คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สารกิจปรีชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 286 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนที่ดินชำระหนี้จำนอง และสิทธิการรับชำระหนี้ของผู้รับจำนองรายหลัง
จำเลยจำนองที่ดินมือเปล่าไว้แก่โจทก์แล้วออกโฉนดนำไปจำนองไว้แก่ผู้อื่น ต่อมาโอนที่รายนี้ให้แก่ผู้รับจำนองรายหลังเป็นการชำระหนี้ โจทก์ทราบจึงฟ้องบังคับจำนองและขอให้เพิกถอนการโอนตามขอ ดังนี้ แม้หนี้จำนองรายหลังหมดไป เมื่อจำเลยโอนที่ให้ก็จริง แต่เมื่อศาลพิพากษาเพิกถอนการโอนชำระหนี้เสียแล้ว การชำระหนี้ก็เป็นอันไร้ผล ผู้รับจำนองรายหลังจึงมีสิทธิร้องขอรับชำระหนี้จำนองของตนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์และฎีกาข้อกฎหมาย: การที่ศาลไม่รับอุทธรณ์บางประเด็นถือเป็นอันยุติ โจทก์ไม่สามารถรื้อฟื้นในฎีกาได้
คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อเดียว ข้ออื่นแม้โจทก์เห็นว่า เป็นข้อกฎหมายก็มิได้สั่งรับนั้น โจทก์จะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาให้ศาลอุทธรณ์สั่งรับเสียก่อน ศาลอุทธรณ์จึงจะวินิจฉัยให้ เมื่อโจทก์ไม่จัดการประการใดย่อมถือว่า ข้ออุทธรณ์นั้น ๆ เป็นอันยุติไปแล้ว โจทก์จะรื้อฟื้นขึ้นมาฎีกาอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 622/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ไม่ครบถ้วน ถือเป็นการยุติสิทธิ โจทก์มิอาจรื้อฟื้นได้
คดีที่โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ข้อเดียวโจทก์ก็มิได้อุทธรณ์คำสั่งแต่ประการใด ดังนี้ ต้องถือว่าข้ออุทธรณ์ข้ออื่นที่ศาลไม่สั่งรับนั้นยุติแล้วโจทก์จะรื้อฟื้นขึ้นมาฎีกาอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและข้อยกเว้นตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า: จำเลยต้องนำสืบเพื่อหักล้างข้อกล่าวหา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ตามสำเนาหนังสือสัญญาเช่าท้ายฟ้อง จำเลยได้ทำที่ดินที่เช่าไปหาผลประโยชน์โดยปลูกเรือนให้ผู้อื่นเช่า จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เอาที่ดินที่เช่าไปหาผลประโยชน์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ เพราะจำเลยเช่าปลูกเรือนอาศัยตามสัญญา เช่าข้อ 1 ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ ชั้นพิจารณาโจทก์จำเลยไม่ติดใจสืบพยานโดยขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเดียวว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ หรือไม่ ปรากฏตามสำเนาหนังสือสัญญาเช่าท้ายฟ้องข้อ 1 มีข้อความว่าผู้เช่าขอเช่าที่ดินของผู้ให้เช่าเพื่อปลูกบ้านอยู่เป็นการให้เช่าที่ดินเพื่อปลูกเรือนอยู่อาศัย ตามข้อต่อสู้ของจำเลยซึ่งได้รับความ คุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯ อยู่แล้ว เมื่อโจทก์จำเลยไม่สืบพยานโจทก์ย่อมแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใส่ความหมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงานในหน้าที่ แม้ส่งถึงบุคคลที่สามก็มีความผิดตามกฎหมาย
หนังสือใส่ความผู้อื่นนั้นแม้จะส่งไปถึงนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวก็ถือว่าใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ตามมาตรา 326 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาและได้ร่วมเป็นองค์คณะตัดสินคดีที่ทำให้จำเลยแพ้ และจำเลยได้กล่าวข้อความซึ่งเป็นการดูหมิ่นโจทก์ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาย่อมเป็นความผิดต่อมาตรา 198ประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: การใส่ความต่อบุคคลที่ 3 และการดูหมิ่นผู้พิพากษา
