พบผลลัพธ์ทั้งหมด 70 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1452/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดกโดยตกลงกันแล้ว: สิทธิเรียกร้องส่วนแบ่งใหม่ไม่มีผล
โจทก์จำเลยเป็นทายาทรับมรดกร่วมกันได้ตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกและเข้าครอบครองทรัพย์เป็นส่วนสัดกันไปแล้วนั้น การตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดกเช่นนี้ชอบด้วยมาตรา 1750 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้น ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเรียกร้องเอาส่วนแบ่งใหม่ให้ผิดไปจากที่ได้แบ่งปันกันไปแล้วอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1156/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กฎหมายเก่าบังคับคดีอาญา แม้มีกฎหมายใหม่ยกเลิกแล้ว โดยพิจารณาจากหลักกฎหมายอาญา
ขณะกระทำผิด พระราชบัญญัติอากรการฆ่าสัตว์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2496 ยังใช้บังคับอยู่ แม้ต่อมาชั้นพิจารณาได้ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อ พ.ศ. 2502 ก็ตาม แต่การฆ่าโคกระบือที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายยังคงถือว่าเป็นความผิดอยู่ และไม่มีคุณแก่ผู้กระทำผิด จึงต้องใช้พระราชบัญญัติอากรการฆ่าสัตว์ที่ใช้ขณะกระทำผิดบังคับแก่คดีตามหลักทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญา
ฆ่ากระบือ กฏหมายให้ปรับเรียงตัวสัตว์ที่ฆ่าได้ไม่เกินตัวละ 500 บาท ฉะนั้น เมื่อศาลปรับเรียงตัวจำเลยจึงปรับได้ไม่เกินคนละ 500 บาท
ฆ่ากระบือ กฏหมายให้ปรับเรียงตัวสัตว์ที่ฆ่าได้ไม่เกินตัวละ 500 บาท ฉะนั้น เมื่อศาลปรับเรียงตัวจำเลยจึงปรับได้ไม่เกินคนละ 500 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียว ฟ้องซ้ำ ลักทรัพย์หลายราย ศาลยกฟ้อง
จำเลยเข้าไปในห้องซึ่งมีทรัพย์ของคนหลายคนหลายเจ้าของ แล้วลักเอาทรัพย์ของคนหลายคนนั้นไปในคราวเดียวกัน ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวไม่ใช่แยกเป็นต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ของเจ้าของคนหนึ่งและศาลลงโทษจำเลยไปแล้วโจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์ในคราวเดียวกันนั้นของคนอื่นๆ อีกไม่ได้ ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1104/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์หลายรายการในคราวเดียวกันถือเป็นกรรมเดียว ฟ้องซ้ำสิทธิระงับ
จำเลยเข้าไปในห้องซึ่งมีทรัพย์ของคนหลายคนหลายเจ้าของแล้วลักเอาทรัพย์ของคนหลายคนนั้นไปในคราวเดียวกัน ถือว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวไม่ใช่แยกเป็นต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ของเจ้าของคนหนึ่งและศาลลงโทษจำเลยไปแล้วโจทก์จะกลับมาฟ้องจำเลยฐานลักทรัพย์ในคราวเดียวกันนั้นของคนอื่นๆ อีกไม่ได้ ถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองโดยเจ้าของที่แสดงเจตนาและภริยาให้ความยินยอมโดยปริยาย ทำให้จำนองสมบูรณ์ผูกพันได้ แม้ทรัพย์สินเป็นของภริยาก่อนสมรส
ที่ดินและเรือนเป็นของภริยาก่อนสมรส และได้ทำสัญญาก่อนสมรสว่า สามีจะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ของภริยาก็ตาม แต่เมื่อภริยาปล่อยให้สามีลงชื่อในใบไต่สวนเพื่อขอออกโฉนดว่าเป็นที่ของสามี แล้วสามีเอาไปจำนองผู้อื่นและเอาเงินนั้นมาซื้อรถยนต์ใช้รับส่งคนโดยสารอันเป็นอาชีพของสามีภริยา เป็นเหตุให้ผู้รับจำนองเชื่อโดยสุจริตว่าเป็นที่ของสามี ดังนี้ การจำนองนั้นสมบูรณ์ใช้บังคับได้และผูกพันภริยา
