คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 1341

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6141/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนกำแพงรุกล้ำและค่าเสียหายจากละเมิด: ปัญหาความเสียหายที่ไม่สามารถคำนวณเป็นราคาได้
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อกำแพงคอนกรีตที่สร้างต่อเติมติดกับบ้านโจทก์ออกและทำให้กลับสู่สภาพเดิม และจากการที่จำเลยทุบคานและฝาผนังภายในบ้านจำเลย ทำให้บ้านโจทก์แตกร้าวเสียหาย ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย85,000 บาท แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 30,000 บาทแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยรื้อกำแพงที่สร้างต่อเติมด้านที่ติดกับบ้านโจทก์ออกและทำรั้วบ้านและฝาผนังบ้านกลับสู่สภาพเดิม ผลเท่ากับพิพากษายืนคำพิพากษาศาลชั้นต้นในกรณีที่จำเลยทำละเมิดโจทก์ ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 30,000 บาท ที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์และค่าเสียหายโจทก์ไม่เกิน 10,000 บาท เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ทุนทรัพย์ที่ฎีกาไม่เกินสองแสนบาท-ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248
คดีมีปัญหาว่า กำแพงที่จำเลยสร้างต่อเติมด้านที่ติดกับบ้านโจทก์บังทิศทางลมที่พัดมาจากทะเลสู่ห้องนอนโจทก์หรือไม่ เป็นปัญหาขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6141/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อกำแพงต่อเติมที่บังทัศนียภาพและทางลม และการชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทำละเมิด
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อกำแพงคอนกรีตที่สร้างต่อเติมติดกับบ้านโจทก์ออกและทำให้กลับสู่สภาพเดิมและจากการที่จำเลยทุบคานและฝาผนังภายในบ้านจำเลยทำให้บ้านโจทก์แตกร้าวเสียหายให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย85,000บาทแก่โจทก์ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย30,000บาทแก่โจทก์คำขออื่นให้ยกโจทก์และจำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยรื้อกำแพงที่สร้างต่อเติมด้านที่ติดกับบ้านพิพากษาออกและทำรั่วบ้านและฝาผนังบ้านกลับสู่สภาพเดิมผลเท่ากับพิพากษายืนคำพิพากษาศาลชั้นต้นในกรณีที่จำเลยทำละเมิดโจทก์ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย30,000บาทที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยมิได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์และค่าเสียหายโจทก์ไม่เกิน10,000บาทเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงทุนทรัพย์ที่ฎีกาไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248 คดีมีปัญหาว่ากำแพงที่จำเลยสร้างต่อเติมด้านที่ติดกับบ้านโจทก์บังทิศทางลมที่พัดมาจากทะเลสู่ห้องนอนโจทก์หรือไม่เป็นปัญหาขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1843/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ประโยชน์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างติดกัน: สิทธิของเจ้าของที่ดินและหน้าที่ในการป้องกันความเสียหาย
