คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พจน์ ปุษปาคม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 759 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616-629/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งเหตุเพลิงไหม้และการปฏิเสธความรับผิดของบริษัทประกันภัย ทำให้ผู้เอาประกันมีสิทธิฟ้องร้องได้ โดยไม่ต้องรอรายละเอียดทรัพย์สิน
แม้กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า เมื่อเกิดความวินาศหรือความเสียหายใด ๆ ผู้เอาประกันต้องยื่นคำเรียกร้องเป็นลายลักษณ์อักษรระบุรายละเอียดแห่งทรัพย์สินที่วินาศและจำนวนเงินแห่งความวินาศภายใน 15 วันก่อนก็ตาม เมื่อเกิดเพลิงไหม้แล้ว โจทก์ผู้เอาประกันได้แจ้งเหตุวินาศภัยให้จำเลยซึ่งเป็นบริษัทผู้รับประกันภัยได้ทราบ ขอให้ชดใช้ค่าเสียหายที่ได้เอาประกันภัยไว้ จำเลยกลับตอบปฏิเสธความรับผิด เช่นนี้ โจทก์ย่อมไม่มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวอีก เพราะถึงจะส่งคำเรียกร้องและรายละเอียดไป จำเลยก็ไม่พิจารณาชดใช้ให้ตามคำปฏิเสธความรับผิดอยู่นั่นเอง และการตอบปฏิเสธเช่นนั้น ถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่จะได้รับชดใช้ค่าเสียหายตามที่ตกลงกันแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิเสนอคดีของตนต่อศาลได้ แม้ในกรณีที่จำเลยเฉยเสียมิได้ตอบปฏิเสธความรับผิด แต่ได้ให้เลขานุการของจำเลยไปสำรวจความเสียหาย ซึ่งหากมีการเสียหายที่จะคิดชดใช้ให้บ้าง ก็ถือว่าข้อสัญญาให้ส่งบัญชีรายละเอียดนี้ จำเลยไม่ติดใจให้โจทก์ส่งแล้ว โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยได้ตามนัยฎีกาที่ 1215/2502
คำฟ้องของบริษัทโจทก์ซึ่งมีอำนาจฟ้องอยู่แล้วนั้น ถึงแม้ชั้นยื่นฟ้องจะมีกรรมการบริษัทลงชื่อในคำฟ้องและใบแต่งทนายแต่ผู้เดียว อันเป็นการขัดต่อข้อบังคับของบริษัทโจทก์ก็ตาม เมื่อศาลได้สั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องโดยให้กรรมการบริษัทลงชื่อเสียให้ถูกต้อง ซึ่งโจทก์ก็ได้จัดจัดการแก้ไขโดยให้กรรมการบริษัทลงชื่อครบจำนวนตามข้อบังคับแล้วก่อนที่ศาลจะสั่งให้รับฟ้อง เช่นนี้ ก็ต้องถือว่าคำฟ้องนั้นเป็นคำฟ้องที่ถูกต้อง จำเลยจะเถียงว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยเจตนาในการใช้ปืนต่อสู้เมื่อถูกรุมทำร้ายในเวลากลางคืน และการพิจารณาความพอสมควรแห่งเหตุ
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยถูกรุมทำร้ายด้วยอาวุธในเวลากลางคืนจำเลยเข้าใจว่าทั้งถูกตีและถูกฟันไม่อาจรู้ได้ว่าจะเป็นอันตรายสักเพียงไหนจำเลยจึงใช้ปืนยิงไปยังกลุ่มคนที่ทำร้าย กระสุนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายซึ่งจำเลยเองก็ไม่รู้ว่ากระสุนปืนถูกผู้ใดดังนี้ถือได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันตัวในการที่คนกลุ่มนั้นทำร้าย และไม่มีอาวุธอื่นใช้ต่อสู้ได้การป้องกันของจำเลยที่ใช้ปืนยิงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: จำเลยถูกรุมทำร้ายจึงใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันตนเอง ศาลฎีกาตัดสินให้ยกฟ้อง
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยถูกรุมทำร้ายด้วยอาวุธในเวลากลางคืน จำเลยเข้าใจว่าทั้งถูกตีและถูกฟันไม่อาจรู้ได้ว่าจะเป็นอันตรายสักเพียงไหน จำเลยจึงใช้ปืนยิงไปยังกลุ่มคนที่ทำร้าย กระสุนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ซึ่งจำเลยเองก็ไม่รู้ว่ากระสุนปืนถูกผู้ใด ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันตัวในการที่คนกลุ่มนั้นทำร้าย และไม่มีอาวุธอื่นใช้ต่อสู้ได้ การป้องกันของจำเลยที่ใช้ปืนยิง เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีของหญิงไม่ได้จดทะเบียนสมรส และการรับฟังพยานหลักฐานการเช่า
หญิงที่แต่งงานโดยมิได้จดทะเบียนสมรสมีอำนาจฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่พิพาทโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ต่อมาจำเลยกลับอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จึงขอให้ขับไล่ ดังนี้ เป็นการฟ้องจำเลยฐานละเมิด มิได้อาศัยสิทธิการเช่า การนำสืบถึงการเช่าจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ศาลรับฟังพยานบุคคลได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีของหญิงไม่ได้จดทะเบียนสมรส และการรับฟังพยานบุคคลในคดีละเมิด
หญิงที่แต่งงานโดยมิได้จดทะเบียนสมรสมีอำนาจฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่พิพาทโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่ต่อมาจำเลยกลับอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จึงขอให้ขับไล่ดังนี้ เป็นการฟ้องจำเลยฐานละเมิดมิได้อาศัยสิทธิการเช่าการนำสืบถึงการเช่าจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ศาลรับฟังพยานบุคคลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารภาพถ่ายไม่เป็นหลักฐานได้ + วินิจฉัยนอกฟ้อง
ภาพถ่ายเอกสาร(ซึ่งถ่ายจากต้นฉบับ) ไม่ใช่ต้นฉบับของเอกสาร จึงต้องห้ามมิให้รับฟัง ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 93
ฟ้องว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาเข้าหุ้นส่วน เมื่อศาลไม่เชื่อว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาหุ้นส่วนนั้น ศาลจะนำพฤติการณ์อื่นซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องมาวินิจฉัยว่ามีหุ้นส่วนกันมิได้เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐาน: ภาพถ่ายเอกสารไม่ใช่ต้นฉบับ และหลักการวินิจฉัยนอกฟ้อง
ภาพถ่ายเอกสาร (ซึ่งถ่ายจากต้นฉบับ) ไม่ใช่ต้นฉบับของเอกสาร. จึงต้องห้ามมิให้รับฟัง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93.
