คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 61

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 180 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจรองผู้อำนวยการรักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การป่าไม้ในการแต่งตั้งทนายความฟ้องคดี
ตามบทบัญญัติในมาตรา 21 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ พ.ศ. 2499 นั้น เมื่อผู้อำนวยการไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งรองผู้อำนวยการก็เป็นผู้รักษาการแทนทันทีโดยไม่ต้องแต่งตั้ง มิใช่หมายถึงกรณีที่ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้จริง ๆ หรือในกรณีที่มีเหตุอันเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติอย่างแท้จริงดังนั้น เมื่อผู้อำนวยการไม่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานเนื่องจากไปพบรัฐมนตรีเจ้าสังกัดที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองผู้อำนวยการจึงมีอำนาจลงชื่อแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทนายความที่รับราชการ: การใช้ใบอนุญาตว่าความหลังเข้ารับราชการ
ป. ทนายจำเลยจดทะเบียนเป็นทนายความมาก่อน ต่อมาจึงเข้ารับราชการ ป. จึงมีสิทธิใช้ใบอนุญาตว่าความที่ได้รับไว้จากเนติบัณฑิตยสภาก่อนการเข้าเป็นข้าราชการได้ต่อไปจนกว่าใบอนุญาตนั้นจะสิ้นอายุ ตามพระราชบัญญัติทนายความ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2514 มาตรา 13 เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในขณะที่ ป. เข้าทำหน้าที่เป็นทนายความให้จำเลย ใบอนุญาตว่าความของ ป. ได้สิ้นอายุแล้ว ป.จึงมีสิทธิดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทนายความผู้รับราชการ: การใช้ใบอนุญาตเดิมก่อนเข้าทำงานราชการยังคงมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย
ป. ทนายจำเลยจดทะเบียนเป็นทนายความมาก่อน ต่อมาจึงเข้ารับราชการป. จึงมีสิทธิใช้ใบอนุญาตว่าความที่ได้รับไว้จากเนติบัณฑิตยสภาก่อนการเข้าเป็นข้าราชการได้ต่อไปจนกว่าใบอนุญาตนั้นจะสิ้นอายุ ตามพระราชบัญญัติทนายความ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2514 มาตรา 13 เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าในขณะที่ ป. เข้าทำหน้าที่เป็นทนายความให้จำเลย ใบอนุญาตว่าความของ ป. ได้สิ้นอายุแล้ว ป.จึงมีสิทธิดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยได้โดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3744/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายความผูกพันกับคำฟ้อง ชื่อจำเลยในใบแต่งทนายไม่ตรงไม่กระทบ
คำฟ้องเป็นหลักในการพิจารณาพิพากษาคดี ส่วนใบแต่งทนายเป็นเครื่องแสดงว่าทนายความมีอำนาจดำเนินคดีแทนตัวความ เมื่อคำฟ้องระบุชื่อจำเลยไว้ถูกต้อง แม้ในใบแต่งทนายพิมพ์ชื่อจำเลยผิดไป ก็ไม่ทำให้อำนาจการดำเนินคดีของทนายโจทก์ที่มีต่อจำเลยเสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย: การดำเนินคดีโดยผู้ไม่มีอำนาจส่งผลให้กระบวนการพิจารณาเป็นโมฆะ
เมื่อศาลชั้นต้นส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยเพื่อทำคำให้การแก้คดีแล้ว จำเลยโดย ป. ผู้รับมอบอำนาจได้แต่งตั้งให้ ส.เป็นทนายความของจำเลย ส. ยื่นคำให้การของจำเลยและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยต่อมาจนเสร็จคดีแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้มอบอำนาจให้ ป. ดำเนินคดีแทนดังนั้น การที่ บ. เข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยก็ดี แต่งตั้งให้ ส. เป็นทนายจำเลยก็ดี และการที่ ส.ดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยต่อมาจนเสร็จคดีก็ดี จึงเป็นการกระทำของบุคคลภายนอกที่ไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาแทน จำเลย การดำเนินกระบวนพิจารณาของบุคคลดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ผูกพันจำเลย
