คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สารกิจปรีชา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 286 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถของกลางที่ถูกยึดและการซื้อขายโดยสุจริต ผู้ซื้อย่อมได้กรรมสิทธิ์
รถยนต์ของกลางของจำเลยในคดีความผิดฐานรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร และใช้รถยนต์วิ่งบนทางหลวงที่ยังมิได้เปิดเป็นถนนสาธารณโดยไม่รับอนุญาต ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ยึดไว้และได้มอบให้บุคคลอื่นรักษาไว้ในระหว่างคดี หากจำเลยได้เอารถคันนั้นไปโอนขายให้บุคคลภายนอก และบุคคลภายนอกได้รับซื้อไว้โดยสุจริต โดยไม่รู้ว่าเป็นรถที่ถูกยึดไว้เป็นของกลางในคดี บุคคลภายนอกผู้นั้นย่อมได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้น ต่อมาภายหลังเมื่อคดีถึงศาลและศาลได้พิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลาง บุคคลภายนอกผู้นั้นย่อมร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางที่ศาลพิพากษาให้ริบนั้นได้ รูปคดีเช่นนี้จะปรับด้วยบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 24 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2497 มาตรา 3 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในรถของกลาง ผู้ซื้อโดยสุจริตได้รับกรรมสิทธิ์ แม้รถยังถูกยึดเป็นของกลางอยู่
รถยนต์ของกลางของจำเลยในคดีความผิดฐานรับของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร และใช้รถยนต์วิ่งบนทางหลวงที่ยังมิได้เปิดเป็นถนนสาธารณโดยไม่รับอนุญาตซึ่งพนักงานสอบสวนได้ยึดไว้และได้มอบให้บุคคลอื่นรักษาไว้ในระหว่างคดี หากจำเลยได้เอารถคันนั้นไปโอนขายให้บุคคลภายนอก และบุคคลภายนอกได้รับซื้อไว้โดยสุจริตโดยไม่รู้ว่าเป็นรถที่ถูกยึดไว้เป็นของกลางในคดีบุคคลภายนอกผู้นั้นย่อมได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนั้นต่อมาภายหลังเมื่อคดีถึงศาล และศาลได้พิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลาง บุคคลภายนอกผู้นั้นย่อมร้องขอให้ศาลสั่งคืนรถยนต์ของกลางที่ศาลพิพากษาให้ริบนั้นได้รูปคดีเช่นนี้จะปรับด้วยบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ.2469 มาตรา 24 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2497 มาตรา 3 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 และการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อจดทะเบียน
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลว่าที่ดินโฉนดที่ 259มีชื่อผู้ร้องนายทองสามีผู้ร้องและนางชดเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน เมื่อ20 ปีเศษมานี้นางชดได้สละกรรมสิทธิ์ส่วนของตนโดยอพยพไปอยู่จังหวัดสระบุรี และมิได้กลับเข้ามาครอบครองที่ดินแปลงนี้อีก และวันที่ 20 ตุลาคม 2493 นางทองสามีผู้ร้องถึงแก่กรรมผู้ร้องจึงได้ครอบครองที่แปลงนี้ทั้งหมดแต่ผู้เดียวโดยสงบเปิดเผยโดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนของนางชดและส่วนของนายทองสามีผู้ร้อง. จึงขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินส่วนของนางชดและของนายทองเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง คำร้องขอเช่นว่านี้เป็นการอ้างว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินด้วยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ซึ่งผู้ร้องย่อมมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเพื่อให้ศาลไต่สวนแสดงว่าตนมีกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 78และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 188(1) ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อจดทะเบียนกรรมสิทธิ์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลว่าที่ดินโฉนดที่ 259 มีชื่อผู้ร้อง นายทองสามีผู้ร้องและนางชด เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน เมื่อ 20 ปีเศษมานี้ นางชดได้สละกรรมสิทธิ์ส่วนของตนโดยอพยพไปอยู่จังหวัดสระบุรีและมิได้กลับเข้าครอบครองที่ดินแปลงนี้อีก และวันที่ 20 ตุลาคม 2493 นายทองสามีผู้ร้องถึงแก่กรรม ผู้ร้องจึงได้ครอบครองที่แปลงนี้ทั้งหมดแต่ผู้เดียวโดยสงบเปิดเผยโดยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนของนางชดและส่วนของนายทองสามีผู้ร้อง จึงขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินส่วนของนางชดและของนายทองเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง คำร้องขอเช่นว่านี้เป็นการอ้างว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ที่ดินด้วยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1382 ซึ่งผู้ร้องมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเพื่อให้ศาลไต่สวนแสดงว่าตนมีกรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 78 และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 188 (1) ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่ตามคำสั่งศาล ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน/อาญา
เจ้าพนักงานที่ดินผู้ไปทำแผนที่พิพาทตามคำสั่งศาลในคดีแพ่ง ไม่ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 67 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพราะมิได้เป็นผู้ปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายที่ดินตามความในมาตรา 1 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และไม่ใช่เจ้าพนักงานของศาลหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจปฏิบัติการตามหน้าที่เพื่อเป็นหลักฐานในการยึดอายัดหรือรักษาสิ่งใด ๆ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 141

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานที่ดินทำแผนที่ตามคำสั่งศาล ไม่ถือเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่ดินและอาญา
เจ้าพนักงานที่ดินผู้ไปทำแผนที่พิพาทตามคำสั่งศาลในคดีแพ่ง ไม่ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 67 แพ่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพราะมิได้เป็นผู้ปฏิบัติการตามประมวลกฎหมายที่ดิน ตามความหมายในมาตรา 1 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และไม่ใช่เจ้าพนักงานของศาล หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจปฏิบัติการตามหน้าที่ เพื่อเป็นหลักฐานในการยึดอายัดหรือรักษาสิ่งใดๆ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 141

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระบัญชีหุ้นส่วนเลิก: สิทธิฟ้องศาลแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีเมื่อตกลงกันเองไม่ได้
การชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061 จะตกลงกันให้ผู้เป็นหุ้นส่วนทั้งหมดด้วยกันเป็นผู้ชำระบัญชีก็ได้ หรือจะตกลงกันให้แต่งตั้งบุคคลใดอื่นเป็นผู้ชำระบัญชีก็ได้ ในการตกลงกันแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากของผู้เป็นหุ้นส่วน ในกรณีที่ไม่อาจตกลงกันอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าว ก็ชอบที่จะต้องนำคดีมาสู่ศาลขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีต่อไป อันเป็นการใช้สิทธิทางศาล ไม่ใช่ว่าจะต้องร่วมกันจัดตั้งผู้ชำระบัญชีโดยคะแนนเสียงข้างมากเสมอไป