ตึกของโจทก์และจำเลยอยู่ห่างกัน 2 เมตร 50 เซนติเมตรช่องว่างระหว่างตึกเป็นที่ดินของจำเลย จำเลยจึงชอบที่จะใช้ประโยชน์ในที่ดินของจำเลยได้ การที่ฝาผนังตึกของโจทก์ชิดกับเขตที่ดินของจำเลยนี้ โจทก์ย่อมคาดหมายได้ว่าฝาผนังตึกของโจทก์ต้องมีสภาพเป็นกำแพงรั้วกั้นเขตที่ดินโจทก์และจำเลย เป็นธรรมดาที่การวางสิ่งของของจำเลยในที่ดินของจำเลยอาจจะไปติดกับฝาผนังตึกของโจทก์ได้ การที่จำเลยใช้ประโยชน์จากฝาผนังตึกนี้โดยไม่ปรากฏว่าทำให้โจทก์เสียหายประการใด จึงไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์
เมื่อฝาผนังตึกของโจทก์สูงกว่าอาคารของจำเลย จึงเป็นธรรมดาที่น้ำฝนจากหลังคาและฝาผนังตึกของโจทก์ย่อมจะไหลลงไปสู่ทรัพย์สินของจำเลย ทำให้ทรัพย์สินของจำเลยเสียหายโจทก์จะต้องจัดการป้องกันหรือแก้ไข แต่โจทก์มิได้จัดการฉะนั้น การที่จำเลยพอกปูนซีเมนต์เชื่อมหลังคาของจำเลยกับผนังตึกของโจทก์จึงเป็นการป้องกันความเสียหายอันจะเกิดขึ้นแก่จำเลย หาใช่จำเลยใช้สิทธิไม่สุจริตมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ประการใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตแดนติดกัน รุกล้ำที่ดิน และความเสียหายจากกันสาด ศาลให้แก้ไขหรือรื้อถอน
โจทก์ฟ้องว่าหลักเขตระหว่างที่ดินของโจทก์กับจำเลยได้เคลื่อนที่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ และจำเลยกั้นรั้วครอบครองตามหลักเขตนั้นไม่ยอมย้ายหลักเขตไปไว้ที่เดิม ทำให้โจทก์รังวัดแบ่งแยกที่ดินของโจทก์ไม่ได้ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยมิได้ล้อมรั้วรุกล้ำที่ดินของโจทก์ แต่โจทก์รุกล้ำขัดขวางไม่ให้จำเลยล้อมรั้วตามเขตที่ดินของจำเลย และโจทก์ได้ปลูกตึกแถวมีกันสาดเข้ามาใกล้ชิดกับที่ดินและรั้วบ้านจำเลย ทำให้จำเลยเดือดร้อนเสียหายเพราะน้ำและสิ่งต่าง ๆ ตกลงมาถูกบ้านและรั้วของจำเลยขอให้โจทก์รื้อกันสาดด้วย เรื่องน้ำฝนตกถูกกันสาดและกระเซ็นลงสู่ที่ดินและบ้าน เรือนของจำเลยนั้นเป็นปัญหาเกี่ยวพันกับที่ดินแปลงที่โจทก์และจำเลยพิพาทเรื่องเขตแดนตามฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยเรื่องกันสาดจึงเกี่ยวกับฟ้องเดิม
ในชั้นพิจารณาคู่ความตกลงท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญไปรังวัดที่ดินว่ามีการรุกล้ำกันหรือไม่เพียงใด ให้ศาลพิพากษาคดีไปตามผลการรังวัดโจทก์จำเลยขอสละข้ออ้างและข้อต่อสู้ในประเด็นอื่น ๆ ทั้งสิ้น และศาลบันทึกไว้ด้วยว่าโจทก์ยอมแก้ไขหรือทำด้วยประการใด ๆ มิให้น้ำจากกันสาดตกหรือกระเด็นเข้าไปในที่ดินหรืออาคารของจำเลยภายใน 1 เดือน ผลการรังวัดปรากฏว่าจำเลยมิได้รุกล้ำที่ดินของโจทก์แต่โจทก์กลับเป็นฝ่ายรุกล้ำที่ดินของจำเลย