พบผลลัพธ์ทั้งหมด 286 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความกับการบังคับคดี: การฟ้องร้องตามสัญญา แม้มีคดีก่อน
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ (คือจำเลยในคดีก่อน)ชำระเงิน 3 ล้านบาทเศษแก่จำเลย (คือโจทก์ในคดีก่อน) คดีอยู่ในระหว่าง อุทธรณ์ โจทก์ จำเลย ทำสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นหนังสือกันนอกศาลว่าจำเลยยอมรับเงินจากโจทก์เพียง 7 แสนบาท แทนการเรียกให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา และได้รับเงิน 7 แสนบาทไปแล้ว ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ไม่มีฝ่ายใดฎีกาจำเลย (ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อน)จะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่
ในกรณีข้างต้น เมื่อโจทก์ในคดีก่อนขอให้ศาลออกคำบังคับคดีตามคำพิพากษา และจำเลยในคดีก่อนอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านการที่ศาลชั้นต้นออกคำบังคับโดยอ้างสัญญาประนีประนอมดังกล่าวก็ดี จำเลยในคดีก่อนก็มีสิทธิมายื่นฟ้องโจทก์ในคดีก่อนขอให้บังคับโจทก์ในคดีก่อนปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวอีกได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะคดีก่อนเป็นการโต้เถียงกันชั้นบังคับคดี คดีใหม่เป็นเรื่องฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
ในกรณีข้างต้น เมื่อโจทก์ในคดีก่อนขอให้ศาลออกคำบังคับคดีตามคำพิพากษา และจำเลยในคดีก่อนอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านการที่ศาลชั้นต้นออกคำบังคับโดยอ้างสัญญาประนีประนอมดังกล่าวก็ดี จำเลยในคดีก่อนก็มีสิทธิมายื่นฟ้องโจทก์ในคดีก่อนขอให้บังคับโจทก์ในคดีก่อนปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวอีกได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะคดีก่อนเป็นการโต้เถียงกันชั้นบังคับคดี คดีใหม่เป็นเรื่องฟ้องตามสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความกับการบังคับคดี: สัญญาผ่อนปรนสิทธิ ไม่เปลี่ยนแปลงคำพิพากษา ไม่ฟ้องซ้ำ
คดีก่อนศาลชั้นต้นตัดสินให้โจทก์ (คือจำเลยในคดีก่อน) ชำระเงิน 3 ล้านบาทเศษแก่จำเลย (คือโจทก์ในคดีก่อน) คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นหนังสือกันนอกศาลว่า จำเลยยอมรับเงินจากโจทก์เพียง 7 แสนบาทแทนการเรียกให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา และได้รับเงิน 7 แสนบาทไปแล้ว ต่อมาคดีนั้นศาลอุทธรณ์พิพาษายืน ไม่มีฝ่ายใดฎีกา จำเลย (ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีก่อน) จะขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษานั้นหาได้ไม่
ในกรณีข้างต้น เมื่อโจทก์ในคดีก่อนขอให้ศาลออกคำบังคับคดีตามคำพิพากษาและจำเลยในคดีก่อนอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านการที่ศาลชั้นต้นออกคำบังคับโดยไม่ยอมรับฟังสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำกันนอกศาลนั้น แล้วจำเลยในคดีก่อนมายื่นฟ้องโจทก์ในคดีก่อนขอให้บังคับโจทก์ในดคีก่อนปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวนั้นได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ในกรณีข้างต้น เมื่อโจทก์ในคดีก่อนขอให้ศาลออกคำบังคับคดีตามคำพิพากษาและจำเลยในคดีก่อนอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านการที่ศาลชั้นต้นออกคำบังคับโดยไม่ยอมรับฟังสัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำกันนอกศาลนั้น แล้วจำเลยในคดีก่อนมายื่นฟ้องโจทก์ในคดีก่อนขอให้บังคับโจทก์ในดคีก่อนปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวนั้นได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเพียงพอของฟ้องอาญาที่ระบุความร่วมมือของจำเลย แม้ไม่ได้กล่าวถึงชื่อจำเลยในทุกข้อหา
บรรยายฟ้อง 5 ข้อ ว่าด้วยการสมคบกันปลอมหนังสือและฉ้อโกงทรัพย์ แม้ในฟ้องข้อ 2-3-4 จะไม่ได้ระบุถึงชื่อของจำเลยที่ 3 ด้วยเลย แต่ในฟ้องข้อ 1 กับข้อ 5 ได้ระบุไว้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ร่วมสมคบในการนั้นด้วย โดยได้ร่วมมือและแบ่งแยกหน้าที่กันทำ มีการคบคิดกันมาแต่ต้น แล้วได้กระทำด้วยความร่วมมือเกี่ยวโยงกันแต่ต้นจนสำเร็จ ฟ้องดังนี้ได้แสดงรายละเอียดพอให้จำเลยที่ 3 เข้าใจข้อหาทั้งหมดนั้นได้ดีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1667/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเพียงพอของฟ้องอาญา: การระบุบทบาทของผู้ต้องหาในความร่วมมือกระทำผิด