กรณีดังกล่าวข้างต้นเป็นเรื่องที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง เมื่อความปรากฏแก่ศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยและให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบนั้นได้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดถูกฟ้องให้รับผิดร่วมกันอันเป็นหนี้ร่วม ก็สมควรให้ยกคำพิพากษาของศาลล่างตลอดไปถึงจำเลยอื่นด้วย (วรรคสองอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 345/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1980/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายส่งผลให้กระบวนพิจารณาคดีเป็นโมฆะ
เมื่อศาลชั้นต้นส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยเพื่อทำคำให้การแก้คดีแล้ว จำเลยโดย ป. ผู้รับมอบอำนาจได้แต่งตั้งให้ ส. เป็นทนายความของจำเลย ส. ยื่นคำให้การของจำเลยและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยต่อมาจนเสร็จคดี แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้มอบอำนาจให้ บ. ดำเนินคดีแทน ดังนั้นการที่ บ. เข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลยก็ดี แต่งตั้งให้ ส.เป็นทนายจำเลยก็ดี และการที่ ส. ดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลยต่อมาจนเสร็จคดีก็ดี จึงเป็นการกระทำของบุคคลภายนอกที่ไม่มีอำนาจดำเนินกระบวนพิจารณาแทน จำเลย การดำเนินกระบวนพิจารณาของบุคคลดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ผูกพันจำเลย
กรณีดังกล่าวข้างต้นเป็นเรื่องที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง เมื่อความปรากฏแก่ศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกปัญหานี้ขึ้นวินิจฉัยและให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบนั้นได้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยทั้งหมดถูกฟ้องให้รับผิดร่วมกันอันเป็นหนี้ร่วม ก็สมควรให้ยกคำพิพากษาของศาลล่างตลอดไปถึงจำเลยอื่นด้วย
(วรรคสองอ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 345/2520)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำฟ้อง: สัญญาจ้างทำของ แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องร้องได้ ผู้ชำระบัญชีมีอำนาจดำเนินคดีแทน
แม้โจทก์จะตั้งข้อหาในฟ้องว่า ซื้อขาย เช็ค แต่คำฟ้องของโจทก์ที่แท้จริงอยู่ที่คำบรรยายฟ้องเมื่อโจทก์บรรยายฟ้องมาเป็นเรื่องจ้างทำของก็ต้องถือว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องสัญญาจ้างทำของ เช็คที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเป็นเพียงการอ้างถึงหลักฐานแห่งการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของจำเลยที่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระเท่านั้น
สัญญาจ้างทำของกฎหมายมิได้บังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือจึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ดังนั้น แม้โจทก์จะมิได้แนบสัญญาจ้างทำของหรือบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับเช็คมาในฟ้อง หรือบรรยายรายละเอียดว่าจำเลยสั่งให้โจทก์ทำตั้งแต่วันใด กี่คราวบ้าง ก็เป็นเรื่องรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่
ขณะโจทก์ยื่นฟ้องโจทก์ยังมีสภาพเป็นนิติบุคคลอยู่โดยมีช.เป็นผู้จัดการเมื่อจดทะเบียนเลิกห้างแล้วช. เป็นผู้ชำระบัญชีของโจทก์ต่อมาช. จึงมีฐานะเป็นผู้แทนของโจทก์เพื่อชำระสะสางการงานของห้างโจทก์ให้เสร็จไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249,1250 และ 1252 โดยผู้ชำระบัญชีไม่จำต้องแต่งทนายความให้มาดำเนินคดีใหม่หรือยื่นคำร้องต่อศาลขอเข้าดำเนินคดีแทนห้างโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำฟ้อง: แม้ฟ้องระบุซื้อขายเช็ค แต่หากเนื้อหาเป็นจ้างทำของ ศาลถือเป็นคดีจ้างทำของได้ และการฟ้องดำเนินคดีหลังเลิกห้าง
แม้โจทก์จะตั้งข้อหาในฟ้องว่า ซื้อขาย เช็ค แต่คำฟ้องของโจทก์ที่แท้จริงอยู่ที่คำบรรยายฟ้อง เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องมาเป็นเรื่องจ้างทำของ ก็ต้องถือว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องสัญญาจ้างทำของ เช็คที่โจทก์อ้างมาในฟ้องเป็นเพียงการอ้างถึงหลักฐานแห่งการชำระหนี้ส่วนหนึ่งของจำเลยที่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระเท่านั้น