ส่วนเรื่องน้ำตกจากกันสาดนั้นโจทก์แถลงว่าได้จัดการแก้ไขแล้วแต่น้ำฝนยังตกกระเด็นจากกันสาดลงมายังที่ดิน และบ้านเรือนของจำเลยอยู่อีก คำว่าประเด็นอื่น ๆ ที่คู่ความสละเสียนั้นหมายถึงประเด็นที่คู่ความยังโต้เถียงกันอยู่ส่วนประเด็นเรื่องกันสาดตามที่ศาลบันทึกไว้ในรายงานมีข้อความดังกล่าวนั้นเท่ากับโจทก์ยอมรับว่าโจทก์สร้างกันสาดนั้นเป็นเหตุให้น้ำฝนกระเด็นมาถูกรั้วและบ้านจำเลยเสียหายตามฟ้องแย้ง เรื่องกันสาดจึงมิใช่ประเด็นที่โจทก์จำเลยโต้เถียงกันและอยู่นอกเหนือจากประเด็นที่คู่ความตกลงสละ ประเด็นเรื่องกันสาดจึงมิได้ระงับไปศาลจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้โดยชอบแต่กันสาดนี้อยู่ภายในแดนกรรมสิทธิ์ที่ดิน โจทก์มิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ของจำเลยและตามพยานหลักฐานในสำนวนกรณียังมีทางแก้ไขมิให้น้ำฝนตกกระเซ็นลงสู่พื้นดินบ้านเรือนและรั้วบ้านของจำเลยได้ ศาลพึงพิพากษาให้โจทก์จัดการแก้ไขก่อน หากโจทก์ไม่แก้ไขหรือแก้ไขแล้วไม่เป็นผลจึงจะให้รื้อกันสาดเสีย ไม่ชอบที่จะพิพากษาให้โจทก์รื้อไปทันที

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตแดนติดกัน รุกล้ำที่ดิน ฟ้องแย้งเรื่องกันสาด ศาลให้แก้ไขก่อน หากไม่ได้ผลจึงรื้อได้
โจทก์ฟ้องว่า หลักเขตระหว่างที่ดินของโจทก์กับจำเลยได้เคลื่อนที่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ และจำเลยกั้นรั้วครอบครองตามหลักเขตนั้นไม่ยอมย้ายหลักเขตไปไว้ที่เดิม ทำให้โจทก์รังวัดแบ่งแยกที่ดินของโจทก์ไม่ได้ จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยมิได้ล้อมรั้วรุกล้ำที่ดินของโจทก์แต่โจทก์รุกล้ำขัดขวางไม่ให้จำเลยล้อมรั้วตามเขตที่ดินของจำเลย และโจทก์ได้ปลูกตึกแถวมีกันสาดเข้ามาใกล้ชิดกับที่ดินและรั้วบ้านจำเลยทำให้จำเลยเดือดร้อนเสียหายเพราะน้ำและสิ่งต่างๆ ตกลงมาถูกบ้านและรั้วของจำเลย ขอให้โจทก์รื้อกันสาดด้วย เรื่องน้ำฝนตกถูกกันสาดและกระเซ็นลงสู่ที่ดินและบ้านเรือนของจำเลยนั้นเป็นปัญหาเกี่ยวพันกับที่ดินแปลงที่โจทก์และจำเลยพิพาทเรื่องเขตแดนตามฟ้องเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยเรื่องกันสาดจึงเกี่ยวกับฟ้องเดิม
ในชั้นพิจารณา คู่ความตกลงท้ากันให้ผู้เชี่ยวชาญไปรังวัดที่ดินว่ามีการรุกล้ำกันหรือไม่เพียงใด ให้ศาลพิพากษาคดีไปตามผลการรังวัด โจทก์จำเลยขอสละข้ออ้างและข้อต่อสู้ในประเด็นอื่นๆ ทั้งสิ้น และศาลบันทึกไว้ด้วยว่าโจทก์ยอมแก้ไขหรือทำด้วยประการใดๆ มิให้น้ำจากกันสาดตกหรือกระเด็นเข้าไปในที่ดินหรืออาคารของจำเลยภายใน 1 เดือน ผลการรังวัดปรากฏว่าจำเลยมิได้รุกล้ำที่ดินของโจทก์ แต่โจทก์กลับเป็นฝ่ายรุกล้ำที่ดินของจำเลยส่วนเรื่องน้ำตกจากกันสาดนั้น โจทก์แถลงว่าได้จัดการแก้ไขแล้ว แต่น้ำฝนยังตกกระเด็นจากกันสาดลงมายังที่ดินและบ้านเรือนของจำเลยอยู่อีก คำว่าประเด็นอื่น ๆ ที่คู่ความสละเสียนั้น หมายถึงประเด็นที่คู่ความยังโต้เถียงกันอยู่ ส่วนประเด็นเรื่องกันสาดตามที่ศาลบันทึกไว้ในรายงานมีข้อความดังกล่าวนั้น เท่ากับโจทก์ยอมรับว่าที่โจทก์สร้างกันสาดนั้นเป็นเหตุให้น้ำฝนกระเด็นมาถูกรั้วและบ้านจำเลยเสียหายตามฟ้องแย้งเรื่องกันสาดจึงมิใช่ประเด็นที่โจทก์จำเลยโต้เถียงกัน และอยู่นอกเหนือจากประเด็นที่คู่ความตกลงสละประเด็นเรื่องกันสาดจึงมิได้ระงับไป ศาลจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้โดยชอบ แต่กันสาดนี้อยู่ภายในแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินโจทก์ มิได้รุกล้ำเข้าไปในที่ของจำเลย และตามพยานหลักฐานในสำนวนกรณียังมีทางแก้ไขมิให้น้ำฝนตกกระเซ็นลงสู่พื้นดินบ้านเรือนและรั้วบ้านของจำเลยได้ ศาลพึงพิพากษาให้โจทก์จัดการแก้ไขก่อนหากโจทก์ไม่แก้ไขหรือแก้ไขแล้วไม่เป็นผลจึงจะให้รื้อกันสาดเสีย ไม่ชอบที่จะพิพากษาให้โจทก์รื้อไปทันที

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1882/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินเช่า: การละเมิดต่อผู้เช่าเดิม vs. ผู้เช่าใหม่ และหลักการรอนสิทธิ
เรือนที่จำเลยปลูกสร้างให้ชายคารุกล้ำเข้าไปในที่เช่าของโจทก์ แม้จำเลยจะสร้างขึ้นหลังจากที่โจทก์ได้เช่าที่ดินแล้วก็ตาม เมื่อแนวชายคานั้นไม่เกินระดับแนวรั้วที่รุกล้ำอยู่ก่อนที่โจทก์จะมาเช่าที่แปลงนั้นแล้ว ก็ต้องถือว่าจำเลยไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รื้อถอนชายคานั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินด้วยชายคา: มาตรา 1312 ภารจำยอม vs. มาตรา 1341 การป้องกันการไหลของน้ำ
ปลูกสร้างเรือนในที่ดินของตน ตัวเรือนไม่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น แต่ชายคาได้รุกล้ำเข้าไปโดยสุจริตนั้น ย่อมเป็นการปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1312 ไม่ใช่ มาตรา 1341 เพราะมาตรา 1341 หมายถึง ทำหลังคาหรือการปลูกสร้างอย่างอื่นโดยมิได้รุกล้ำที่ดินของคนอื่น แต่เมื่อฝนกตกน้ำฝนได้ไหลลงไปยังที่ดินหรือทรัพย์สินของผู้อื่นซึ่งอยู่ติดต่อกัน (ประชุมใหญ่ที่ 20/2505)
มาตรา 1312 เป็นบทบัญญัติพิเศษบังคับแก่เจ้าของที่ดิน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของขณะมีการปลูกสร้างหรือเป็นผู้รับโอนในเวลาต่อมา เจ้าของโรงเรือนมีสิทธิขอให้จดทะเบียนสิทธิเป็นภารจำยอมได้โดยไม่ต้องรอจนเกิน 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2005/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้ปลูกสร้างอาคารล้ำหลังคา ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิ และไม่มีอำนาจฟ้องหากไม่เกิดความเสียหาย
การที่ยอมให้ผู้ครอบครองที่ดินใกล้เคียงปลูกอาคาร หลังคาเหลื่อมล้ำคลุมหลังคาเรือนของตนบางส่วนเช่นนี้ ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องขอให้รื้อถอนไป และแม้ผู้ปลูกสร้างอาคารในที่ดินใกล้เคียงจะปลูกผิดเทศบัญญัติก็ดี หากมิได้ละเมิดสิทธิโจทก์ โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง