พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการลดโทษผู้กระทำผิดในฐานะเยาวชน
การวินิจฉัยว่า จำเลยผู้มีอายุ 19 ปี จะควรได้รับความปราณีฐานยังเป็นเด็กนั้น ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลเมื่อศาลเห็นไม่ควรลดโทษให้จำเลย ก็ไม่นำ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา(ฉบับที่ 14) พ.ศ.2494 มาใช้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทกฎหมายอาญาใหม่ให้เป็นคุณแก่จำเลย แม้กฎหมายมีผลบังคับใช้หลังการกระทำผิด
พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา (ฉบับที่14) พ.ศ.2494 มาตรา 7 ที่ว่า "ผู้ใดอายุกว่าสิบเจ็ดขวบแต่ยังไม่เกินยี่สิบขวบกระทำการอันกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดถ้าศาลเห็นสมควรจะลดมาตราส่วนโทษที่กำหนด ไว้สำหรับความผิดนั้นลง 1 ใน 3 หรือกึ่งหนึ่งก็ได้" แม้ พระราชบัญญัตินี้จะประกาศใช้ภายหลังการกระทำผิดของจำเลยก็ดี แต่ถ้าคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล. ศาลนั้นก็มีอำนาจที่จะยก พระราชบัญญัตินี้ขึ้นปรับบทให้เป็นคุณแก่จำเลยได้ตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 8
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1446/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลดโทษผู้กระทำผิดอายุไม่เกิน 20 ปี ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.ลักษณะอาญา (ฉบับที่ 14) แม้ประกาศใช้หลังเกิดเหตุ
พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.ลักษณะอาญา (ฉะบับที่ 14) พ.ศ.2494 มาตรา 7 ที่ว่า " ผู้ใดอายุกว่าสิบเจ็ดขวบแต่ยังไม่เกินยี่สิบขวบกระทำการอันกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด ถ้าศาลเห็นสมควรจะลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ลง 1 ใน 3 หรือกึ่งหนึ่งก็ได้ " แม้ พ.ร.บ.นี้จะประกาศใช้ภายหลังการกระทำผิดของจำเลยก็ดี แต่ถ้าคดียังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล ศาลนั้นก็มีอำนาจที่จะยก พ.ร.บ.นี้ขึ้นปรับบทให้เป็นคุณแก่จำเลยได้ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 8
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับอายุผู้กระทำผิดในคดีอาญา: เกณฑ์อายุ 16 ปีบริบูรณ์ตามฎีกา 1738/2492
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าจำเลยเป็นเด็กอายุยังไม่เต็ม 16 ปีบริบูรณ์
โจทก์ฎีกาว่า ศาลล่างทั้งสองใช้วิธีนับอายุจำเลยยังไม่ถูก ต้องนำมาตรา 16 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้จึงจะถูก ดังนี้ถือว่า โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างว่าจำเลยมีอายุยังไม่เต็ม 16 ปี
การที่จะลงโทษจำเลยในคดีอาญา ซึ่งมีอายุ 16 ปีศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานมาแล้วว่า ต้องนับอายุ16 ปีบริบูรณ์ตามนัยฎีกาที่ 1738/2492 จะนับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 16 หาได้ไม่
โจทก์ฎีกาว่า ศาลล่างทั้งสองใช้วิธีนับอายุจำเลยยังไม่ถูก ต้องนำมาตรา 16 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้จึงจะถูก ดังนี้ถือว่า โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างว่าจำเลยมีอายุยังไม่เต็ม 16 ปี
การที่จะลงโทษจำเลยในคดีอาญา ซึ่งมีอายุ 16 ปีศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานมาแล้วว่า ต้องนับอายุ16 ปีบริบูรณ์ตามนัยฎีกาที่ 1738/2492 จะนับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 16 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1097/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุเด็กในคดีอาญา: การนับอายุ 16 ปีบริบูรณ์ตามกฎหมายลักษณะอาญา