สัญญาจ้างทำของกฎหมายมิได้บังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือจึงจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้ ดังนั้น แม้โจทก์จะมิได้แนบสัญญาจ้างทำของหรือบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับเช็คมาในฟ้อง หรือบรรยายรายละเอียดว่าจำเลยสั่งให้โจทก์ทำตั้งแต่วันใด กี่คราวบ้าง ก็เป็นเรื่องรายละเอียดที่จะนำสืบในชั้นพิจารณา ฟ้องโจทก์จึงหาเคลือบคลุมไม่
ขณะโจทก์ยื่นฟ้องโจทก์ยังมีสภาพเป็นนิติบุคคลอยู่โดยมี ช. เป็นผู้จัดการ เมื่อจดทะเบียนเลิกห้างแล้ว ช. เป็นผู้ชำระบัญชีของโจทก์ต่อมาช. จึงมีฐานะเป็นผู้แทนของโจทก์เพื่อชำระสะสางการงานของห้างโจทก์ให้เสร็จไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249,1250 และ 1252 โดยผู้ชำระบัญชีไม่จำต้องแต่งทนายความให้มาดำเนินคดีใหม่หรือยื่นคำร้องต่อศาลขอเข้าดำเนินคดีแทนห้างโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของคำฟ้อง, การรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย, และค่าทนายความ
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์เนื่องจากถูกไฟไหม้ ซึ่งโจทก์บรรยายฟ้องมาชัดแจ้งแล้วว่าผู้เอาประกันภัยจะเป็นผู้เผารถเองหรือใครเผาก็ตาม จำเลยก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย คำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่กล่าวถึงผู้เผารถมาเช่นนี้เป็นการเพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วว่าจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ดังฟ้องหรือไม่ มิได้ทำให้จำเลยหลงต่อสู้แต่ประการใด และเมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้ว เห็นได้ว่าเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์เนื่องจากถูกไฟไหม้ จำเลยต่อสู้คดีว่าผู้เอาประกันภัยเป็นผู้เผารถยนต์คันที่เอาประกันภัยเอง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ดังนี้ หน้าที่นำสืบในข้อนี้ตกแก่จำเลย
ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติห้ามว่า เมื่อทนายความได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีใดแล้ว จะทำหน้าที่เป็นทนายความในคดีนั้นอีกไม่ได้ดังนั้น เมื่อโจทก์มอบอำนาจให้ทนายความเป็นผู้ฟ้องคดีแทน และแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เป็นทนายความของตนอีกฐานะหนึ่งด้วย ศาลก็ย่อมพิพากษาให้จำเลยผู้แพ้คดีใช้ค่าทนายความแทนโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ระบุผู้เผารถยนต์ไม่ชัดเจน ศาลรับฟังได้หากจำเลยเข้าใจข้อหาชัดเจน
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์เนื่องจากถูกไฟไหม้ ซึ่ง โจทก์บรรยายฟ้องมาชัดแจ้งแล้วว่าผู้เอาประกันภัยจะเป็นผู้เผารถเองหรือใครเผาก็ตาม จำเลยก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย คำบรรยายฟ้องของโจทก์ที่กล่าวถึงผู้เผารถมาเช่นนี้เป็นการเพียงพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วว่าจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ดังฟ้องหรือไม่ มิได้ทำให้จำเลยหลงต่อสู้แต่ประการใด และเมื่ออ่านคำฟ้องโดยตลอดแล้ว เห็นได้ว่าเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 คำฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อรถยนต์เนื่องจากถูกไฟไหม้ จำเลยต่อสู้คดีว่าผู้เอาประกันภัยเป็นผู้เผารถยนต์คันที่เอาประกันภัยเอง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ดังนี้ หน้าที่นำสืบในข้อนี้ตกแก่จำเลย
ไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติห้ามว่า เมื่อทนายความได้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีใดแล้ว จะทำหน้าที่เป็นทนายความในคดีนั้นอีกไม่ได้ ดังนั้น เมื่อโจทก์มอบอำนาจให้ทนายความเป็นผู้ฟ้องคดีแทน และแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เป็นทนายความของตนอีกฐานะหนึ่งด้วย ศาลก็ย่อมพิพากษาให้จำเลยผู้แพ้คดีใช้ค่าทนายความแทนโจทก์ได้
of 18