ในกรณีที่ผู้รับจำนองร้องขอรับชำระหนี้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 นั้น เมื่อฝ่ายใดอุทธรณ์หรือฎีกาคำสั่งศาลชั้นต้น ย่อมเป็นการฟ้องคดีต่อศาลอุทธรณ์ศาลฎีกา จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมอย่างคดีธรรมดาและต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และฎีกาตามราคาที่ผู้รับจำนองตั้งพิพาท ไม่ใช่ราคาที่โจทก์นำยึด
ในกรณีที่ผู้รับจำนองร้องขอรับชำระหนี้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 นั้น เมื่อฝ่ายใดอุทธรณ์หรือฎีกาคำสั่งศาลชั้นต้น ย่อมเป็นการฟ้องคดีต่อศาลอุทธรณ์ศาลฎีกา จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมอย่างคดีธรรมดาและต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และฎีกาตามราคาที่ผู้รับจำนองตั้งพิพาท ไม่ใช่ราคาที่โจทก์นำยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองที่ดินโดยเจ้าของที่แท้จริงยินยอม แม้ภริยาทำสัญญาก่อนสมรสกันมิให้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน การจำนองนั้นผูกพันและบังคับใช้ได้
ที่ดินและเรือนเป็นของภริยาก่อนสมรสและได้ทำสัญญาก่อนสมรสว่า สามีจะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์ของภริยาก็ตาม แต่เมื่อภริยาปล่อยให้สามีลงชื่อในใบไต่สวนเพื่อขอออกโฉนดว่าเป็นที่ของสามี แล้วสามีเอาไปจำนองผู้อื่นและเอาเงินนั้นมาซื้อรถยนต์ใช้รับส่งคนโดยสารอันเป็นอาชีพของสามีภริยา เป็นเหตุให้ผู้รับจำนองเชื่อโดยสุจริตว่าเป็นที่ของสามีและผูกพันภริยา ดังนี้ การจำนองนั้นสมบูรณ์ใช้บังคับได้
ในกรณีที่ผู้รับจำนองร้องขอรับชำระหนี้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 นั้น เมื่อฝ่ายใดอุทธรณ์หรือฎีกาคำสั่งศาลชั้นต้น ย่อมเป็นการฟ้องคดีต่อศาลอุทธรณ์ศาลฎีกา จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมอย่างคดีธรรมดา และต้องเสียค่าขึ้นศาลในนั้นอุทธรณ์++ฎีกาตามราคาที่ผู้รับจำนองตั้งพิพาท ไม่ใช่ราคาที่โจทก์นำยึด
ในกรณีที่ผู้รับจำนองร้องขอรับชำระหนี้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 นั้น เมื่อฝ่ายใดอุทธรณ์หรือฎีกาคำสั่งศาลชั้นต้น ย่อมเป็นการฟ้องคดีต่อศาลอุทธรณ์ศาลฎีกา จึงต้องเสียค่าธรรมเนียมอย่างคดีธรรมดา และต้องเสียค่าขึ้นศาลในนั้นอุทธรณ์++ฎีกาตามราคาที่ผู้รับจำนองตั้งพิพาท ไม่ใช่ราคาที่โจทก์นำยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน กรณีบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ การอ้างว่าเป็นที่ทำกินเดิมไม่เป็นเหตุสมควร
ที่สาธารณประโยชน์นั้นไม่จำเป็นที่ทางราชการต้องสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ก็เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามสภาพ
นายอำเภอสั่งให้จำเลยออกจากที่จำเลยรู้อยู่แล้ว++ สาธารณประโยชน์ จำเลยไม่ยอมออกโดยอ้างว่าเป็นที่ของจำเลยนั้น ไม่ใช่เหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368
นายอำเภอสั่งให้จำเลยออกจากที่จำเลยรู้อยู่แล้ว++ สาธารณประโยชน์ จำเลยไม่ยอมออกโดยอ้างว่าเป็นที่ของจำเลยนั้น ไม่ใช่เหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 368
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่สาธารณประโยชน์: การขัดคำสั่งเจ้าพนักงานเมื่อบุกรุกและอ้างสิทธิในที่ดินสาธารณะ
ที่สาธารณประโยชน์นั้น ไม่จำเป็นที่ทางราชการต้องสงวนไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ก็เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามสภาพ
