะเบียนหย่าหลังทำหนังสือหย่าโดยความสมัครใจ แม้ฝ่ายหนึ่งไม่ไปจดทะเบียน
สามีภริยาที่จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายแล้ว ได้ทำหนังสือหย่ากันเองด้วยความสมัครใจ มีพยาน 2 คนลงชื่อในหนังสือหย่า อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมไปจดทะเบียนหย่าที่อำเภอ ศาลบังคับให้ไปจดทะเบียนหย่าได้ถ้าไม่ไปก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับให้จดทะเบียนหย่าหลังทำหนังสือหย่าโดยสมัครใจ แม้ฝ่ายหนึ่งไม่ยินยอม
สามีภริยาที่จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายแล้ว ได้ทำหนังสือหย่ากันเองด้วยความสมัครใจ มีพยาน 2 คนลงชื่อในหนังสือหย่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมไปจดทะเบียนหย่าที่อำเภอ ศาลบังคับให้ไปจดทะเบียนหย่าได้ถ้าไม่ไปก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้นับโทษต่อหลังศาลอุทธรณ์แก้พิพากษา โจทก์ต้องฎีกาหรือแก้ฎีกาในข้อนั้นทันที
ฟ้องขอให้ลงโทษและขอให้นับโทษต่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษและให้นับโทษต่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยผิดจริง แต่พิพากษาแก้ไม่นับโทษต่อให้ จำเลยฎีกา โจทก์ไม่ฎีกาหรือแก้ฎีกาในข้อที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อครั้นศาลฎีกาวินิจฉัยเสร็จส่งคำพิพากษาพร้อมสำนวนคืน โจทก์เพิ่งยื่นคำร้องขอให้นับโทษต่อในวันเดียวกับที่ศาลชั้นต้นได้รับสำนวน เช่นนี้ไม่ได้ เพราะเป็นคำร้องที่เป็นโทษแก่จำเลยและโจทก์ชอบที่จะฎีกาหรือแก้ฎีกาดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้นับโทษต่อหลังศาลอุทธรณ์แก้พิพากษา โจทก์ต้องฎีกาหรือแก้ฎีกา หากไม่ทำตามสิทธิจะระงับ
ฟ้องขอให้ลงโทษและขอให้นับโทษต่อ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยผิดจริง แต่พิพากษาแก้ไม่นับโทษต่อให้จำเลยฎีกา โจทก์ไม่ฎีกาหรือแก้ฎีกาในข้อที่ศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษต่อครั้นศาลฎีกาวินิจฉัยเสร็จส่งคำพิพากษาพร้อมสำนวนคืนโจทก์เพิ่งยื่นคำร้องขอให้นับโทษต่อในวันเดียวกับที่ศาลชั้นต้นได้รับสำนวน เช่นนี้ไม่ได้เพราะเป็นคำร้องที่เป็นโทษแก่จำเลย และโจทก์ชอบที่จะฎีกาหรือแก้ฎีกาดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความผิดเบิกความเท็จ ปลอมเอกสาร และการตีความอัตราโทษจำคุกขั้นต่ำในประมวลกฎหมายอาญา
คำว่า ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 181(1) นี้ หมายถึงว่า อัตราโทษชั้นต่ำของความผิดนั้น จะต้องมีระวางโทษจำคุก 3 ปี เป็นอย่างน้อยที่สุด
การเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีอาญาไม่ใช่เรื่องแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความ แต่เป็นเรื่องเบิกความซึ่งศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจจดข้อความตอนใดหรือไม่จดก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ การจดจึงเป็นเรื่องของศาล ไม่ใช่เรื่องของพยานที่จะแจ้งให้ศาลจดข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267
จำเลยไม่ใช่นายช่วง แต่มาอ้างต่อศาลว่าเป็นนายช่วง และข้อเท็จจริงที่จำเลยเบิกความว่าได้รู้เห็นเหตุการณ์ จำเลยก็มิได้รู้เห็นจริง กับจำเลยได้ลงนามปลอมว่า นายช่วง ในคำเบิกความที่ศาลจดไว้อีกด้วย ความผิดฐานเบิกความเท็จสำเร็จได้โดยไม่ต้องอาศัยการลงนามปลอม การลงนามปลอมของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 อีกด้วย แต่จำเลยหามีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 อีกมาตราหนึ่งไม่
of 68