คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สำราญ ศิริพันธ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 290 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิไถ่ถอนขายฝาก ไม่เป็นการย้ายทรัพย์สินหลีกเลี่ยงหนี้ ไม่ผิดตามกฎหมาย
การสละสิทธิไถ่ถอนการขายฝาก ไม่ใช่เป็นการย้ายไปเสียซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่น หรือแกล้งให้ตนเป็นหนี้ จึงไม่เป็นความผิดตามมาตรา 350

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 158/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละสิทธิไถ่ถอนการขายฝาก ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
การสละสิทธิไถ่ถอนการขายฝาก ไม่ใช่เป็นการย้ายหรือซ่อนเร้นหรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นหรือแกล้งให้ตนเป็นหนี้ จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์: การครอบครองที่ดินมือเปล่าหลังไถ่ถอน และการเปลี่ยนแปลงลักษณะการครอบครอง
ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์กู้เงินจำเลยไป 300 บาท แล้วมอบที่นาพิพาทมือเปล่าให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย ต่อมาโจทก์ได้นำเงิน 300 บาทไปชำระให้จำเลยเป็นการไถ่ถอนนาคืนมา และจำเลยได้ออกใบรับเงินให้ไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นโจทก์ก็ไปหากินรับจ้างที่ต่างจังหวัด ไม่เคยเข้าไปครอบครองทำนาพิพาทเลย ทั้งมิได้มอบหมายให้ผู้ใดครอบครองแทนโดยจำเลยยังคงครอบครองทำนาพิพาทนั้นตลอดมา ดังนี้ การครอบครองของจำเลยในระยะหลังต่อมานั้นหาใช่เป็นการครอบครองทำนาต่างดอกเบี้ยไม่ จึงไม่ใช่เป็นการครอบครอบแทนโจทก์ แต่เป็นการครอบครองเพื่อตนเอง จึงไม่ต้องมีการบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนายึดถือนาพิพาทแทนโจทก์ต่อไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 เมื่อจำเลยครอบครองนาพิพาทเพื่อตนเองมาเกิน 1 ปีแล้ว จำเลยก็ย่อมได้สิทธิเป็นเจ้าของนาพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ที่นา: สิทธิความเป็นเจ้าของหลังไถ่ถอนและทอดทิ้ง
ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์กู้เงินจำเลยไป 300 บาทแล้วมอบที่นาพิพาทมือเปล่าให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยต่อมาโจทก์ได้นำเงิน 300 บาทไปชำระให้จำเลยเป็นการไถ่ถอนนาคืนมา และจำเลยได้ออกใบรับเงินให้ไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นโจทก์ก็ไปหากินรับจ้างที่ต่างจังหวัด ไม่เคยเข้าไปครอบครองทำนาพิพาทเลย ทั้งมิได้มอบหมายให้ผู้ใดครอบครองแทนโดยจำเลยยังคงครอบครองทำนาพิพาทนั้นตลอดมาดังนี้ การครอบครองของจำเลยในระยะหลังต่อมานั้นหาใช่เป็นการครอบครองทำนาต่างดอกเบี้ยไม่ จึงไม่ใช่เป็นการครอบครองแทนโจทก์แต่เป็นการครอบครองเพื่อตนเอง จึงไม่ต้องมีการบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนายึดถือนาพิพาทแทนโจทก์ต่อไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381เมื่อจำเลยครอบครองนาพิพาทเพื่อตนเองมาเกิน 1 ปีแล้วจำเลยก็ย่อมได้สิทธิเป็นเจ้าของนาพิพาทโดยทางครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาหลังพ้นกำหนด 72 ชั่วโมง: อำนาจฟ้องของผู้ว่าคดีเมื่ออธิบดีกรมอัยการอนุญาต
จำเลยหลบหนีไปจากสถานที่ควบคุมในระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ในข้อหาเรื่องอื่น พนักงานสอบสวนมิได้ส่งตัวจำเลยไปฟ้องหรือขอผัดฟ้องภายในกำหนด 72 ชั่วโมง นับแต่จำเลยถูกจับ ผู้ว่าคดีเพิ่งฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเมื่อจำเลยถูกจับในคดีหลบหนีฯ นี้แล้ว 3 เดือนเศษ เมื่อได้ความว่าอธิบดีกรมอัยการได้อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 29/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียภาษีบุคคลธรรมดาจากหุ้นส่วน/ผู้ถือหุ้นนิติบุคคล: ค่าใช้จ่ายไม่สามารถหักลดหย่อนในนามนิติบุคคล
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีผู้ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนอยู่เกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 75 ที่บัญญัติว่าให้เสียภาษีในส่วน 2 ว่าด้วยการเก็บภาษีจากบุคคลธรรมดานั้นหมายความว่าบุคคลธรรมดาผู้ถือหุ้น หรือผู้เป็นหุ้นส่วน ในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นๆ จะต้องไปเสียภาษีในส่วน 2 หาได้หมายความว่าให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้นๆ ไปเสียภาษีในส่วน 2 ไม่จึงไม่มีอะไรที่จะหักค่าใช้จ่ายให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามมาตรา 47(1)(ก) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของบุคคลธรรมดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 29/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียภาษีของบริษัทเมื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่เสียภาษีในนามบุคคลธรรมดา สิทธิในการหักค่าใช้จ่ายของบริษัท
