คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สำราญ ศิริพันธ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 290 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล แม้ไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์หรือการร้องทุกข์ ก็ดำเนินคดีได้หากเป็นการประทุษร้าย
จำเลยกระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล ซึ่งเป็นความผิดอันไม่อาจยอมความได้นั้น แม้ไม่มีการร้องทุกข์ เจ้าพนักงานก็ดำเนินคดีแก่จำเลยได้
จำเลยจับนมผู้เสียหายในรถประจำทางซึ่งมีคนโดยสารแน่นนั้น เป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล แม้มิได้มีพยานรู้เห็นการกระทำของจำเลยมาเบิกความในชั้นศาล
การที่จำเลยจับนมผู้เสียหายโดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้อนุญาตยินยอมนั้น เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 278 แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1260/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้มัสยิด แม้มัสยิดยังไม่ได้เป็นนิติบุคคลเมื่อยกให้ แต่เมื่อเป็นนิติบุคคลแล้ว ย่อมมีสิทธิเรียกร้องกรรมสิทธิ์คืน
การยกที่ดินให้มัสยิดโจทก์ขณะยังไม่มีสภาพเป็นนิติบุคคลจะสมบูรณ์หรือไม่ก็ตามหากต่อมามัสยิดโจทก์มีสภาพเป็นนิติบุคคลขึ้น และมีความประสงค์ให้จำเลยซึ่งมีฐานะเป็นเพียงผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นแทนมัสยิดส่งมอบที่ดินคืนจำเลยย่อมหมดหน้าที่ที่จะยึดถือที่ดินไว้แทนมัสยิดโจทก์อีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำมั่นสัญญาเช่าต่ออายุต้องแสดงเจตนาภายในกำหนดสัญญาเช่า มิฉะนั้นสัญญาย่อมไม่ผูกพัน
คำมั่นที่ผู้ให้เช่าตกลงว่า เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดแล้วยินยอมจะให้ต่ออายุสัญญาเช่าต่อไปอีกได้นั้น ผู้เช่าต้องแสดงความจำนงขอปฏิบัติตามคำมั่นเสียก่อนครบกำหนดอายุสัญญาเช่า มิฉะนั้น หามีผลที่จะบังคับกันได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1170/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำมั่นสัญญาต่ออายุสัญญาเช่าต้องแสดงเจตนาภายในกำหนด หากพ้นกำหนดสัญญาเช่าแล้ว สิทธิเรียกร้องตามคำมั่นนั้นเป็นอันสิ้นไป
คำมั่นที่ผู้ให้เช่าตกลงว่า เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดแล้ว ยินยอมจะให้ต่ออายุสัญญาเช่าต่อไปอีกได้นั้น ผู้เช่าต้องแสดงความจำนงขอปฎิบัติตามคำมั่นเสียก่อน ครบกำหนดอายุสัญญาเช่า มิฉะนั้น หามีผลที่จะบังคับกันได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้เลี้ยงสัตว์ปล่อยปละละเลย ทำให้สัตว์เข้าทำลายทรัพย์สินผู้อื่น
โคเป็นของจำเลยและพ่อตารวมกัน จำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูรักษาแต่ผู้เดียว โดยเวลาเช้าจำเลยก็เปิดคอกปล่อยโคให้ออกหากินโดยลำพัง ไม่มีคนคอยควบคุมเลี้ยงดูรักษา ตกเวลาเย็นจำเลยจึงไปไล่กลับมาเข้าคอก ดังนี้ต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ควบคุมสัตว์ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 395 แล้ว การที่จำเลยไม่ควบคุมปล่อยปละละเลยให้โคเข้าไปกัดกินพืชพันธุ์ในไร่ของผู้เสียหายปลูกไว้จึงมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1137/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของผู้เลี้ยงสัตว์ ปล่อยปละละเลยให้สัตว์ทำลายทรัพย์สินผู้อื่น
โคเป็นของจำเลยและพ่อตารวมกัน จำเลยเป็นผู้เลี้ยงดูรักษาแต่ผู้เดียว โดยเวลาเช้าจำเลยก็เปิดคอกปล่อยโคให้ออกหากินโดยลำพัง ไม่มีคนคอยควบคุมเลี้ยงดูรักษา ตกเวลาเย็นจำเลยจึงไปไล่กลับมาเข้าคอก ดังนี้ต้องถือว่าจำเลยเป็นผู้ควบคุมสัตว์ตามความหมายแพ่ง ประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 395แล้ว การที่จำเลยไม่ควบคุมปล่อยปละละเลยให้โคเข้าไปกัดกินพืชพันธุ์ในไร่ของผู้เสียหายปลูกไว้ จึงมีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1122/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเล่นบิลเลียดเพื่อรื่นเริงในสมาคม แม้ผู้เล่นไม่ใช่สมาชิกก็ไม่ผิด หากสมาคมเก็บค่าเกมพอสมควร
แม้ผู้เล่นพนันบิลเลียดเพื่อความรื่นเริงในสมาคม โดยสมาคมเก็บค่าเกมพอสมควรจะมิใช่สมาชิกของสมาคมก็ตาม ผู้เล่นก็ไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการวินิจฉัยข้อเท็จจริงในชั้นอุทธรณ์และฎีกา: เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัย ศาลฎีกาไม่สามารถวินิจฉัยได้
คดีไม่มีทุนทรัพย์(คดีฟ้องขับไล่)ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น แม้จะไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ศาลฎีกาก็รับพิจารณาข้อเท็จจริงที่ได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์เท่านั้น
ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงให้เพราะต้องห้ามอุทธรณ์ต้องถือว่าข้อเท็จจริงนั้นมิได้ว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้คดีจะฎีกาข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกาก็ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงนี้ให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1117/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยเนื่องจากต้องห้าม
คดีไม่มีทุนทรัพย์ (คดีฟ้องขับไล่) ที่ต้องห้ามอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริงนั้น แม้จะไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ศาลฎีกาก็รับพิจารณาข้อเท็จจริงที่ได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์เท่านั้น
ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงให้เพราะต้องห้ามอุทธรณ์ ต้องถือว่าข้อเท็จจริงนั้นมิได้ว่ากันมาในศาลอุทธรณ์ แม้คดีจะฎีกาข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกาก็ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงนี้ให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกานอกประเด็น: การเปลี่ยนแปลงฐานแห่งคดีหลังศาลวินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องคดีตั้งประเด็นว่า โจทก์เป็นผู้รับมรดกทรัพย์พิพาทจากบิดามารดา โจทก์มอบให้บิดาปกครองแทน บิดาโอนให้จำเลย จึงถือว่าบิดาและจำเลยปกครองแทนโจทก์ เมื่อบิดาตาย จำเลยไม่ส่งทรัพย์พิพาทคืน จึงฟ้องเรียกจากจำเลย ดังนี้ เมื่อศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าทรัพย์พิพาทเป็นของบิดา บิดายกให้จำเลยแล้ว โจทก์จะฎีกาว่าโจทก์ฟ้องเรียกมรดกของบิดาจากจำเลยด้วย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เป็นฎีกานอกประเด็น โดยโจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาแต่ต้นว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของบิดาโจทก์ และโจทก์เป็นผู้รับมรดกของบิดาแต่อย่างใด
of 29