พบผลลัพธ์ทั้งหมด 290 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการให้ทรัพย์สินเนื่องจากประพฤติเนรคุณ การชั่งน้ำหนักพยานในคดีแพ่ง
การชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานในคดีแพ่งความเป็นไปโดยลักษณะความแพ่ง กล่าวคือเทียบเคียงน้ำหนักคำพยานประกอบด้วยพฤติการณ์แห่งคดีว่าจะควรเชื่อฟังเป็นความจริงตามโจทก์ฟ้องได้เพียงใด จะถือเอาเพียงข้อแตกต่างแห่งคำพยานโจทก์บางคนที่เบิกความไม่ตรงกันมาเป็นเหตุยกฟ้องนั้นไม่ชอบ
บุตรได้ค่ามาตราว่า อีดอกทอง อีแก่เจ้าเล่ห์ เป็นคนร้อยลิ้นไม่นับถือเป็นแม่ ถือว่าเป็นถ้อยคำด่าหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง เป็นการประพฤติเนรคุณต่อมารดาผู้ให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) แล้ว มารดาเรียกทรัพย์ที่ให้บุตรโดยเสน่หาคืนได้
บุตรได้ค่ามาตราว่า อีดอกทอง อีแก่เจ้าเล่ห์ เป็นคนร้อยลิ้นไม่นับถือเป็นแม่ ถือว่าเป็นถ้อยคำด่าหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง เป็นการประพฤติเนรคุณต่อมารดาผู้ให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531 (2) แล้ว มารดาเรียกทรัพย์ที่ให้บุตรโดยเสน่หาคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ของบุคคลอื่น มิได้เป็นลูกหนี้เอง ศาลไม่อนุญาต
จำเลยมิใช่เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้อง ผู้ร้องเป็นแต่เพียงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของภริยา (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) ของจำเลย จะมาร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่จำเลยถูกยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาโดยอ้างว่าโจทก์ได้นำยึดทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยทำมาหาได้ร่วมกับภริยามาเสียหมดแล้ว หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของภริยาที่ไม่จดทะเบียนสมรสในการเฉลี่ยทรัพย์จำเลย
ผู้ขอเฉลี่ยทรัพย์ เป็นแต่เพียงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของภริยา(ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) ของจำเลย จะมาร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่จำเลยถูกยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา โดยอ้างว่าโจทก์ได้นำยึดทรัพย์ของจำเลย ซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยทำมาหาได้ร่วมกับภริยามาเสียหมดแล้วหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277-278/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้รับมอบฉันทะในการรับทราบการเลื่อนวันอ่านคำพิพากษา และผลต่ออายุของใบมอบฉันทะ
ทนายทำใบมอบฉันทะให้ผู้อื่นฟังคำพิพากษาแทน โดยไม่ได้กำหนดว่าให้ฟังคำพิพากษาเฉพาะวันใด ย่อมมีความหมายว่ามอบให้ฟังคำพิพากษาสุดแต่ศาลจะอ่านในวันเวลาใด เมื่อศาลเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป ผู้รับมอบฉันทะย่อมมีอำนาจรับรู้การเลื่อนแทนผู้มอบฉันทะได้ จะอ้างเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 ว่า ต้องทำใบมอบฉันทะทุกครั้งไม่ได้เพราะเมื่อผู้รับมอบฉันทะยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาก็เท่ากับยังไม่ได้ทำการตามที่รับมอบมา ใบมอบฉันทะนั้นจึงไม่ขาดอายุ
ประชุมใหญ่ ครั้ง 11/2504
ประชุมใหญ่ ครั้ง 11/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277-278/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจรับฟังคำพิพากษาแทนตามใบมอบฉันทะยังคงมีผลแม้มีการเลื่อนอ่านคำพิพากษา
ทนายทำใบมอบฉันทะให้ผู้อื่นฟังคำพิพากษาแทน โดยไม่ได้กำหนดว่าให้ฟังคำพิพากษาเฉพาะวันใด ย่อมมีความหมายว่ามอบให้ฟังคำพิพากษาสุดแต่ศาลจะอ่านในวันเวลาใดเมื่อศาลเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไป ผู้รับมอบฉันทะย่อมมีอำนาจรับรู้การเลื่อนแทนผู้มอบฉันทะได้จะอ้างเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 ว่า ต้องทำใบมอบฉันทะทุกครั้งไม่ได้ เพราะเมื่อผู้รับมอบฉันทะยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาก็เท่ากับยังไม่ได้ทำการตามที่รับมอบมา ใบมอบฉันทะจึงหาหมดอายุไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีการค้าข้าว: รายได้จากการตกลงซื้อขายถือเป็นรายได้ของสำนักงานกลาง