นายอำเภอสั่งให้จำเลยออกจากที่ซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ จำเลยไม่ยอมออกโดยอ้างว่าเป็นที่ของจำเลยนั้น ไม่ใช่เหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
นายอำเภอสั่งให้จำเลยออกจากที่ซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นที่สาธารณประโยชน์ จำเลยไม่ยอมออกโดยอ้างว่าเป็นที่ของจำเลยนั้น ไม่ใช่เหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองหลักเขตที่ดินโดยทนาย ถือเป็นการรับรองของจำเลยเอง ไม่เป็นการจำหน่ายสิทธิ การพิสูจน์อายุรั้วสำคัญต่อรูปคดี
การที่ทนายจำเลยแถลงรับรองหลักเขตติดต่อระหว่างที่ดินโจทก์จำเลยว่ามีอยู่จริงตามสภาพเดิม เท่ากับรับรองว่าเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลยอยู่ตรงไหนถ้าการรังวัดเป็นไปถูกต้อง
โจทก์ฟ้องว่า รั้วของจำเลยล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ขอให้ศาลบังคับให้การว่าแนวรั้วกั้นเขตที่ดินของจำเลยที่ 2 ไม่ได้ล้ำที่ของโจทก์ เป็นรั้วที่มีมาแต่เดิมเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 30 ปี แม้ศาลชั้นต้นไปเดินเผชิญสืบมาแล้วเห็นว่ารั้วของจำเลยรุกล้ำอยู่ในที่ดินของโจทก์จริง แต่ประเด็นในข้อว่ารั้วนั้นได้ปลูกสร้างมาตั้งแต่เมื่อได้ ยังไม่ได้ความซึ่งถ้าสมดังที่จำเลยต่อสู้ รูปคดีอาจเปลี่ยนแปลงไปได้จึงชอบที่จะให้คู่ความนำสืบในประเด็นดังกล่าวให้สิ้นกระแสความ
การที่ทนายจำเลยแถลงรับว่าหลักเขตที่ดินของโจทก์จำเลยตามแผนที่หลังโฉนดมีอยู่จริงและอยู่ในสภาพเดิมนั้น เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามหน้าที่ของทนายความตามปกติหาใช่เป็นการจำหน่ายสิทธิของจำเลยไม่ คำแถลงดังกล่าวของทนายจำเลยย่อมมีผลเท่ากับจำเลยแถลงด้วยตนเอง
โจทก์ฟ้องว่า รั้วของจำเลยล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ ขอให้ศาลบังคับให้การว่าแนวรั้วกั้นเขตที่ดินของจำเลยที่ 2 ไม่ได้ล้ำที่ของโจทก์ เป็นรั้วที่มีมาแต่เดิมเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 30 ปี แม้ศาลชั้นต้นไปเดินเผชิญสืบมาแล้วเห็นว่ารั้วของจำเลยรุกล้ำอยู่ในที่ดินของโจทก์จริง แต่ประเด็นในข้อว่ารั้วนั้นได้ปลูกสร้างมาตั้งแต่เมื่อได้ ยังไม่ได้ความซึ่งถ้าสมดังที่จำเลยต่อสู้ รูปคดีอาจเปลี่ยนแปลงไปได้จึงชอบที่จะให้คู่ความนำสืบในประเด็นดังกล่าวให้สิ้นกระแสความ
การที่ทนายจำเลยแถลงรับว่าหลักเขตที่ดินของโจทก์จำเลยตามแผนที่หลังโฉนดมีอยู่จริงและอยู่ในสภาพเดิมนั้น เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามหน้าที่ของทนายความตามปกติหาใช่เป็นการจำหน่ายสิทธิของจำเลยไม่ คำแถลงดังกล่าวของทนายจำเลยย่อมมีผลเท่ากับจำเลยแถลงด้วยตนเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยผู้ซื้อทราบถึงการครอบครองบ้านของผู้ขาย การซื้อโดยสุจริตจึงไม่สมบูรณ์
ที่ดินของจำเลยตามโฉนดมีทั้งที่ดินนาและที่บ้านถูกยึดขายทอดตลาดมีผู้ซื้อได้ไป แต่ผู้ซื้อเข้าใจว่าซื้อเฉพาะที่นาเท่านั้น ส่วนที่บ้านจำเลยยังคงครอบครองอยู่อย่างเจ้าของตลอดมาเกิน 10 ปี ผู้ซื้อขายที่ตามโฉนดดังกล่าวต่อไป จนถึงโจทก์เป็นคนสุดท้าย โดยโจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าที่บ้านนั้นจำเลยครอบครองอยู่ตลอดมา เช่นนี้ โจทก์จะอ้างว่าซื้อโดยสุจริตไม่ได้ แม้ที่บ้านพิพาทจะอยู่ในโฉนดที่โจทก์ซื้อจำเลยผู้ได้กรรมสิทธิ์ที่บ้านพิพาทด้วยอำนาจการครอบครอง ก็ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ โจทก์ได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1299 วรรคสอง