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาว่าจำเลยเป็นเด็กอายุยังไม่เต็ม 16 ปีบริบูรณ์
โจทก์ฎีกาว่า ศาลล่างทั้งสองใช้วิธีนับอายุจำเลยยังไม่ถูก ต้องนำมาตรา 16 แห่งป.ม.แพ่งฯ มาใช้จึงจะถูก ดังนี้ถือว่าโจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างจำเลยมีอายุไม่เต็ม 16 ปี
การที่จะลงโทษจำเลยในคดีอาญาซึ่งมีอายุ 16 ปี ศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานมาแล้วว่า ต้องนับอายุ 16 ปีบริบูรณ์ตามนัยฎีกาที่ 1738/2492 จะนับตามป.ม.แพ่งฯมาตรา 16 หาได้ไม่
โจทก์ฎีกาว่า ศาลล่างทั้งสองใช้วิธีนับอายุจำเลยยังไม่ถูก ต้องนำมาตรา 16 แห่งป.ม.แพ่งฯ มาใช้จึงจะถูก ดังนี้ถือว่าโจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างจำเลยมีอายุไม่เต็ม 16 ปี
การที่จะลงโทษจำเลยในคดีอาญาซึ่งมีอายุ 16 ปี ศาลฎีกาได้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานมาแล้วว่า ต้องนับอายุ 16 ปีบริบูรณ์ตามนัยฎีกาที่ 1738/2492 จะนับตามป.ม.แพ่งฯมาตรา 16 หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1872/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบและการบังคับตามสัญญาทัณฑ์บล: ศาลไม่เพิ่มโทษหากประกันทัณฑ์บลไม่ใช่การลงโทษ และการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสัญญาทัณฑ์บลต้องทำในคดีก่อน
จำเลยได้กระทำผิด และศาลได้เรียกประกันทัณฑ์บลจากผู้ปกครองจำเลย ต่อมาจำเลยได้กระทำความผิดขึ้นอีกภายในกำหนดทัณฑ์บลนั้น ศาลจะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบแก่จำเลยในคดีครั้งหลังไม่ได้ เพราะการที่ศาลเรียกประกันทัณฑ์บลจากผู้ปกครองของจำเลยในคดีก่อน หาใช่เป็นการลงโทษจำเลยไม่ ส่วนการที่ขอให้ปรับผู้ปกครองฐานผิดสัญญาทัณฑ์บลนั้นก็เป็นเรื่องที่โจทก์ควรขอในคดีก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1872/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทัณฑ์บนไม่ใช่การลงโทษ เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบไม่ได้ และการผิดสัญญาทัณฑ์บนต้องฟ้องในคดีก่อน
จำเลยได้กระทำผิดและศาลได้เรียกประกันทัณฑ์บนจากผู้ปกครองจำเลย ต่อมาจำเลยได้กระทำความผิดขึ้นอีกภายในกำหนดทัณฑ์บนนั้น ศาลจะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบแก่จำเลยในคดีครั้งหลังไม่ได้ เพราะการที่ศาลเรียกประกันทัณฑ์บนจากผู้ปกครองของจำเลยในคดีก่อน หาใช่เป็นการลงโทษจำเลยไม่ ส่วนการที่ขอให้ปรับผู้ปกครองฐานผิดสัญญาทัณฑ์บนนั้นก็เป็นเรื่องที่โจทก์ควรขอในคคีก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1761/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร: แยกปรับหรือรวมปรับ, เหตุลดเพิ่มโทษ, และกรรมเดียวกัน
ความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร มาตรา 27 ศาลจะแยกปรับจำเลยเป็นรายตัวหรือปรับจำเลยรวมกันก็ได้เมื่อรวมกันเป็น4 เท่าราคา ของรวมค่าอากรด้วย
ในกรณีที่ลงโทษตามพ.ร.บ.ศุลกากร เมื่อมีเหตุลดหรือเพิ่มโทษจำเลยไม่เหมือนกัน ศาลต้องปรับแยกกัน
การกระทำผิดฐานช่วยเหลือให้ทำการค้ายาสูบตามพ.ร.บ.ศุลกากรกับมียาสูบในครอบครองโดยไม่ปิดแสตมป์เป็นกรรมเดียวกันต้องลงโทษตามพ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งเป็นบทหนัก
ในกรณีที่ลงโทษตามพ.ร.บ.ศุลกากร เมื่อมีเหตุลดหรือเพิ่มโทษจำเลยไม่เหมือนกัน ศาลต้องปรับแยกกัน
การกระทำผิดฐานช่วยเหลือให้ทำการค้ายาสูบตามพ.ร.บ.ศุลกากรกับมียาสูบในครอบครองโดยไม่ปิดแสตมป์เป็นกรรมเดียวกันต้องลงโทษตามพ.ร.บ.ศุลกากร ซึ่งเป็นบทหนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุจำเลยไม่ชัดเจน: ศาลวินิจฉัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย
ฟ้องโจทก์ที่ระบุว่าจำเลยอายุ 16 ปี มิได้ระบุว่า16 ปีบริบูรณ์ จึงเข้าได้เป็น 2 นัยควรวินิจฉัยให้เป็นผลดีแก่จำเลย