หนังสือใส่ความผู้อื่นนั้น แม้จะส่งไปถึงนายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว ก็ถือว่าใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ตามมาตรา 326 แห่ง ประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา และได้ร่วมเป็นองค์คณะตัดสินคดีที่ทำให้จำเลยแพ้และจำเลยได้กล่าวข้อความซึ่งเป็นการดูหมิ่น โจทก์ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ย่อมเป็นความผิดต่อมาตรา 198ประมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีมโนสาเร่ต้องวินิจฉัยประเด็นแห่งคดีและค่าฤชาธรรมเนียม แม้ศาลสั่งรับเงินก็ต้องดำเนินการพิจารณาต่อไป
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อกาแฟราคา 60 สตางค์ กินแล้วไม่ชำระราคา ขอให้ศาลบังคับ จำเลยให้การต่อสู้ว่า ชำระแล้วและแถลงขอวางเงินต่อศาล 1 บาท ตามที่โจทก์เรียกร้องทั้งนี้ โดยไม่ยอมรับผิดตามฟ้อง คดียังมีประเด็นที่โต้เถียงกันอยู่ ว่าจำเลยได้ชำระหนี้แล้วหรือยัง
แม้จะเป็นคดีมโนสาเร่ ซึ่งศาลพิพากษาได้ด้วยวาจาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 194 แต่ก็จะต้องปฏิบัติตามมาตรา 141 วรรคท้าย คือต้องมีคำวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตลอดทั้งค่าฤชาธรรมเนียมด้วย จะไม่วินิจฉัยหรือตัดสินว่าใครแพ้ใครชนะในประเด็นใดเพียงแต่สั่งให้โจทก์รับเงินไป กับสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมเท่านั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทการชำระหนี้ค่ากาแฟ ศาลต้องวินิจฉัยเพื่อยุติข้อโต้แย้ง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อกาแฟราคา 60 สตางค์ กินแล้วไม่ชำระราคาขอให้ศาลบังคับจำเลยให้การต่อสู้ว่าชำระแล้ว และแถลงขอวางเงินต่อศาล 1 บาท ทั้งนี้โดยไม่ยอมรับผิดตามฟ้องดังนี้ คดียังมีประเด็นที่โต้เถียงกันอยู่ว่า จำเลยได้ชำระหนี้แล้วหรือยังศาลจะต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีตลอดจนค่าฤชาธรรมเนียมด้วยจะไม่วินิจฉัยให้ใครแพ้ใครชนะในประเด็นโดยเพียงแต่สั่งให้โจทก์รับเงินไปเท่านั้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 442/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องผิดวันที่กระทำผิดในคดีอาญา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าบันทึกคำฟ้องไม่ใช่คำฟ้องตามกฎหมาย
คดีที่ผู้ว่าคดีฟ้องจำเลยด้วยวาจาต่อศาลแขวงและจำเลยรับสารภาพ ศาลได้บันทึกคำฟ้อง คำรับสารภาพ และทำคำพิพากษาไว้ในบันทึกฉบับเดียวกันตามมาตรา 20 แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ บันทึกของศาลนี้ไม่เป็นคำฟ้อง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
ตามบันทึกหลักฐานการฟ้องด้วยวาจาที่โจทก์ส่งศาลปรากฏว่าจำเลยกระทำผิดระหว่างวันที่ 25 ถึง 30 กรกฎาคม 2503 แต่ศาลได้บันทึกว่า จำเลยกระทำผิดเมื่อระหว่างวันที่ 25 ถึง 30 กันยายน 2503 เป็นเรื่องผิดพลาดที่ศาลอาจพลั้งเผลอ ซึ่งไม่เป็นเหตุที่จะหยิบยกขึ้นอ้างว่า โจทก์ฟ้องผิดจากวันที่เป็นจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 326-327/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจควบคุมผู้ต้องหาในคดีคอมมิวนิสต์: ประกาศ คปค.ฉบับที่ 12 ต้องเป็นไปตามหลัก 'จำเป็น' ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 12 ให้อำนาจควบคุมผู้ต้องหาในกรณีกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ฯ ได้เท่าที่จำเป็นแก่การสอบสวนเท่านั้น ไม่ใช่ให้ควบคุมโดยไม่มีกำหนด
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 วางหลักเป็นประกันเสรีภาพของประชาชนไว้ 2 ตอน ตอนต้นว่า จะควบคุมตัวผู้ต้องหาเกินกว่าจำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่ได้ ตอนที่สองว่า ความจำเป็นดังกล่าวจะจำเป็นเพียงใดก็ตาม ก็จะควบคุมเกินกว่ากำหนดเวลาดังบัญญัติไว้ไม่ได้
ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 12 เป็นการแก้ไขและขยายระยะเวลาคั่นสูงดังกำหนดไว้ในมาตรา 87 ไม่ได้ยกเลิกหลักใหญ่ของมาตรานี้ที่ให้ ควบคุมผู้ต้องหาได้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2505)
of 29