พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,422 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความต่อเนื่องแห่งการกระทำทางเพศ: อนาจารและพยายามข่มขืนเป็นกรรมเดียว
จำเลยกระทำอนาจารโดยอุ้มผู้เสียหายเข้าไปในป่าแล้วกอดจูบ ผู้เสียหาย หลังจากนั้นได้อุ้มผู้เสียหายต่อ เข้าไปอีกแล้วพยายามกระทำชำเรา ผู้เสียหาย แม้จะมีระยะทางห่างกันถึง 20 เส้นแต่ก็เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันโดย ความมุ่งหมายที่จะกระทำชำเราผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อ กฎหมายหลายบท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2047/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน: ความประมาทในการขับรถ vs. ละเลยไม่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
รถยนต์ชนกันเป็นเหตุให้มีคนตายและได้รับอันตรายสาหัสเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลย การที่จำเลยได้หลบหนีไปทันทีหลังเกิดเหตุโดยไม่ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันทีนั้น เป็นการกระทำหลังจากเกิดเหตุรถยนต์ชนกันแล้ว เป็นกรณีกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีแร่ในครอบครองและขนแร่โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้แร่เป็นของผู้อื่นก็มีความผิดได้
ปัญหาว่า ของกลางเป็นแร่หรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยให้การ รับสารภาพว่าของกลางดังกล่าวเป็นแร่ ฎีกาของจำเลยที่ว่าของกลางมิใช่แร่จึงเป็นฎีกาโต้เถียง ข้อเท็จจริงที่ยุติแล้ว ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2510 มาตรา 4 ให้บทนิยามคำว่า"มีแร่ไว้ในครอบครอง หมายความว่า การซื้อ แร่ การมีไว้ การยึดถือหรือการรับไว้ด้วย ประการใดซึ่ง แร่ ทั้งนี้ ไม่ว่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น" มาตรา 105 บัญญัติว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดมีแร่ครอบครองแต่ ละชนิดเกินสองกิโลกรัม เว้นแต่ (1) ฯลฯ ถึง 12 ฯลฯ" มาตรา 108บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดขนแร่ในที่ใด เว้นแต่ (1) ฯลฯ ถึง 10 ฯลฯ"ดังนี้ การที่จำเลยครอบครองแร่โลหะตะกั่ว โดย ไม่ ชอบ ด้วย กฎหมายแม้ว่าแร่จะเป็นของบุคคลอื่น จำเลยย่อมมีความผิดฐาน มีแร่ไว้ในความครอบครองโดย ไม่ได้รับใบอนุญาตกระทงหนึ่ง และที่จำเลยครอบครองแร่โลหะตะกั่ว ของกลางแล้วขนแร่ไปโดย ไม่มีใบอนุญาตขนแร่ดังกล่าวโดย ฝ่าฝืนมาตรา 108 จำเลยย่อมมีความผิดฐาน ขนแร่โลหะตะกั่วตาม มาตรา 148 อีกกระทงหนึ่ง มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1906/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษกระทงความผิดหลายกรรมในคดีอาญา: ลดโทษแล้วจึงรวมกระทง
จำเลยกระทำผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นโดย ไตร่ตรอง ไว้ก่อนตามป.อ. มาตรา 289(4)80 ฐาน มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง และพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน และทางสาธารณะโดย ไม่ได้รับอนุญาตตามพ.ร.บ. อาวุธปืนฯ มาตรา 772 วรรคสาม 8 ทวิ วรรคแรก 72 ทวิ วรรคสองศาลวางโทษจำคุกตลอด ชีวิต 3 ปี 6 เดือน และ 9 เดือน ตาม ลำดับ จำเลยให้การรับสารภาพต่อ ศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งโทษจำคุกตลอด ชีวิต เปลี่ยนเป็นโทษจำคุก 50 ปี จึง เหลือ 25 ปี ตาม ป.อ.