พบผลลัพธ์ทั้งหมด 290 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องหนี้ซื้อเชื่อ: การซื้อเพื่อการก่อสร้างไม่ใช่การทำเพื่ออุตสาหกรรม
บริษัทผู้รับเหมาทำการก่อสร้างซื้อเชื่อสิ่งของไปใช้ในการก่อสร้างในที่ทั่ว ๆ ไป สุดแต่บริษัทจะรับเหมาทำการก่อสร้างได้ นั้นมิใช่เป็นการที่ได้ทำเพื่ออุตสาหกรรมของบริษัทผู้เป็นลูกหนี้ เพราะบริษัทนั้นหาได้ซื้อมาเพื่อประดิษฐ์ผลิตออกจำหน่ายขายไปไม่ แต่เป็นการจัดหาสัมภาระมาใช้ทำการงานเพื่อได้สินจ้างในผลสำเร็จแห่งการที่รับเหมาก่อสร้างนั้น อายุความเรียกร้องจึงมีกำหนดเพียง 2 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 262/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาใช้เช็ค - เช็คยังไม่ถึงกำหนด - ไม่เป็นความผิด พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยออกเช็คเงินสดให้แก่ ส.โดย ส. ก็ทราบว่าขณะนั้นจำเลยไม่มีเงินในธนาคารเลย และมีข้อตกลงกันว่าภายในกำหนด 1 เดือน นั้น จำเลยจะต้องนำเงินไปเข้าบัญชีธนาคารเพื่อให้ ส.ไปเบิกเงิน แต่ ส. กลับนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารเสียก่อนพ้นกำหนดเวลา 1 เดือนดังนี้เป็นการว่ากล่าวเอากับเช็ค ซึ่งยังอยู่ในระยะเวลาที่คู่กรณีไม่มีเจตนาจะให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น แม้ธนาคารจะไม่จ่ายเงินเพราะจำเลยไม่มีเงินในธนาคารหรือมีไม่พอจ่าย จำเลยก็ยังไม่มีความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 262/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คโดยตกลงเงื่อนไขเวลาการเบิกจ่าย การเบิกก่อนกำหนดไม่ถือเป็นความผิด
จำเลยออกเช็คเงินสดให้แก่ ส. โดยส. ก็ทราบว่าขณะนั้นจำเลยไม่มีเงินในธนาคารเลย และมีข้อตกลงกันว่าภายในกำหนดเวลา 1 เดือน นั้น จำเลยจะต้องนำเงินไปเข้าบัญชีธนาคารเพื่อให้ ส. ไปเบิกเงิน แต่ ส. กลับนำเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคารเสียก่อนพ้นกำหนดเวลา 1 เดือน ดังนี้ เป็นการว่ากล่าวเอากับเช็คซึ่งยังอยู่ในระยะเวลาที่คู่กรณีไม่มีเจตนาจะให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น (แม้ธนาคารจะไม่จ่ายเงินเพราะจำเลยไม่มีเงินในธนาคาร หรือมีไม่พอจ่าย) จำเลยก็ยังไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ค่าเสียหายจากการละเมิดต่อเนื่อง แม้มีการเปลี่ยนแปลงค่าเสียหายรายวัน ก็ถือเป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เคยฟ้องจำเลยหาว่าละเมิดเข้ามาระเบิดเอาหินไปจากที่อันเป็ฯสิทธิของโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย 140,000 บาท กับค่าเสียหายวันละ 840 บาท ตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะหยุดทำการระเบิดและขุดต่อยหิน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยจำเลยขาดนัดพิจารณา และจำเลยได้ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่อยู่ โจทก์มาฟ้องจำเลยอีกสำนวนหนึ่งว่า จำเลยไม่ยอมออกไปจากที่พิพาทซึ่งโจทก์ชนะคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 60,000 บาท กับค่าเสียหายวันละ 420 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะสละการครอบครองรื้อถอนโรงเรือน สะพาน และวัตถุระเบิดออกไปจากที่พิพาท ดังนี้ ย่อมเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144, 148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 261/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: ค่าเสียหายจากการละเมิดต่อเนื่อง โจทก์เรียกค่าเสียหายจากละเมิดเดิมซ้ำไม่ได้
โจทก์เคยฟ้องจำเลยหาว่าละเมิดเข้ามาระเบิดเอาหินไปจากที่อันเป็นสิทธิของโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย 140,000 บาทกับค่าเสียหายวันละ 840 บาท ตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะหยุดทำการระเบิดและขุดต่อยหิน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยจำเลยขาดนัดพิจารณา และจำเลยได้ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่อยู่ โจทก์มาฟ้องจำเลยอีกสำนวนหนึ่งว่า จำเลยไม่ยอมออกไปจากที่พิพาท ซึ่งโจทก์ชนะคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 60,000 บาท กับค่าเสียหายวันละ 420 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะสละการครอบครองรื้อถอนโรงเรือน สะพานและวัตถุระเบิดออกไปจากที่พิพาทดังนี้ย่อมเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 144,148
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์บนเกาะกลางน้ำ: ต้องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของและสถานะที่ดิน
ในคดีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดอ้างว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดอยู่บนเกาะกลางน้ำซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินและโจทก์ให้การว่าที่ที่โจทก์นำยึดเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เพียงโจทก์แถลงรับว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นที่ดินซึ่งอยู่บนเกาะกลางน้ำมีน้ำในแม่น้ำล้อมรอบ ยังไม่พอฟังว่าที่รายพิพาทเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ และกรณีไม่เข้าตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1309 เพราะโจทก์ยังโต้เถียงอยู่ว่าทรัพย์สินรายพิพาทเป็นของจำเลย และเกาะต่างๆ หาใช่ทรัพย์สินของแผ่นดินทั้งหมดไม่ จึงเป็นเรื่องที่จะต้องนำสืบกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์บนเกาะกลางน้ำ: การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของและขอบเขตทรัพย์สินของแผ่นดิน
ในคดีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดอ้างว่า ทรัพย์ที่โจทก์นำยึดอยู่บนเกาะกลางน้ำซึ่งเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน และโจทก์ให้การว่าที่ที่โจทก์นำยึดเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษา เพียงโจทก์แถลงรับว่า ที่ดินที่โจทก์นำยึดเป็นที่ดินซึ่งอยู่บนเกาะกลางน้ำมีน้ำในแม่น้ำล้อมรอบ ยังไม่พอฟังว่าที่รายพิพาทเป็นทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ และกรณีไม่เข้าตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1309 เพราะโจทก์ยังโต้เถียงอยู่ว่าทรัพย์สินรายพิพาทเป็นของจำเลย และเกาะต่าง ๆ หาใช่ทรัพย์สินของแผ่นดินทั้งหมดไม่ จึงเป็นเรื่องที่จะต้องนำสืบกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินจากผู้ไม่มีอำนาจ และการครอบครองปรปักษ์ที่ไม่อาจใช้ยันทายาทเจ้าของเดิมได้
ซื้อที่ดินซึ่งมีโฉนดตราจองจากผู้รับจำนองโดยทำหนังสือกันเอง และรู้ก่อนซื้อว่าที่ดินนั้นเป็นของใครนั้น ได้ชื่อว่าซื้อโดยรู้ว่าผู้ขายไม่มีอำนาจขาย และถือว่ารับโอนการครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิผู้จำนองผู้เป็นเจ้าของที่ดินนั้น หาใช่ได้รับโอนการครอบครองเพื่อตนเองไม่ ฉะนั้น ถึงผู้ซื้อจะครอบครองที่ดินมาเกินสิบปี ก็หาอาจยกอายุความครอบครองปรปักษ์ยันกับทายาทผู้จำนองได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินโดยรู้ว่าผู้ขายไม่มีอำนาจ การครอบครองปรปักษ์ใช้ไม่ได้กับทายาทเจ้าของเดิม
ซื้อที่ดินซึ่งมีโฉนดตราจองจากผู้รับจำนอง โดยทำหนังสือกันเอง และรู้ก่อนซื้อว่าที่ดินนั้นเป็นของใคร ได้ชื่อว่าซื้อโดยรู้ว่าผู้ขายไม่มีอำนาจขาย และถือว่ารับโอนการครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิผู้จำนองผู้เป็นเจ้าของที่ดินนั้น หาใช่ได้รับโอนการครอบครองเพื่อตนเองไม่ฉะนั้น ถึงผู้ซื้อจะครอบครองที่ดินมาเกินสิบปี ก็หาอาจยกอายุความครอบครองปรปักษ์ยันกับทายาทผู้จำนองได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าต่ออายุโดยปริยาย: การบอกเลิกสัญญาต้องเป็นไปตามข้อตกลงเดิม และการชำระค่าเช่าต่อเนื่องแสดงถึงการไม่มีเจตนาบอกเลิก
สัญญาเช่าที่ระบุว่า "เมื่อผู้เช่าต้องการห้องเช่าคืนหรือผู้เช่าจะต้องการคืนห้องทั้งสองฝ่ายจะต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน 30 วัน" นั้นมีความหมายว่าถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดบอกเลิกสัญญาเช่าจะต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน 30 วัน
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ เมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่า ผู้เช่ายังคงครอบครองทรัพย์สินอยู่โดยผู้ให้เช่าไม่ทักท้วง กฎหมายถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลานั้น ข้อสัญญาบอกกล่าวเดิมก็ยังคงเป็นข้อสัญญาเช่ากันใหม่ต่อไปด้วย ฉะนั้น เมื่อผู้ให้เช่ามิได้บอกเลิกสัญญาก่อน ก็ต้องถือว่าสัญญาเช่านั้นยังคงมีอยู่ต่อกันผู้ให้เช่าจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่า
แม้คณะกรรมการควบคุมค่าเช่าจะได้ลงมติให้ผู้ให้เช่าได้เข้าอยู่เองในห้องเช่าก็เป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าต่อผู้เช่าก่อน (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2505)
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ เมื่อสิ้นกำหนดเวลาเช่า ผู้เช่ายังคงครอบครองทรัพย์สินอยู่โดยผู้ให้เช่าไม่ทักท้วง กฎหมายถือว่าคู่สัญญาเป็นอันได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลานั้น ข้อสัญญาบอกกล่าวเดิมก็ยังคงเป็นข้อสัญญาเช่ากันใหม่ต่อไปด้วย ฉะนั้น เมื่อผู้ให้เช่ามิได้บอกเลิกสัญญาก่อน ก็ต้องถือว่าสัญญาเช่านั้นยังคงมีอยู่ต่อกันผู้ให้เช่าจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่า
แม้คณะกรรมการควบคุมค่าเช่าจะได้ลงมติให้ผู้ให้เช่าได้เข้าอยู่เองในห้องเช่าก็เป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเช่าต่อผู้เช่าก่อน (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 27/2505)