คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 ม. 78

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 89 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3974/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ
จำเลยมีอาวุธปืนพกขนาด .223 ไม่มีหมายเลขทะเบียนพร้อมด้วยกระสุนปืนเล็กกล ขนาด .223 แม้กระสุนปืนดังกล่าวเป็นเครื่องกระสุนปืนประเภท ขนาด และชนิดซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ แต่เมื่ออาวุธปืนกับเครื่องกระสุนปืนนั้นใช้ร่วมกันได้ จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3198/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืน: จำเลยไม่มีกรรมสิทธิ์หรือครอบครอง แม้ตรวจพบในรถและบ้าน
คำว่า มีอาวุธปืนตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 4(6) หมายความว่า มีกรรมสิทธิ์หรือมีไว้ในครอบครอง คำว่า ครอบครองมีความหมายตามกฎหมายทั่วไป ดังนั้น การตรวจค้นพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนในรถยนต์และบ้านของจำเลยไม่ได้หมายความว่า จำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง ได้ความว่า จำเลยได้ให้ น. เพื่อนของจำเลยอยู่อาศัยและจำเลยมอบรถยนต์คันดังกล่าวไว้ให้รับส่งบุตรของจำเลย น.มีอาชีพรับซ่อมอาวุธปืน ดังนั้นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางจึงอาจจะเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ น. รับไว้เพื่อซ่อมก็เป็นได้ พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังไม่พอฟังว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าร่วมกัน, ครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย, ความผิดฐานพาอาวุธปืน, การรับฟังคำให้การที่ขัดแย้ง
เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองกับพวก ทั้งก่อนยิงผู้ตายและหลังยิงผู้ตาย ประกอบกับข้อนำสืบของโจทก์ที่ว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยทั้งสองกับพวกได้เรียกค่าคุ้มครองการทำไม้จากผู้ตายแต่ผู้ตายไม่ยอมให้ เชื่อ ว่าจำเลยทั้งสองกับพวกได้มีการสมคบกันที่จะฆ่าผู้ตาย และอีกประการหนึ่งถ้า หากจำเลยทั้งสองไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นเป็นใจในการที่พวกของจำเลยยิงผู้ตายจริงแล้ว เมื่อจำเลยทั้งสองเห็นพวกของตนใช้อาวุธปืนของกลางซึ่งทางราชการมอบให้จำเลยที่ 1 ไว้ใช้ยิงผู้ตายเช่นนั้น จำเลยทั้งสองก็น่าจะรีบแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเฉพาะจำเลยที่ 1 เป็นสมาชิกอาสาสมัครรักษาดินแดน และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิด ก็ยิ่ง จะต้องแจ้งเหตุต่อพนักงานสอบสวนโดยเร็วแต่จำเลยที่ 1 ก็มิได้แจ้งเหตุแต่กลับนำอาวุธปืนที่ใช้ยิงผู้ตายไปทำความสะอาดลำกล้องเพื่อทำลายพยานหลักฐานเช่นนี้จึงเชื่อ ว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาร่วมกับพวกของจำเลยฆ่าผู้ตายจริงตามโจทก์ฟ้อง แม้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางจะเป็นของทางราชการที่มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้ใช้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ ซึ่งเป็นผลให้จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในความครอบครองก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 2 ได้สมคบกับจำเลยที่ 1 และพวกของจำเลยนำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไปฆ่าผู้ตาย ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 2ได้ร่วมครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวด้วยอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่ นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ เมื่อจำเลยที่ 2 มีไว้ในความครอบครองโดยไม่มีสิทธิที่จะครอบครองได้ตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 ก็ย่อมมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครอง จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 มิได้ร่วมกับพวกและจำเลยที่ 1 ฆ่าผู้ตาย การที่จำเลยที่ 2 ร่วมเดินทางไปกับจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้ครอบครองอาวุธปืนดังกล่าวและเป็นผู้มีสิทธิที่จะพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะได้เช่นนี้จำเลยที่ 2 ย่อมไม่มีความผิดฐานพาอาวุธปืนในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะนั้น ความผิดฐานนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปีโดยศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาร่วมกับจำเลยที่ 1และพวกที่จะนำอาวุธดังกล่าวไปฆ่าผู้ตาย จึงถือว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกันพาอาวุธปืนดังกล่าวไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นฎีกาโต้เถียง ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับฟังมา จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าร่วมกัน: การดื่มสุรา, สมคบกัน, และการร่วมกันลงมือกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมดื่มสุรากันที่ร้านค้าแล้วพากันนั่งรถจักรยานยนต์ไปยังที่เกิดเหตุ พบผู้ตายกำลังนั่งจดบัญชีรายการไม้อยู่ จำเลยที่ 1 หยุดรถ พวกของจำเลยลงจากรถใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วทุกคนพากันนั่งรถจักรยานยนต์กลับไปที่ฐานปฏิบัติการอาสาสมัครรักษาดินแดนที่จำเลยที่ 1เป็นสมาชิกอยู่ หลังจากนั้นพากันไปดื่มสุรากันอีก และได้นอนค้างคืนที่บ้านพักของจำเลยที่ 1 ซึ่งอยู่ติดกับฐานปฏิบัติการดังกล่าว เช้าวันรุ่งขึ้นจำเลยที่ 2 กับพวกได้แยกย้ายกันกลับไปพฤติการณ์เช่นนี้ถือได้ว่า จำเลยทั้งสองมีเจตนาร่วมกับพวกฆ่าผู้ตาย อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางเป็นของทางราชการที่มอบให้จำเลยที่ 1 ไว้ใช้ในการปฏิบัติการตามหน้าที่ แม้จำเลยที่ 1จะไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองก็ตามเมื่อจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และพวกครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางซึ่งเป็นอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้นำไปใช้ฆ่าผู้ตาย จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวไว้ในครอบครอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2219/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, พยายามฆ่า, มีอาวุธปืนเถื่อน และพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 140 วรรคสาม กับความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามมาตรา 289(2) ประกอบมาตรา 80เป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนนอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 55,78 วรรคหนึ่ง และต่างกรรมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะ ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง 72 ทวิ วรรคสอง เพราะการกระทำตามความผิดดังกล่าวมีการกระทำที่แยกจากกันเป็นแต่ละฐานความผิดได้ชัดเจน ไม่เกี่ยวเนื่องกัน ความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ เป็นความผิดต่างกรรมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะเพราะความผิดทั้งสองฐานมีเจตนาในการกระทำผิดเป็นคนละอันแตกต่างกันและเป็นความผิดต่างฐานกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3602/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดความรับผิดฐานครอบครองอาวุธปืน: โจทก์ต้องพิสูจน์อาวุธปืนที่จำเลยครอบครองตรงตามฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ครอบครอง อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 55, 78 เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 คงมีแต่เพียงอาวุธปืนลูกซองยาวเท่านั้น ศาลย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 72 ได้ เพราะความผิดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3578/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันมีวัตถุระเบิด: การกระทำเพียงโยนต่อกันไม่ถือเป็นการร่วมกันครอบครอง
ป.นำเอาลูกระเบิดมือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ย่อมแสดงว่าเป็นของที่ ป.นำมาเองอันแสดงถึงความเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว และตามสภาพที่เป็นลูกระเบิดมือลูกเดียวเป็นของมีไว้ผิดกฎหมายต้องซุกซ่อนไว้ การได้มารวมโดยอ้างถึงการใช้ก็ย่อมเป็นเรื่องตัวคนเดียว มีโอกาสที่จะมีร่วมกันได้ยาก เพียงแต่จำเลยได้รับลูกระเบิดมือที ป. โยนไปยังจำเลยแล้วโยนขึ้นฟ้าและโยนกลับไปให้ ป. แม้จะถือว่าเป็นการโยนเล่นด้วยกัน ก็ยังไม่พอถือว่าเป็นการร่วมมีลูกระเบิดมือกับ ป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3578/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันมีวัตถุระเบิด: การกระทำที่มิถึงขั้นร่วมกันครอบครอง
ป. นำเอาลูกระเบิดมือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ย่อมแสดงว่าเป็นของที่ ป. นำมาเองอันแสดงถึงความเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวและตามสภาพที่เป็นลูกระเบิดมือลูกเดียวเป็นของมีไว้ผิดกฎหมายต้องซุกซ่อนไว้ การได้มารวมตลอดถึงการใช้ก็ย่อมเป็นเรื่องตัวคนเดียว มีโอกาสที่จะมีร่วมกันได้ยาก เพียงแต่จำเลยได้รับลูกระเบิดมือที่ ป. โยนไปยังจำเลยแล้วโยนขึ้นฟ้าและโยนกลับไปให้ ป. แม้จะถือว่าเป็นการโยนเล่นด้วยกันก็ยังไม่พอถือว่าเป็นการร่วมมีลูกระเบิดมือกับ ป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2196/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืน: การมอบหมายให้ดูแลไม่ใช่การครอบครองเพื่อประโยชน์ใช้สอย
เจ้าของเหมืองมอบหมายให้จำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานเป็นผู้ดูแลบ้านในขณะที่เจ้าของเหมืองไม่อยู่ ตำรวจค้นพบอาวุธปืนเอช. เค. 33 พร้อมกระสุนปืนในบ้านพักของเจ้าของเหมือง แม้จะได้ความว่าเจ้าของเหมืองได้มอบอาวุธปืน ฯ นั้นให้จำเลยเอาไว้ควบคุมคนงาน แต่จำเลยมิได้ใช้หรือยึดถืออาวุธปืน ฯ นั้นไว้ จึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 55, 78

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2196/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนของหัวหน้าคนงานในบ้านพักเจ้าของเหมือง ไม่ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน หากมิได้ใช้หรือยึดถือไว้
เจ้าของเหมืองมอบหมายให้จำเลยซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานเป็นผู้ดูแลบ้านในขณะที่เจ้าของเหมืองไม่อยู่ ตำรวจค้นพบอาวุธปืนเอช.เค.33 พร้อมกระสุนปืนในบ้านพักของเจ้าของเหมือง แม้จะได้ความว่าเจ้าของเหมืองได้มอบอาวุธปืน ฯ นั้นให้จำเลยเอาไว้ควบคุมคนงาน แต่จำเลยมิได้ใช้หรือยึดถืออาวุธปืน ฯ นั้นไว้จึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 55,78.
of 9