พบผลลัพธ์ทั้งหมด 286 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดตาม ม.116 ต้องพิจารณาเนื้อหาทั้งหมดและเจตนาของผู้เผยแพร่
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้จัดการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ได้พิมพ์โฆษณาข้อความดังที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้องให้ปรากฎแก่ประชาชนอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้น การที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่า ข้อความที่กล่าวนั้นเป็นความผิดหรือไม่ และจำเลยพิมพ์โฆษณาด้วยเจตนาอย่างไร จำต้องพิจารณาจากข้อความทั้งหมด ประกอบกับพฤติการณ์อย่างอื่น ๆ ด้วย จะพิจารณาเพียงข้อความที่จำเลยโฆษณาบางตอนหรือบางส่วนหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดมาตรา 116 ต้องพิจารณาเนื้อหาและเจตนาโดยรวม ไม่พิจารณาเพียงบางส่วน
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของ ผู้จัดการผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ได้พิมพ์โฆษณาข้อความดังที่โจทก์บรรยายไว้ในฟ้องให้ปรากฏแก่ประชาชนอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 นั้น การที่จะวินิจฉัยชี้ขาดว่า ข้อความที่กล่าวนั้นเป็นความผิดหรือไม่ และจำเลยพิมพ์โฆษณาด้วยเจตนาอย่างไรจำต้องพิจารณาจากข้อความทั้งหมดประกอบกับพฤติการณ์อย่างอื่นๆด้วยจะพิจารณาเพียงข้อความที่จำเลยโฆษณาบางตอนหรือบางส่วนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเหนือพินัยกรรมเมื่อสัญญาระบุการตกเป็นเจ้าของทรัพย์หลังตาย
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ผู้มีชื่อคนหนึ่งกับจำเลยตกลงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกันใครตายก่อนให้ตกเป็นของอีกคนหนึ่งนั้นเป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้โดยมีเงื่อนไขและเป็นสัญญาต่างตอบแทนฉะนั้น เมื่อผู้มีชื่อตาย ทรัพย์พิพาทย่อมตกเป็นของจำเลย ผู้มีชื่อที่ตายจะไปทำพินัยกรรมยกทรัพย์นั้นให้คนอื่นอีกไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 953/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ทรัพย์ตกเป็นของอีกฝ่ายเมื่อตาย พินัยกรรมยกทรัพย์ให้ผู้อื่นเป็นโมฆะ
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ผู้มีชื่อคนหนึ่งกับจำเลยตกลงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกัน ใครตายก่อนให้ตกเป็นของอีกคนหนึ่งนั้น เป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้โดยมีเงื่อนไขและเป็นสัญยาต่างตอบแทน ฉะนั้น เมื่อผู้มีชื่อตายทรัพย์พิพาทย่อมตกเป็นของจำเลย ผู้มีชื่อที่ตายจะทำพินัยกรรมทรัพย์นั้นให้คนอื่นอีกไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเรือนจากการยืมสัมภาระ: การยืมใช้สิ้นเปลือง vs. การใช้สัมภาระของผู้อื่นทำสิ่งใหม่
สัมภาระจะต้องเป็นของบุคคลอื่นอยู่ในขณะที่ได้เอาสัมภาระนั้นทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นใหม่ กรณีจึงจะต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1317
จำเลยยืมไม้และสังกระสีของผู้ร้องเพื่อปลูกเรือน ซึ่งอาจต้องเอามาบั่นทอนตัดตัดฟันแปรสภาพไปเป็นตัวเรือน และตามปกติ เมื่อยืมมาใช้เช่นนี้ ก็หมายความว่าเอาทรัพย์นั้น ๆ มาขาดทีเดียว ไม่ใช่จะเอาทรัพย์นั้นไปคืนอีก จึงถือว่าเป็นการยืมใช้สิ้นเปลือง กรรมสิทธิ์ในเรือนนั้นโอนไปเป็นของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650.
