พบผลลัพธ์ทั้งหมด 286 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ห้องเช่าเพื่ออยู่อาศัยและการปรับปรุงทรัพย์สินเช่า โดยไม่ถือว่าเป็นการใช้ผิดประเพณี หรือไม่สงวนทรัพย์สิน
จำเลยเช่าห้องของโจทก์ แล้วเช่าที่ดินของโจทก์ที่ต่อห้องออกไปและปลูกเป็นห้องส้วมห้องน้ำ และเจาะฝาห้องน้ำเป็นช่องให้อากาศและแสงสว่างเข้า เป็นการกระทำสำหรับการอยู่อาศัยนั่นเอง เป็นการใช้ห้องเช่าตามประเพณีนิยมปกติ และฝาห้องน้ำที่เจาะนี้เป็นของจำเลยทำขึ้นไม่ใช่ทรัพย์สินที่เช่า เมื่อไม่ต้องการใช้จะรื้อเสียก็ได้ หาใช่ไม่สงวนทรัพย์ที่เช่าไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินด้วยเจตนาเป็นเจ้าของและการได้กรรมสิทธิ์โดยอายุความ แม้มีการรับมรดกตามพินัยกรรม
ฟ้องของโจทก์ได้อ้างการครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นหลักแห่งข้อหาและอ้างมูลเหตุที่โจทก์เข้าครอบครองว่าเป็นมรดกของมารดา แต่เหตุที่ทำให้ได้มาซึ่งที่ดินนั้นโจทก์ยกเอาการครอบครองเป็นส่วนสัดด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นหลัก ดังนี้ แม้โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าเคยไปรับมรดกมารดาตามพินัยกรรมกันแล้วก็ตาม ก็เป็นเรื่องรับมรดก ส่วนโจทก์ครอบครองเป็นเจ้าของเกิน 10 ปี ก็เป็นเหตุให้ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ศาลชั้นต้นตัดมิให้โจทก์นำสืบในข้อนี้แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์อาศัยสิทธิจำเลย ย่อมไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งสิทธิครอบครองที่ดินไม่เป็นความเท็จ แต่เป็นการแจ้งเท็จ ไม่เข้าข่ายปลอมแปลงเอกสาร
ฟ้องว่าจำเลยปลอมหนังสือแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ได้ความว่า เอกสารแจ้งการครอบครองนั้น จำเลยนำยื่นเอง ลงชื่อจำเลยเอง ระบุว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครอง เป็นเอกสารของจำเลยอันแท้จริง ส่วนข้อความที่แจ้งจะถูกต้องหรือไม่ เป็นแต่เรื่องแจ้งเท็จ มิใช่ปลอมหนังสือของใคร หรือตั้งใจให้เป็นหนังสือของคนอื่นหาเป็นการปลอมหนังสือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งเท็จในเอกสารส.ค.1 ไม่ถือเป็นการปลอมแปลงเอกสาร หากเอกสารนั้นเป็นของจำเลยและลงชื่อจำเลยเอง
ฟ้องว่าจำเลยปลอมหนังสือแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1)ได้ความว่าเอกสารแจ้งการครอบครองนั้น จำเลยนำยื่นเองลงชื่อจำเลยเอง ระบุว่าจำเลยเป็นผู้ครอบครอง เป็นเอกสารของจำเลยอันแท้จริง ส่วนข้อความที่แจ้งจะถูกต้องหรือไม่เป็นแต่เรื่องแจ้งเท็จ มิใช่ปลอมหนังสือของใคร หรือตั้งใจให้เป็นหนังสือของคนอื่น หาเป็นการปลอมหนังสือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายทรัพย์สินในที่ดินที่อพยพย้ายออกไปแล้ว ถือเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ แม้เจ้าของจะรื้อถอนไปบ้าง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา
ทำลายทรัพย์ของผู้อื่นซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่ผู้นั้นอพยพย้ายออกไปจากที่ดินนั้นแล้ว ไม่ว่าที่ดินนั้นจะเป็นที่สาธารณหรือของบุคคลใดก็ดี หากบุคคลนั้นยังหวงแหนว่าทรัพย์นั้นเป็นของตนอยู่ก็ถือว่า มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้เสียหายถึงขนาดหรือทำโดยแกล้ง
ทำลายทรัพย์ของผู้อื่นซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่ผู้นั้นอพยพย้ายออกไปจากที่ดินนั้นแล้ว ไม่ว่าที่ดินนั้นจะเป็นที่สาธารณหรือของบุคคลใดก็ดี หากบุคคลนั้นยังหวงแหนว่าทรัพย์นั้นเป็นของตนอยู่ก็ถือว่า มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้เสียหายถึงขนาดหรือทำโดยแกล้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายทรัพย์สินในที่ดินที่อพยพย้ายออกไปแล้ว ถือเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ แม้จะไม่ได้ทำลายแกล้ง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกา
