คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พจน์ ปุษปาคม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 759 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องไม่เกี่ยวพันกับฟ้องเดิม ศาลสั่งแยกเป็นคดีต่างหากตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและตึกแถวซึ่งใช้เป็นที่ประกอบการค้าโดยอ้างว่าบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จำเลยให้การว่าสัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนดขับไล่จำเลยไม่ได้พร้อมทั้งฟ้องแย้งว่าเมื่อจำเลยถูกขับไล่แล้ว โจทก์จะต้องชดใช้เงินค่าปลูกสร้างโกดังสินค้าและโรงรถด้วยนั้น เห็นได้ว่าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลังกล่าวคือถ้าจำเลยชนะคดีตามคำให้การ ฟ้องแย้งของจำเลยก็ตกไปเพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะชดใช้ จึงเป็นเรื่องที่จะเรียกร้องอีกเรื่องหนึ่งต่างหากในภายหลังเมื่อปรากฏผลในคดีนี้แล้ว จึงพิจารณาฟ้องแย้งของจำเลยไปพร้อมกันกับข้อต่อสู้ในคำให้การไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือสละมรดกต้องทำหลังเจ้ามรดกเสียชีวิต การสละสิทธิรับมรดกก่อนเสียชีวิตเป็นโมฆะ
หนังสือมีข้อความว่า "แต่นี้ต่อไปนางนวนจะไม่เกี่ยวข้องสมบัติกับแม่อีก" ไม่ใช่หนังสือสละมรดก จะถือว่าเป็นการสละสิทธิรับมรดกในภายหน้าก็ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1619

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือสละมรดกทำก่อนเจ้ามรดกเสียชีวิตเป็นโมฆะตามกฎหมาย
หนังสือมีข้อความว่า "แต่นี้ต่อไปนางนวนจะไม่เกี่ยวข้องสมบัติกับแม่อีก" ไม่ใช่หนังสือสละมรดก จะถือว่าเป็นการสละสิทธิรับมรดกในภายหน้าก็ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1619

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมยกทรัพย์มรดกเฉพาะบุตรคนเดียว การกำหนดการเผื่อตายชอบด้วยกฎหมาย
ผู้ตายทำพินัยกรรมแสดงเจตนายกทรัพย์ที่มีอยู่และทรัพย์ที่จะเกิดมีในภายหน้าให้บุตรผู้รับพินัยกรรมแต่ผู้เดียว เมื่อผู้ตายตายไปแล้วไม่ให้บุตรคนอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดก คำสั่งนี้เป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของผู้ตายแล้ว ทั้งผู้ตายได้ทำคำสั่งของตนลงไว้ในเอกสารซึ่งทำเป็นพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ เอกสารดังกล่าวจึงเป็นพินัยกรรมของผู้ตายโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนข้อกำหนดอย่างอื่นที่ให้ผู้รับพินัยกรรมทำเลี้ยงผู้ตายจนตลอดชีวิต หรือให้ใช้หนี้แทนแม้จะเป็นภาระให้กระทำก่อนตายไว้ด้วย เมื่อมีข้อกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินไว้แล้ว ก็หาทำให้กลับกลายเป็นการยกให้ใน ระหว่างมีชีวิตไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมยกทรัพย์สินให้บุตรผู้รับพินัยกรรมแต่ผู้เดียว ชอบด้วยกฎหมาย แม้มีภาระก่อนตาย
ผู้ตายทำพินัยกรรมแสดงเจตนายกทรัพย์ที่มีอยู่และทรัพย์ที่จะเกิดมีในภายหน้าให้บุตรผู้รับพินัยกรรมแต่ผู้เดียว เมื่อผู้ตายตายไปแล้วไม่ให้บุตรคนอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดก คำสั่งนี้เป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินของผู้ตายแล้ว ทั้งผู้ตายได้ทำคำสั่งของตนลงไว้ในเอกสารซึ่งทำเป็นพินัยกรรมตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ เอกสารดังกล่าวจึงเป็นพินัยกรรมของผู้ตายโดยชอบด้วยกฎหมาย ส่วนข้อกำหนดอย่างอื่นที่ให้ผู้รับพินัยกรรมทำเลี้ยงผู้ตายจนตลอดชีวิต หรือให้ใช้หนี้แทนแม้จะเป็นภาระให้กระทำก่อนตายไว้ด้วย เมื่อมีข้อกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สินไว้แล้ว ก็หาทำให้กลับกลายเป็นการยกให้ในระหว่างมีชีวิตไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในต้นไม้ที่ปลูกในที่ดินของผู้อื่น ต้นไม้เป็นส่วนควบของที่ดิน เจ้าของที่ดินมีสิทธิ