บรรยายฟ้อง 5 ข้อ ว่าด้วยการสมคบปลอมหนังสือและฉ้อโกงทรัพย์ แม้ในฟ้องข้อ 2 - 3 - 4 จะไม่ได้ ระบุถึงชื่อของจำเลยที่ 3 ด้วยเลยแต่ในฟ้องข้อ 1 กับข้อ 5 ได้ระบุไว้ว่า จำเลยที่ 3 ได้ร่วมสมคบในการนั้นด้วย โดยได้ร่วมสมคบในการนั้นด้วย โดยได้ร่วมมือและแบ่งแยกหน้าที่กันทำ มีการคบคิดกันมาแต่ต้น แล้วได้กระทำด้วยความร่วมมือเกี่ยวโยงกันแต่ต้นจนสำเร็จ ฟ้องดังนี้ได้แสดงรายละเอียดพอให้จำเลยที่ 3 เข้าใจข้อหาทั้งหมดนั้นได้ดีแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการรับชำระหนี้จากเงินบังคับคดี: การเฉลี่ยสิทธิระหว่างเจ้าหนี้หลายราย
ผู้ร้องขอเฉลี่ยได้แถลงขอถอนคำร้องไป โดยจะขอรับเงินส่วนที่เหลือจากชำระแก่เจ้าหนี้ผู้บังคับคดี ศาลสั่งอนุญาต ดังนี้ ไม่ได้หมายความว่า อนุญาติให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับแต่เพียงคนเดียว เมื่อมีผู้อื่นมีสิทธิจะได้รับอีก ก็จะต้องเฉลี่ยกันตามส่วน
ผู้ร้องขอเฉลี่ยที่ทอดทิ้งคดีจนศาลสั่งยกคำร้องขอเฉลี่ยไปแล้วนั้น มีสิทธิที่จะขอรับชำระหนี้จากเงินที่เหลือกจากการบังคับคดีของเจ้าหนี้ผู้บังคับคดีได้
ผู้ร้องขอเฉลี่ยที่ทอดทิ้งคดีจนศาลสั่งยกคำร้องขอเฉลี่ยไปแล้วนั้น มีสิทธิที่จะขอรับชำระหนี้จากเงินที่เหลือกจากการบังคับคดีของเจ้าหนี้ผู้บังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1555/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการได้รับเงินจากการบังคับคดี: การเฉลี่ยหนี้และการรับชำระหนี้หลังคำร้องขอเฉลี่ยถูกยก
ผู้ร้องขอเฉลี่ยได้แถลงขอถอนคำร้องไป โดยจะขอรับเงินส่วนที่เหลือจากชำระแก่เจ้าหนี้ผู้บังคับคดี ศาลสั่งอนุญาต ดังนี้ไม่ได้หมายความว่าอนุญาตให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับแต่เพียงคนเดียว เมื่อมีผู้อื่นมีสิทธิจะได้รับอีก ก็จะต้องเฉลี่ยกันตามส่วน
ผู้ร้องขอเฉลี่ยที่ทอดทิ้งคดีจนศาลสั่งยกคำร้องขอเฉลี่ยไปแล้วนั้น มีสิทธิที่จะขอรับชำระหนี้จากเงินที่เหลือจากการบังคับคดีของเจ้าหนี้ผู้บังคับคดีได้
ผู้ร้องขอเฉลี่ยที่ทอดทิ้งคดีจนศาลสั่งยกคำร้องขอเฉลี่ยไปแล้วนั้น มีสิทธิที่จะขอรับชำระหนี้จากเงินที่เหลือจากการบังคับคดีของเจ้าหนี้ผู้บังคับคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายเรือน (อสังหาริมทรัพย์) ต้องทำตามฟอร์มและจดทะเบียน หากเปลี่ยนข้ออ้างระหว่างดำเนินคดี ถือเป็นการนอกประเด็น
ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ได้ซื้อเรือนที่โจทก์นำยึดโดยทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานแล้ว ขอให้ถอนการยึด แต่จะขอสืบพยานว่า ขัดข้องในการจดทะเบียน เพราะเจ้าของที่ดินไม่ยอม จึงได้จัดการที่จะรื้อถอนไป ซึ่งเป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพียงแต่ทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือก็ใช้ได้เช่นนี้ หาได้ไม่ เพราะเป็นการขอสืบพยานผิดไปจากที่ตั้งประเด็นวิวาทไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1394/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้ออ้างเรื่องสถานะทางกฎหมายของเรือน (อสังหาริมทรัพย์/สังหาริมทรัพย์) และขอบเขตการสืบพยานที่ต้องเป็นไปตามประเด็นที่ตั้งไว้
ผู้ร้องขัดทรัพย์ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ได้ซื้อเรือนที่โจทก์นำยึดโดยทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานแล้ว ขอให้ถอนการยึด แต่จะขอสืบพยานว่าขัดข้องในการจดทะเบียน เพราะเจ้าของที่ดินไม่ยอม จึงได้จัดการที่จะรื้อถอนไปซึ่งเป็นการซื้อสังหาริมทรัพย์เพียงแต่ทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือก็ใช้ได้เช่นนี้ หาได้ไม่ เพราะเป็นการขอสืบพยานผิดไปจากที่ตั้งประเด็นวิวาทไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินที่ปู่ซื้อให้หลาน ไม่ถือเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
ที่ดินและบ้านที่ปู่ซื้อให้แก่หลาน(บุตรของลูกหนี้ตามคำพิพากษา) ย่อมเป็นทรัพย์ของหลานนั้นและไม่เป็นทรัพย์สินที่เป็นของบุตรผู้เยาว์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งตามกฎหมายอาจถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือที่อาจบังคับเอาชำระหนี้นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1317/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ปู่ซื้อให้หลาน: ไม่เป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
ที่ดินและบ้านที่ปู่ซื้อให้หลาน (บุตรของลูกหนี้ตามคำพิพากษา) ย่อมเป็นทรัพย์ของหลานนั้น และไม่เป็นทรัพย์สินที่เป็นของบุตรผู้เยาว์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งตามกฎหมายอาจถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือที่อาจะบังคับเอาชำระหนี้นั้นได้