ระบบการเก็บภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรให้เรียกเก้ปตามรายรับของประเภทการค้าเป็นสำคัญ และต้องเรียกเก็บเป็นเปอร์เซ็นต์จากรายรับของสถานการค้าด้วย
การที่โจทก์ประกอบการค้าข้าวโดยให้สำนักงานกลางในเขตเทศบาลเป็นผู้ตกลงขายและรับเงินราคาข้าวส่วนข้าวไปเอาที่ฉางนอกเขตเทศบาลนั้น ต้องจัดเป็นรายรับของสำนักงานกลางอันโจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเพิ่มเพื่อเทศบาล ฉะนั้น ที่โจทก์แยกยื่นบัญชีขอชำระภาษีการค้าว่าเป็นรายรับของโรงสีหรือฉางข้าวอื่นๆ จึงไม่ถูกต้อง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 30/2503)
การที่โจทก์ประกอบการค้าข้าวโดยให้สำนักงานกลางในเขตเทศบาลเป็นผู้ตกลงขายและรับเงินราคาข้าวส่วนข้าวไปเอาที่ฉางนอกเขตเทศบาลนั้น ต้องจัดเป็นรายรับของสำนักงานกลางอันโจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเพิ่มเพื่อเทศบาล ฉะนั้น ที่โจทก์แยกยื่นบัญชีขอชำระภาษีการค้าว่าเป็นรายรับของโรงสีหรือฉางข้าวอื่นๆ จึงไม่ถูกต้อง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 30/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเก็บภาษีการค้า: รายได้จากสำนักงานกลางต้องรวมเป็นรายรับเพื่อเสียภาษี
ระบบการเก็บภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร ให้เรียกเก็บตามรายรับของประเภทการค้าเป็นสำคัญและต้องเรียกเก็บเป็นเปอรเซนต์จากรายรับของสถานการค้าด้วย
การที่โจทก์ประกอบการค้าข้าว ให้สำนักงานกลางในเขตเทศบาลเป็นผู้ตกลงขายและรับเงินราคาข้าว ส่วนข้าวไปเอาที่ฉางนอกเขตเทศบาลนั้นต้องจัดเป็นรายรับของสำนักงานกลางอันโจทก์มีหน้าที่เสียภาษีเพิ่มเพื่อเทศบาล ฉะนั้น ที่โจทก์แยกยื่นบัญชีขอชำระภาษีการค้าว่าเป็นรายรับของโรงสีหรือฉางข้าวอื่นๆ นั้นจึงไม่ถูกต้อง และไม่เป็นเหตุให้โจทก์ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มเพื่อเทศบาล
การที่โจทก์ประกอบการค้าข้าว ให้สำนักงานกลางในเขตเทศบาลเป็นผู้ตกลงขายและรับเงินราคาข้าว ส่วนข้าวไปเอาที่ฉางนอกเขตเทศบาลนั้นต้องจัดเป็นรายรับของสำนักงานกลางอันโจทก์มีหน้าที่เสียภาษีเพิ่มเพื่อเทศบาล ฉะนั้น ที่โจทก์แยกยื่นบัญชีขอชำระภาษีการค้าว่าเป็นรายรับของโรงสีหรือฉางข้าวอื่นๆ นั้นจึงไม่ถูกต้อง และไม่เป็นเหตุให้โจทก์ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มเพื่อเทศบาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฝากเงินแล้วนำไปใช้จ่าย ไม่เป็นความผิดอาญาฐานยักยอกทรัพย์ แต่เป็นเรื่องทางแพ่ง
ฝากเงินให้ช่วยเก็บรักษาไว้ ต่อมานานปีเศษขอเงินคืนแต่ผู้รับฝากคืนให้ไม่ได้โดยอ้างว่า ตัวเองและสามีได้เอาไปใช้จ่ายเสียหมดแล้วดังนี้ เป็นเรื่องที่จะว่ากล่าวกันทางแพ่ง ไม่เป็นผิดอาญาฐานยักยอกทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฝากเงินและเจตนาทุจริต: ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกหากผู้รับฝากนำไปใช้จ่าย
ฝากเงินให้ช่วยเก็บรักษาไว้ ต่อมานานปีเศษขอเงินคืน แต่ผู้รับฝากคืนให้ไม่ได้โดยอ้างว่า ตัวเองและสามีได้เอาไปใช้จ่ายเสียหมดแล้ว ดังนี้ เป็นเรื่องที่จะว่ากล่าวกันทางแพ่ง ไม่เป็นผิดอาญาฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาที่บรรยายทั้งฐานลักทรัพย์และรับของโจร ศาลฎีกาเห็นว่าไม่เคลือบคลุม หากได้ใจความว่าโจทก์ไม่แน่ใจฐานความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องตอนต้นว่า จำเลยลักทรัพย์ ในตอนต่อมาบรรยายว่าจับทรัพย์ได้ที่จำเลย จำเลยจึงลักทรัพย์หรือรับของโจร ทรัพย์รายเดียวกันดังนี้ เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2504)