พบผลลัพธ์ทั้งหมด 759 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 710/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแทนทายาทและการห้ามฟ้องซ้ำในคดีจัดการมรดก
การที่ทายาทคนหนึ่งฟ้องผู้จัดการมรดกเกี่ยวกับการจัดการมรดก ถือว่าเป็นการฟ้องแทนทายาทคนอื่น ๆ ด้วย
ทายาทคนหนึ่งฟ้องผู้จัดการมรดกคนก่อนว่าจัดการมรดกไปด้วยความทุจริต ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้ทายาทกองมรดกนั้นเสียหาย ศาลวินิจฉัยว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าผู้จัดการมรดกคนเก่านั้นได้กระทำไปด้วยความไม่สุจริตและประมาทเลินเล่อ การที่ผู้จัดการมรดกได้กระทำไปจึงผูกพันกองมรดก คดีถึงที่สุด ต่อมาผู้จัดการมรดกคนใหม่ซึ่งเข้ามาจัดการมรดกแทนผู้จัดการมรดกคนเก่าที่ถูกศาลพิพากษาเพิกถอน ได้ฟ้องผู้จัดการมรดกคนเก่าในทำนองเดียวกันกับที่ทายาทได้ฟ้องในคดีก่อน และคดีถึงที่สุดแล้วนั้น ถือว่าเป็นการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาฟ้องแทนทายาทอีกเป็นการใช้สิทธิของทายาทซึ่งเป็นตัวการที่ได้ฟ้องไปแล้วนั่นเอง จึงเป็นการฟ้องซ้ำ.
ทายาทคนหนึ่งฟ้องผู้จัดการมรดกคนก่อนว่าจัดการมรดกไปด้วยความทุจริต ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้ทายาทกองมรดกนั้นเสียหาย ศาลวินิจฉัยว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ว่าผู้จัดการมรดกคนเก่านั้นได้กระทำไปด้วยความไม่สุจริตและประมาทเลินเล่อ การที่ผู้จัดการมรดกได้กระทำไปจึงผูกพันกองมรดก คดีถึงที่สุด ต่อมาผู้จัดการมรดกคนใหม่ซึ่งเข้ามาจัดการมรดกแทนผู้จัดการมรดกคนเก่าที่ถูกศาลพิพากษาเพิกถอน ได้ฟ้องผู้จัดการมรดกคนเก่าในทำนองเดียวกันกับที่ทายาทได้ฟ้องในคดีก่อน และคดีถึงที่สุดแล้วนั้น ถือว่าเป็นการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาฟ้องแทนทายาทอีกเป็นการใช้สิทธิของทายาทซึ่งเป็นตัวการที่ได้ฟ้องไปแล้วนั่นเอง จึงเป็นการฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้: นับจากวันโฆษณาในราชกิจจานุเบกษา/หนังสือพิมพ์รายวัน (วันใดหลังสุด)
กำหนดเวลาสองเดือนที่ให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 91 นั้นนับตั้งแต่วันที่ได้โฆษณาในราชกิจจานุเบกษาหรือในวันที่ได้โฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวันแล้วแต่ว่าวันใดเป็นวันที่ได้โฆษณาหลังสุดเพราะกฎหมายให้โฆษณาทั้งสองอย่าง จะนับตั้งแต่วันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดไว้ในวันประกาศมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดเวลาการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย ต้องนับจากวันโฆษณาในราชกิจจานุเบกษาหรือหนังสือพิมพ์รายวัน วันใดถึงหลังสุด
กำหนดเวลาสองเดือนที่ให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 91 นั้น นับตั้งแต่วันที่ได้โฆษณาในราชกิจจานุเบกษาหรือวันที่ได้โฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวัน แล้วแต่ว่าวันใดเป็นวันที่ได้โฆษณาหลังสุด เพราะกฎหมายให้โฆษณาทั้งสองอย่าง จะนับตั้งแต่วันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดไว้ในประกาศมิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินสาธารณะต้องมีพระราชกฤษฎีกาประกาศ การครอบครองทำกินต่อเนื่องเป็นสิทธิเจ้าของ