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีผู้ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนอยู่เกินกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดตามประมวลรัษฎากรมาตรา 75 ที่บัญญัติว่าให้เสียภาษีในส่วน 2 ว่าด้วยการเก็บภาษีจากบุคคลธรรมดานั้น หมายความว่าบุคคลธรรมดาผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ๆ จะต้องไปเสียภาษีในส่วน 2 หาได้หมายความว่าให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น ๆ ไปเสียภาษีตามส่วน 2 ไม่ จึงไม่มีอะไรที่จะหักค่าใช้จ่ายให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 47 (1) (ก) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของบุคคลธรรมดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คนต่างด้าวซื้อที่ดิน: นิติกรรมเป็นโมฆะหากไม่เป็นไปตามกฎหมาย แม้ได้รับสัญชาติไทยภายหลังก็ไม่ช่วย
พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486ก็ดี ประมวลกฎหมายที่ดิน หมวด 8 ก็ดี มุ่งหมายบัญญัติว่าคนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินมิได้ เว้นแต่จะเข้ากฎเกณฑ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ฉะนั้น คนต่างด้าวที่จะได้มาซึ่งที่ดินมิได้จึงเป็นหลัก และกฎเกณฑ์ต่างๆที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นข้อยกเว้น หาใช่ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายที่ห้ามเด็ดขาดมิให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน แล้วถือเป็นเหตุในการวินิจฉัยว่าคนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ เมื่อได้กรรมสิทธิ์แล้วก็มีสิทธิตั้งตัวแทนใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ไม่ เพราะการวินิจฉัยเช่นนั้นมีผลทำให้ความมุ่งหมายของกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไร้ผลไปโดยสิ้นเชิง การที่คนต่างด้าวกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินโดยใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์จึงไม่มีผล ตกเป็นโมฆะ และย่อมมีผลเป็นการทั่วไปทั้งแก่รัฐและเอกชน หาใช่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับคนต่างด้าวไม่ และแม้คนต่างด้าวนั้นจะได้รับสัญชาติไทยมาในภายหลัง ก็หาทำให้การอันเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก กลับฟื้นคืนดีขึ้นมาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1979/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าว: สิทธิที่ดินเป็นโมฆะหากไม่เป็นไปตามกฎหมาย แม้ได้รับสัญชาติไทยภายหลัง
พระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าว พ.ศ.2486 ก็ดี ประมวลกฎหมายที่ดินหมวด 8 ก็ดี มุ่งหมายบัญญัติว่าคนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินมิได้ เว้นแต่จะเข้ากฎเกณฑ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ฉะนั้น คนต่างด้าวจะได้มาซึ่งที่ดินมิได้จึงเป็นหลัก และกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นข้อยกเว้น หาใช่ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายที่ห้ามเด็ดขาดมิให้คนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วถือเป็นเหตุในการวินิจฉัยว่าคนต่างด้าวถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้เมื่อได้กรรมสิทธิ์แล้วก็มีสิทธิตั้งตัวแทนใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ไม่ เพราะการวินิจฉัยเช่นนั้นมีผลทำให้ความมุ่งหมายของกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ไร้ผลไปโดยสิ้นเชิง การที่คนต่างด้าวกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินโดยใส่ชื่อตัวแทนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์จึงไม่มีผล ตกเป็นโมฆะ และย่อมมีผลเป็นการทั่วไปทั้งแก่รัฐและเอกชนหาใช่เป็นเรื่องระหว่างรัฐกับคนต่างด้าวไม่ และแม้คนต่างด้าวนั้นจะได้รับสัญชาติไทยมาในภายหลัง ก็หาทำให้การอันเป็นโมฆะแต่เริ่มแรก กลับฟื้นคืนดีขึ้นมาไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1878/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาบุกรุก - ความเข้าใจผิดโดยสุจริต - ที่ดินสงวน - การครอบครองปรปักษ์
จำเลยเข้าไปปลูกต้นยางพาราในที่ดินซึ่งกรมทางหลวงจับจองและขึ้นทะเบียนเป็นที่สงวนของทางราชการ โดยมีพฤติการณ์ต่างๆ ที่ทำให้จำเลยหลงเข้าใจโดยสุจริตคิดว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย โดยจำเลยไม่ทราบว่าเป็นที่ดินสงวนหวงห้ามมาก่อน เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะเข้าถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์อันเป็นของผู้อื่นซึ่งจะเป็นความผิดทางอาญาฐานบุกรุก
of 29