ที่กฎหมายระบุไว้ให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากนั้น มีความหมายเพียงว่า ในกรณีที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงให้มีการแต่งตั้งผู้ชำระบัญชีกันเองได้ ก็ให้วินิจฉัยชี้ขาดโดยคะแนนเสียงข้างมากเท่นั้น ซึ่งถ้าไม่ตกลงหรือตกลงกันไม่ได้ที่จะให้มีการแต่งตั้งโดยคะแนนเสียงข้างมาก ก็ชอบที่จะมาขอให้ศาลแต่งตั้งได้
ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้ศาลตั้ง ล. เป็นผู้ชำระบัญชี จำเลยให้การว่าโจทก์จะตรงมาฟ้องศาลขอให้ตั้งผู้ชำระบัญชีไม่ได้ และหากศาลเห็นสมควรตั้งผู้ชำระบัญชีก็ควรตั้งคนกลางที่เหมาะสมเช่นหัวหน้ากองหมาย ฯลฯ เป็นต้น เมื่อศาลตั้งหัวหน้ากองหมาย ซึ่งโจทก์ก็แสดงว่าพอใจแล้ว จำเลยจะว่าไม่สมควรหรือพิพากษาเกินคำขอของโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สนับสนุนการปลอมเหรียญกษาปณ์: ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนและมีเครื่องมือปลอมแปลง
บุคคลอื่นนำเครื่องมือปลอมเหรียญกษาปณ์ไปทำปลอมเหรียญกษาปณ์ที่บ้านจำเลย เพื่อให้จำเลยดูความสามารถนั้น จำเลยไม่ใช่ตัวการในการทำปลอม เพราะมิได้ร่วมในการทดลองทำด้วย แต่การที่จำเลยยอมให้ใช้สถานที่ ภาชนะเตาไฟของตนนั้นเป็นการให้ความสะดวกในการทำปลอมเหรียญกษาปณ์ จึงมีผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
บุคคลอื่นนำเครื่องมือไปทำเหรียญกษาปณ์ปลอมที่บ้านจำเลย แต่ไม่เหมือนของจริงจึงฝากเครื่องมือไว้ วันรุ่งขึ้นจะมาทำลองทำให้ดูใหม่อีกเช่นนี้ ได้ชื่อว่าจำเลยมีเครื่องมือไว้เพื่อใช้ในการปลอมเหรียญกษาปณ์แล้ว ส่วนเปรียญกษาปณ์ที่จำเลยรับฝากไว้นั้นไม่เหมือนของจริง บุคคลอื่นจะมาทำให้ดูอีก จึงเป็นการรับไว้มิใช่เพื่อนำออกใช้
จำเลยสนับสนุนให้บุคคลอื่นทำปลอมเหรียญกษาปณ์และมีเครื่องมืออันเกี่ยวกับการทำปลอมเหรียญกษาปณ์นั้นไว้ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246, 240, 86 นั้น ให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 240, 86 กระทงเดียวตามมาตรา 248
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 15/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1969/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สนับสนุนการปลอมเหรียญกษาปณ์: ผู้ให้ความสะดวกสถานที่และเครื่องมือ มีความผิดฐานผู้สนับสนุน
บุคคลอื่นนำเครื่องมือปลอมเหรียญกษาปณ์ไปทำปลอมเหรียญกษาปณ์ที่บ้านจำเลยเพื่อให้จำเลยดูความสามารถนั้น จำเลยไม่ใช่ตัวการในการทำปลอม เพราะมิได้ร่วมในการทดลองทำด้วย แต่การที่จำเลยยอมให้ใช้สถานที่ ภาชนะเตาไฟของตนนั้นเป็นการให้ความสะดวกในการทำปลอมเหรียญกษาปณ์ จึงมีผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
บุคคลอื่นนำเครื่องมือไปทำเหรียญกษาปณ์ปลอมที่บ้านจำเลยมาทดลองทำให้ดูใหม่อีกเช่นนี้ ได้ชื่อว่าจำเลยมีเครื่องมือไว้เพื่อใช้ในการปลอมเหรียญกษาปณ์แล้ว ส่วนเหรียญกษาปณ์ที่จำเลยรับฝากไว้นั้นไม่เหมือนของจริงบุคคลอื่นจะมาทำให้ดูอีก จึงเป็นการรับไว้มิใช่เพื่อนำออกใช้
จำเลยสนับสนุนให้บุคคลอื่นทำปลอมเหรียญกษาปณ์และมีเครื่องมืออันเกี่ยวกับการทำปลอมเหรียญกษาปณ์นั้นไว้ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246,240,86นั้นให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 240,86 กระทงเดียวตามมาตรา 248 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีและการมีเหตุอันสมควร
นัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกซึ่งโจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อนทนายโจทก์ขอถอนตัว โจทก์ขอเลื่อน ศาลอนุญาต ก่อนวันนัดครั้งที่สอง ผู้ซึ่งต่อมาโจทก์ตั้งเป็นทนายโทรเลขขอเลื่อน อ้างว่าติดว่าความที่ศาลอื่น ครั้นถึงวันนัดตัวโจทก์มาศาลและแถลงขอเลื่อนด้วยตนเอง อ้างเหตุดังกล่าวอีก ดังนี้ รูปคดีมีเหตุอันสมควรจะให้โจทก์เลื่อนคดีได้
of 29