การที่ทางราชการจะให้อำเภอหรือจังหวัดจัดทำที่ดินสงวนไว้เป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้านหรือตำบลนั้น จะต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตที่ดินซึ่งสงวนไว้เป็นสาธารณะ ทั้งที่นั้นก็ต้องเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า ไม่มีเอกชนเป็นเจ้าของอยู่ และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการหวงห้ามที่พินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,5 การที่ผู้ใหญ่บ้านได้เขียนป้ายนำไปปิดประกาศไว้ว่าเป็นที่สาธารณะ นั้น ไม่ทำให้ที่ดินนั้นกลายสภาพเป็นที่สาธารณะหวงห้ามไปได้ เพราะทางการยังไม่ได้ดำเนินการออกเป็นพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามไว้เพื่อประชาชน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณะต้องมีพระราชกฤษฎีกาประกาศ การครอบครองทำกินต่อเนื่องเป็นสิทธิเจ้าของ
การที่ทางราชการจะให้อำเภอหรือจังหวัดจัดหาที่ดินสงวนไว้เป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้านหรือตำบลนั้นจะต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาประกาศเขตที่ดินซึ่งสงวนไว้เป็นสาธารณะทั้งที่นั้นก็ต้องเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า ไม่มีเอกชนเป็นเจ้าของอยู่และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ.2478 มาตรา 4,5 การที่ผู้ใหญ่บ้านได้เขียนป้ายนำไปปิดประกาศไว้ว่า เป็นที่สาธารณะ นั้นไม่ทำให้ที่ดินนั้นกลายสภาพเป็นที่สาธารณะหวงห้ามไปได้เพราะทางการยังไม่ได้ดำเนินการออกเป็นพระราชกฤษฎีกาหวงห้ามไว้เพื่อประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ต้องอาศัยสิทธิในที่ดิน การวินิจฉัยเกินคำฟ้องเป็นเหตุให้ศาลต้องยกคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินราชพัสดุแปลงหนึ่งจำเลยปลูกบ้านเรือนอยู่ในที่ดินแปลงนี้บางส่วน โดยเช่าจากผู้แทนโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านไม่ใช่ของโจทก์ อยู่นอกเขตที่ดินราชพัสดุของโจทก์จำเลยไม่ได้เช่าจากโจทก์ประเด็นที่จะต้องพิจารณา คือ ที่พิพาทเป็นที่ดินของโจทก์หรือไม่การที่ศาลวินิจฉัยว่า ถึงแม้เป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่านอกเขตที่ดินราชพัสดุ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง เพราะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโจทก์มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของแผ่นดินจึงเป็นการพิพากษาคดีเกินหรือนอกไปจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
แม้จำเลยจะไม่มีสิทธิอยู่ในที่พิพาท ผู้ที่จะฟ้องขับไล่ได้ก็ต้องมีสิทธิหรือมีอำนาจหน้าที่ในที่ดินนั้นและถูกโต้แย้งสิทธิ
แม้จำเลยจะไม่มีสิทธิอยู่ในที่พิพาท ผู้ที่จะฟ้องขับไล่ได้ก็ต้องมีสิทธิหรือมีอำนาจหน้าที่ในที่ดินนั้นและถูกโต้แย้งสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่ต้องอ้างอิงสิทธิในที่ดิน การวินิจฉัยเกินคำฟ้องเป็นเหตุให้คำพิพากษาเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินราชพัสดุแปลงหนึ่ง จำเลยปลูกบ้านเรือนอยู่ในที่ดินแปลงนี้บางส่วน โดยเช่าจากผู้แทนโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านไม่ใช่ของโจทก์ อยู่นอกเขตที่ดินราชพัสดุของโจทก์ จำเลยไม่ได้เช่าจากโจทก์ ประเด็นที่จะต้องพิจารณา คือ ที่พิพาทเป็นที่ดินของโจทก์หรือไม่ การที่ศาลวินิจฉัยว่า ถึงแม้เป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่านอกเขตที่ดินราชพัสดุ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้อง เพราะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของแผ่นดิน จึงเป็นการพิพากษาคดีเกินหรือนอกไปจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
แม้จำเลยจะไม่มีสิทธิอยู่ในที่พิพาท ผู้ที่จะฟ้องขับไล่ได้ก็ต้องมีสิทธิหรือมีอำนาจหน้าที่ในที่ดินนั้น และถูกโต้แย้งสิทธิ.