ต้นพลูเป็นต้นไม้ยืนต้น จึงเป็นส่วนควบของที่ดิน
โจทก์เป็นผู้ปลูกต้นพลู แต่ต้นพลูได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่โจทก์ปลูกต้นพลูเสียแล้ว แม้จำเลยจะร่วมกันตัดต้นพลู ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ต้นไม้บนที่ดินของผู้อื่น: ต้นไม้เป็นส่วนควบของที่ดิน เจ้าของที่ดินมีสิทธิในต้นไม้ แม้ผู้อื่นจะเป็นผู้ปลูก
ต้นพลูเป็นต้นไม้ยืนต้น จึงเป็นส่วนควบของที่ดิน
โจทก์เป็นผู้ปลูกต้นพลู แต่ต้นพลูได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่โจทก์ปลูกต้นพลูเสียแล้ว แม้จำเลยจะร่วมกันตัดต้นพลู ก็ย่อมไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้วิวาทและการป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุสมผล การแทงจนถึงแก่ความตายเข้าข่ายฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
จำเลยและผู้ตายต่างสมัครใจต่อสู้วิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จำเลยจะอ้างว่าถูกผู้ตายเตะและต่อยกับบีบคออย่างแรง จำเลยจึงใช้มีดแทงเพื่อเป็นการป้องกันตัวนั้นหาได้ไม่
ขณะที่จำเลยและผู้ตายกอดปล้ำต่อสู้กันนั้นเป็นเวลามืดค่ำมองไม่เห็นกัน จำเลยดึงมีดพกซึ่งเหน็บที่เอวแทงไปข้างหน้า 2 ที แทงไปโดยไม่รู้ว่าถูกตรงไหน จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้ตั้งใจแทงในที่สำคัญแต่ผลไปปรากฏว่าผู้ตายถูกแทงที่ใต้รักแร้ขวาและชายโครงซ้าย โลหิตตกในถึงแก่ความตาย เช่นนี้ เชื่อได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าเพียงแต่มุ่งทำร้าย แต่ทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้วิวาทและการป้องกันตัวที่ไม่สมควร การฆ่าโดยไม่เจตนา
จำเลยและผู้ตายต่างสมัครใจต่อสู้วิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จำเลยจะอ้างว่าถูกผู้ตายเตะและต่อยกับบีบคออย่างแรง จำเลยจึงใช้มีดแทงเพื่อเป็นการป้องกันตัวนั้นหาได้ไม่
ขณะที่จำเลยและผู้ตายกอดปล้ำต่อสู้กันนั้นเป็นเวลามืดค่ำมองไม่เห็นกัน จำเลยดึงมีดพกซึงเหน็บที่เอว แทงไปข้างหน้า 2 ที แทงไปโดยไมรู้ว่าถูกตรงไหน จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่ได้ตั้งใจแทงในที่สำคัญแต่ผลไปปรากฏว่าผู้ตายถูกแทงที่ใต้รักแร้ขวาและชายโครงซ้าย โลหิตตกในถึงแก่ความตาย เช่นนี้ เชื่อไว้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า เพียงแต่มุ่งทำร้าย แต่ทำร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับในคดีก่อนไม่ผูกพันผู้กล่าวในคดีหลัง ศาลต้องวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงปัจจุบัน
คำรับของคู่ความในคดีหนึ่งใช้ปิดปากผู้กล่าวในการพิจารณาคดีอีกคดีหนึ่งไม่ได้ เพราะคำรับไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่จะรับฟังได้ โดยเด็ดขาด เป็นแต่เพียงพยานหลักฐานอันหนึ่งซึ่งใช้ยันผู้กล่าวเท่านั้น ผู้กล่าวจึงนำสืบหักล้างได้ ในการพิจารณาคดีหลัง ศาลจะต้องวินิจฉัยว่าความจริงเป็นอย่างไร จะถือว่าคำรับของคู่ความในคดีก่อนผูกมัดผู้กล่าวโดยสืบหลักล้างไม่ได้เลยนั้น หาได้ไม่
of 76