ฟ้องว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาเช่าหุ้นส่วน เมื่อศาลไม่เชื่อว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาหุ้นส่วนนั้น. ศาลจะนำพฤติการณ์อื่นซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องมาวินิจฉัยว่ามีหุ้นส่วนกันมิได้. เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งเอกสารพยานทางคำร้องสอด และอายุความในการเรียกร้องตามพินัยกรรม
ขณะที่ยื่นคำร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมนั้น จำเลยร่วมได้แนบสำเนาเอกสารมาพร้อมกับคำร้อง เมื่ออ้างเอกสารนั้นเป็นพยาน จำเลยร่วมจึงไม่จำเป็นต้องส่งสำเนาเอกสารนั้นให้โจทก์อีก
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยซึ่งปกครองร่วมกันมาจำเลยร่วมซึ่งปกครองทรัพย์นั้นอยู่ด้วยได้ยื่นคำร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมหลังจากที่โจทก์ฟ้องประมาณ 3 เดือนเพื่อสู้คดีมิให้โจทก์ขอแบ่งทรัพย์สิน มิใช่เรียกร้องเอาทรัพย์มรดกโจทก์จะยกอายุความขึ้นอ้างว่าคดีของจำเลยร่วมขาดอายุความไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 504/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งเอกสารประกอบคำร้องสอด และอายุความในการเรียกร้องตามพินัยกรรม การครอบครองทรัพย์สินร่วมกัน
ขณะที่ยื่นคำร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมนั้น จำเลยร่วมได้แนบสำเนาเอกสารมาพร้อมกับคำร้อง เมื่ออ้างเอกสารนั้นเป็นพยานจำเลยร่วมจึงไม่จำเป็นต้องส่งสำเนาเอกสารนั้นให้โจทก์อีก
โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์จากจำเลยซึ่งปกครองร่วมกันมา จำเลยร่วมซึ่งปกครองทรัพย์นั้นอยู่ด้วยได้ยื่นคำร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมหลังจากที่โจทก์ฟ้องประมาณ 3 เดือน เพื่อสู้คดีมิให้โจทก์ขอแบ่งทรัพย์สิน มิใช่เรียกร้องเอาทรัพย์มรดก โจทก์จะยกอายุความขึ้นอ้างว่าคดีของจำเลยร่วมขาดอายุความไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาที่ผูกพันบริวาร แม้ศาลแนะนำให้ฟ้องใหม่ โจทก์ยังคงสิทธิบังคับคดีเดิมได้
คดีฟ้องขับไล่ในชั้นบังคับคดี ศาลชั้นต้นแนะนำว่าโจทก์ควรดำเนินคดีกับผู้ร้องใหม่เพราะเลขบ้านเป็นคนละเลขกับที่โจทก์ฟ้องในคดีนี้ โจทก์แถลงว่าเห็นด้วยและไม่ติดใจบังคับคดีสำหรับผู้ร้องทั้ง 5 คน โดยโจทก์จะดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีขึ้นต่างหาก โจทก์ขอถอนการบังคับคดี ศาลอนุญาต แม้โจทก์ยอมรับจะทำดังนั้น หาใช่เป็นการสละสิทธิ์ไม่บังคับคดีไม่ โจทก์ยังต้องการที่จะให้ผู้เช่าหรือผู้อยู่ในสิ่งปลูกสร้างของจำเลยออกไปเพื่อจำเลยจะได้รื้อออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามคำบังคับ เป็นแต่ว่าจะหาวิธีบังคับในคดีนี้ได้หรือว่าจะต้องฟ้องใหม่ เมื่อโจทก์เห็นว่ายังมีทางบังคับในคดีนี้ได้ โจทก์ย่อมขอให้บังคับคดีในคดีนี้ได้อีก เพราะตราบใดที่จำเลยและบริวารยังอยู่บนที่ดินของโจทก์ ยังมิได้ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์ย่อมขอให้ศาลบังคับคดีได้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด แม้จะร้องขอให้บังคับคดีมาแล้วไม่เป็นผล ก็ขอให้บังคับคดีใหม่ได้
of 76