จำเลยยืมไม้และสังกระสีของผู้ร้องเพื่อปลูกเรือน ซึ่งอาจต้องเอามาบั่นทอนตัดตัดฟันแปรสภาพไปเป็นตัวเรือน และตามปกติ เมื่อยืมมาใช้เช่นนี้ ก็หมายความว่าเอาทรัพย์นั้น ๆ มาขาดทีเดียว ไม่ใช่จะเอาทรัพย์นั้นไปคืนอีก จึงถือว่าเป็นการยืมใช้สิ้นเปลือง กรรมสิทธิ์ในเรือนนั้นโอนไปเป็นของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในสิ่งปลูกสร้างจากวัสดุที่ยืมมาใช้สิ้นเปลือง
จำเลยยืมไม้และสังกะสีของผู้ร้องเพื่อปลูกเรือน ย่อมหมายความว่า เอาทรัพย์นั้นๆ มาขาดทีเดียว ไม่ใช่จะเอาทรัพย์นั้นไปคืนอีกจึงถือว่าเป็นการยืมใช้สิ้นเปลืองกรรมสิทธิ์ในเรือนที่ปลูกขึ้น ดังกล่าวย่อมเป็นของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650
การใช้สัมภาระของบุคคลอื่นทำสิ่งใดขึ้นใหม่ที่ว่าเจ้าของสัมภาระเป็นเจ้าของสิ่งนั้น แต่ต้องใช้ค่าแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1317 นั้น หมายความว่า สัมภาระจะต้องเป็นของบุคคลอื่นอยู่ในขณะที่ได้เอาสัมภาระนั้นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นใหม่เมื่อเป็นกรณียืมใช้สิ้นเปลืองสัมภาระนั้นย่อมตกเป็นของผู้ยืมแล้วในขณะปลูกสร้างจึงไม่เข้าตาม มาตรา 1317
การใช้สัมภาระของบุคคลอื่นทำสิ่งใดขึ้นใหม่ที่ว่าเจ้าของสัมภาระเป็นเจ้าของสิ่งนั้น แต่ต้องใช้ค่าแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1317 นั้น หมายความว่า สัมภาระจะต้องเป็นของบุคคลอื่นอยู่ในขณะที่ได้เอาสัมภาระนั้นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นใหม่เมื่อเป็นกรณียืมใช้สิ้นเปลืองสัมภาระนั้นย่อมตกเป็นของผู้ยืมแล้วในขณะปลูกสร้างจึงไม่เข้าตาม มาตรา 1317
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงปากเปล่าเกี่ยวกับการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการทำถนน ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสัญญากู้ สามารถนำสืบพยานได้และหักกลบลบหนี้ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินไปจากโจทก์แล้วไม่ชำระจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ขายที่ดินให้จำเลย จำเลยชำระราคายังไม่ครบเงินจำนวนที่ยังค้างอยู่นั้น โจทก์ให้จำเลยทำสัญญากู้ตามฟ้องให้โจทก์ไว้ โดยตกลงกันด้วยปากเปล่าว่าเมื่อจำเลยทำถนนในที่ดินนั้นแล้ว โจทก์จะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง จะคิดหักเงินให้เมื่อทำเสร็จแล้ว ต่อมาจำเลยทำถนนเสร็จแล้วเมื่อคิดหักเงินส่วนที่โจทก์จะต้องออกแล้วจำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์น้อยกว่าจำนวนที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้ ข้อตกลงเช่นนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหากจากสัญญากู้ จำเลยจึงนำสืบพยานบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 และหนี้ดังกล่าวก็อยู่ในลักษณะที่อาจหักกลบลบหนี้กันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงปากเปล่าเรื่องค่าทำถนนกับสัญญากู้: การสืบพยานไม่เป็นการแก้ไขสัญญากู้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินไปจากโจทก์แล้วไม่ชำระ จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ขายที่ดินให้จำเลยจำเลยชำระราคายังไม่ครบ เงินจำนวนที่ยังค้างอยู่นั้น โจทก์ให้จำเลยทำสัญญากู้ตามฟ้องให้โจทก์ไว้ โดยตกลงกันด้วยปากเปล่าว่าเมื่อจำเลยทำถนนในที่ดินนั้นแล้ว โจทก์จะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง จะคิดหักเงินให้เมื่อทำเสร็จแล้ว ต่อมาจำเลยได้ออกโฉนดและทำถนนเสร็จแล้ว เมื่อคิดหักเงินส่วนที่โจทก์จะต้องออกให้แล้วจำเลยยังคงเป็นหนี้โจทก์น้อยกว่าจำนวนที่ฟ้องข้อตกลงเช่นนี้กฎหมายไม่ได้บังคับว่าต้องทำเป็นหนังสือและเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหากจากสัญญากู้ การที่จะขอสืบพยานเรื่องข้อตกลงนี้จึงไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญากู้ และหนี้ดังกล่าวนี้ไม่อยู่ในลักษณะที่ไม่เปิดซองให้หักลบกันได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์ จำเลยต้องสุจริตในการติชม หากมีอคติส่วนตัว ข้อแก้ตัวเรื่องความเป็นธรรมไม่ฟังได้
ข้อที่จำเลยสู้คดีว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทเพราะเป็นการเสนอข่าวติชมด้วยความเป็นธรรม นั้นจำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวได้ต่อเมื่อได้กระทำโดยสุจริตเสียก่อนหากพยานหลักฐานในสำนวนปรากฏว่าจำเลยไม่ได้กระทำโดยสุจริตจำเลยย่อมจะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: การเสนอข่าวติชมด้วยความเป็นธรรมต้องสุจริต
ข้อที่จำเลยสู้คดีว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทเพราะเป็นการเสนอข่าวติชมด้วยความเป็นธรรม นั้น จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวได้ต่อเมื่อได้กระทำโดยสุจริตเสียก่อนหากพยานหลักฐานในสำนวนปรากฏว่าจำเลยไม่ได้กระทำโดยสุจริต จำเลยย่อมจะยกขึ้นเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้