ทำลายทรัพย์ของผู้อื่นซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่ผู้นั้นอพยพย้ายออกไปจากที่ดินนั้นแล้ว ไม่ว่าที่ดินนั้นจะเป็นที่สาธารณะหรือของบุคคลใดก็ดี หากบุคคลนั้นยังหวงแหนว่าทรัพย์นั้นเป็นของตนอยู่ก็ถือว่า มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้เสียหายถึงขนาดหรือทำโดยแกล้ง
ทำลายทรัพย์ของผู้อื่นซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่ผู้นั้นอพยพย้ายออกไปจากที่ดินนั้นแล้ว ไม่ว่าที่ดินนั้นจะเป็นที่สาธารณะหรือของบุคคลใดก็ดี หากบุคคลนั้นยังหวงแหนว่าทรัพย์นั้นเป็นของตนอยู่ก็ถือว่า มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้เสียหายถึงขนาดหรือทำโดยแกล้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีอาญา: ใช้กฎหมายที่ใช้ ณ เวลาทำผิด และมาตรา 80 อยู่ในบังคับมาตรา 78
ถ้าอายุความฟ้องคดีอาญาขณะกระทำผิดแตกต่างกับขณะฟ้องต้องใช้อายุความที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดบังคับ
ความผิดอันยอมความได้ ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้นจะขาดอายุความ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 80 แต่ก็ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 เพราะอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้องคดี
ความผิดอันยอมความได้ ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้นจะขาดอายุความ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 80 แต่ก็ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 เพราะอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้องคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีอาญา: ใช้กฎหมายที่ใช้ขณะกระทำผิด และอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้อง
ถ้าอายุความฟ้องคดีอาญาขณะกระทำผิดแตกต่างกับขณะฟ้อง ต้องใช้อายุความที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดบังคับ
ความผิดอันยอมความได้ ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้น ขาดอายุความตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 80 แต่ก็ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฏหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 เพราะอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้องคดี
ความผิดอันยอมความได้ ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้น ขาดอายุความตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 80 แต่ก็ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฏหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 เพราะอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้องคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจกรรมการหลังเลิกบริษัท: กรรมการไม่มีอำนาจฟ้องฎีกาแทนบริษัทหลังแต่งตั้งผู้ชำระบัญชี
เมื่อบริษัทได้จดทะเบียนเลิกบริษัท และตั้งผู้อื่นเป็นผู้ชำระบัญชีแล้ว อำนาจของกรรมการบริษัทย่อมหมดไป กรรมการของบริษัท 2 นาย ซึ่งมิใช่ผู้ชำระบัญชีจึงไม่มีอำนาจลงชื่อในฟ้องฎีกาแทนบริษัทที่ได้เลิกไปก่อนวันยื่นฎีกานั้นได้ และผู้ชำระบัญชีจะให้สัตยาบันแก่ฎีกานั้นภายหลังที่พ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาแล้วไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1071/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องฎีกาของกรรมการบริษัทหลังเลิกบริษัท: ผู้ชำระบัญชีเท่านั้นที่มีอำนาจ และต้องดำเนินการภายในกำหนดเวลา
เมื่อบริษัทได้จดทะเบียนเลิกบริษัทและตั้งผู้อื่นเป็นผู้ขำระบัญชีแล้ว อำนาจของกรรมการบริษัทย่อมหมดไป กรรมการของบริษัท 2 นายซึ่งมิใช่ผู้ชำระบัญชีจึงไม่มีอำนาจลงชื่อในฟ้องฎีกาแทนบริษัทจำเลยที่ได้เลิกไปก่อนวันยื่นฎีกานั้นได้และผู้ชำระบัญชีจะให้สัตยาบันแก่ฎีกานั้นภายหลังที่พ้นกำหนดระยะเวลาฎีกาแล้วไม่ได้ ตามนัยแห่งฎีกาที่ 425/2503
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 26-27/2504
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 26-27/2504