แม้จำเลยจะไม่มีสิทธิอยู่ในที่พิพาท ผู้ที่จะฟ้องขับไล่ได้ก็ต้องมีสิทธิหรือมีอำนาจหน้าที่ในที่ดินนั้น และถูกโต้แย้งสิทธิ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบกิจการคล้ายประกันภัยโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการค้าขาย
การกระทำตามฟ้องและจำเลยรับเป็นการกระทำอันมีลักษณะคล้ายคลึงกับการประกันชีวิตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 861,889 เพราะจำเลยตกลงจะใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้รับประโยชน์ในเหตุการณ์อันเป็นมรณะของผู้เป็นสมาชิกในอนาคต และจำเลยจะใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้รับประโยชน์หรือไม่ ย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของผู้เป็นสมาชิกดังนี้ ต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการ การกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชนฯ และการที่บริษัทจำกัดจำเลยที่ 1 ได้ดำเนินการดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ว่าดำเนินการอันเป็นกุศลหรือสงเคราะห์ผู้ถือหุ้นและลูกค้านั้นโดยมิได้รับอนุญาต จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามกฎหมายดังกล่าวจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำด้วยต้องมีความผิดด้วยและเมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2 ในตอนต้นและตอนหลังเป็นกิจการคล้ายคลึงกับการประกันชีวิตอันเดียวกันและยังไม่สิ้นระยะเวลาตามระเบียบข้อตกลงในกิจการที่จำเลยกระทำจึงไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบกิจการคล้ายประกันชีวิตโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการค้าขาย
การกระทำตามฟ้องและจำเลยรับเป็นการกระทำอันมีลักษณะคล้ายคลึงกับการประกันชีวิตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 861, 889 เพราะจำเลยตกลงจะใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้รับประโยชน์ในเหตุการณ์อันเป็นมรณะของผู้เป็นสมาชิกในอนาคต และจำเลยจะใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้รับประโยชน์หรือไม่ ย่อมอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของผู้เป็นสมาชิก ดังนี้ ต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงเศรษฐการ การกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาตจึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน ฯ และการที่บริษัทจำกัดจำเลยที่ 1 ได้ดำเนินการดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ว่า ดำเนินการอันเป็นกุศลหรือสงเคราะห์ผู้ถือหุ้นและลูกค้านั้นโดยมิได้รับอนุญาต จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามกฎหมายดังกล่าว จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำด้วย ต้องมีความผิดด้วย และเมื่อการกระทำของจำเลยที่ 2 ในตอนต้นและตอนหลังเป็นกิจการคล้ายคลึงกับการประกันชีวิตอันเดียวกันและยังไม่สิ้นระยะเวลาตามระเบียบข้อตกลงในกิจการที่จำเลยกระทำ จึงไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616-629/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันภัย: การแจ้งเหตุ, การปฏิเสธความรับผิด, และการมีอำนาจฟ้องของนิติบุคคล
แม้กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า เมื่อเกิดความวินาศหรือความเสียหายใด ๆ ผู้เอาประกันภัยต้องยื่นคำเรียกร้องเป็นลายลักษณ์อักษรระบุรายละเอียดแห่งทรัพย์สินที่วินาศและจำนวนเงินแห่งความวินาศภายใน 15 วันก่อนก็ตามเมื่อเกิดเพลิงไหม้แล้วโจทก์ผู้เอาประกันได้แจ้งเหตุวินาศภัยให้จำเลยซึ่งเป็นบริษัทผู้รับประกันภัยได้ทราบขอให้ชดใช้ค่าเสียหายที่ได้เอาประกันภัยไว้ จำเลยกลับตอบปฏิเสธความรับผิดเช่นนี้โจทก์ย่อมไม่มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวอีก เพราะถึงจะส่งค่าเรียกร้องและรายละเอียดไปจำเลยก็ไม่พิจารณาชดใช้ให้ตามคำปฏิเสธความรับผิดอยู่นั่นเอง และการตอบปฏิเสธเช่นนั้นถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายตามที่ตกลงกันแล้วโจทก์จึงมีสิทธิเสนอคดีของตนต่อศาลได้ แม้ในกรณีที่จำเลยเฉยเสียมิได้ตอบปฏิเสธความรับผิด แต่ได้ให้เลขานุการของจำเลยไปสำรวจความเสียหายซึ่งหากมีการเสียหายที่จะคิดชดใช้ให้บ้างก็ถือว่าข้อสัญญาให้ส่งบัญชีรายละเอียดนี้ จำเลยไม่ติดใจให้โจทก์ส่งแล้วโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยได้ตามนัยฎีกาที่ 1215/2502
คำฟ้องของบริษัทโจทก์ซึ่งมีอำนาจฟ้องอยู่แล้วนั้นถึงแม้ชั้นยื่นฟ้องจะมีกรรมการบริษัทลงชื่อในคำฟ้องและใบแต่งทนายแต่ผู้เดียวอันเป็นการขัดต่อข้อบังคับของบริษัทโจทก์ก็ตามเมื่อศาลได้สั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องโดยให้กรรมการบริษัทลงชื่อเสียให้ถูกต้องซึ่งโจทก์ก็ได้จัดการแก้ไขโดยให้กรรมการบริษัทลงชื่อครบจำนวนตามข้อบังคับแล้วก่อนที่ศาลจะสั่งให้รับฟ้องเช่นนี้ ก็ต้องถือว่าคำฟ้องนั้นเป็นคำฟ้องที่ถูกต้องจำเลยจะเถียงว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ได้
คำฟ้องของบริษัทโจทก์ซึ่งมีอำนาจฟ้องอยู่แล้วนั้นถึงแม้ชั้นยื่นฟ้องจะมีกรรมการบริษัทลงชื่อในคำฟ้องและใบแต่งทนายแต่ผู้เดียวอันเป็นการขัดต่อข้อบังคับของบริษัทโจทก์ก็ตามเมื่อศาลได้สั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องโดยให้กรรมการบริษัทลงชื่อเสียให้ถูกต้องซึ่งโจทก์ก็ได้จัดการแก้ไขโดยให้กรรมการบริษัทลงชื่อครบจำนวนตามข้อบังคับแล้วก่อนที่ศาลจะสั่งให้รับฟ้องเช่นนี้ ก็ต้องถือว่าคำฟ้องนั้นเป็นคำฟ้องที่ถูกต้องจำเลยจะเถียงว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ได้