มาตรา 5378 และโทษจำคุกฐาน มีอาวุธปืน ไว้ในความครอบครองและพาอาวุธปืน คงเหลือโทษจำคุก 9 เดือน และ 4 เดือน 15 วัน ตาม ลำดับ รวมกระทงความผิดทั้งหมดเป็นโทษ จำคุก 25 ปี 13 เดือน 15 วัน ดังนี้ แม้ จำเลยต้องโทษสำหรับกระทง ที่ศาลกำหนดโทษจำคุกตลอด ชีวิต แล้ว ก็สามารถนำโทษสำหรับความผิด กระทงอื่นมารวมเข้าอีก เพราะการปรับบทลงโทษจำคุกในคดีนี้ ยังจะต้อง ลดโทษจำคุกในความผิดแต่ ละกระทงเสียก่อนจึงจะนำโทษ จำคุกที่ลดแล้วมารวมกัน ทั้งกรณีมิใช่เป็นการเพิ่มโทษจำเลยแต่ เป็น การเรียงกระทงลงโทษในการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรม ตาม ป.อ. มาตรา 91.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1878/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษกระทงความผิด – ศาลชั้นต้นไม่ได้พิพากษาลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด จำเลยจึงฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลชั้นต้นมิได้กล่าวให้พอเป็นที่เข้าใจว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิด 4 กรรม และให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แม้จะยก ป.อ. มาตรา 91 ซึ่ง เป็นบทบัญญัติให้ศาลลงโทษผู้กระทำผิดทุกกรรมเป็นกระทงความผิดในกรณีที่กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่าง กันขึ้นปรับ ก็ไม่พอถือ ว่า ศาลชั้นต้นได้ พิพากษาลงโทษจำเลยทั้ง 4 กรรมเป็นกระทงความผิดไปแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยกระทงเดียว ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นลงโทษ 4 กระทง เป็นการแก้ไขเล็กน้อย เมื่อศาลอุทธรณ์ ยังคงลงโทษจำคุกแต่ ละกระทงไม่เกินห้าปี จำเลยไม่มีสิทธิฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงประชาชนหลายกรรมต่างกัน จำเลยต้องรับโทษตามจำนวนกรรมที่กระทำ
จำเลยหลอกลวงประชาชนโดย วิธีประกาศโฆษณา ณ ที่หน้าที่ทำการของจำเลยและโดย ทางหนังสือพิมพ์หลายครั้ง มีผู้เสียหายหลายคน มาสมัคร ไปทำงานในต่างประเทศกับจำเลยตาม ที่จำเลยหลอกลวงคนละวันคนละ เวลากัน และจ่ายเงินให้แก่จำเลยไปคนละวันคนละเวลากันการ กระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชนหลายกรรมต่างกัน หาใช่จำเลยมีเจตนามุ่งกระทำต่อ ประชาชนเพียงครั้งเดียว และเป็นความผิดเพียงกรรมเดียวไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงประชาชนเพื่อประโยชน์ทางการเงินถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลยทำการหลอกลวงประชาชนโดยวิธีประกาศโฆษณา ณ ที่หน้าที่ทำการของจำเลย และโดยทางหนังสือพิมพ์หลายครั้ง ทั้งมีผู้เสียหายหลายคนมาสมัครไปทำงานในต่างประเทศกับจำเลยตามที่จำเลยหลอกลวงคนละวันคนละเวลากันและจ่ายเงินให้แก่จำเลยไปคนละวันคนละเวลากัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1846/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหลอกลวงประชาชนเพื่อประโยชน์ในการทำงานต่างประเทศถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
จำเลยทำการหลอกลวงประชาชนโดย วิธี ประกาศโฆษณา ณที่หน้าที่ทำการของจำเลย และโดย ทางหนังสือพิมพ์ หลายครั้ง ทั้งมีผู้เสียหายหลายคนมาสมัครไปทำงานในต่างประเทศ กับจำเลยตาม ที่จำเลยหลอกลวงคนละวันคนละเวลากันและจ่ายเงินให้แก่จำเลยไปคนละวันคนละเวลากัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและการพกพา, พยายามปล้นทรัพย์, การริบยานพาหนะ
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดย ไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดมาตั้งแต่ เริ่มครอบครองเป็นกรรมหนึ่ง และเมื่อได้ พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดย ผิดกฎหมายก็เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง จึงเป็นความผิดสองกรรมต่าง กัน จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางไปพยายามปล้นทรัพย์ แต่ ก็เป็นเพียงยานพาหนะไปมา และพาจำเลยที่ 1 ที่ 2กับพวกหลบหนีให้พ้นจากการจับกุมโดย สะดวกและรวดเร็วเท่านั้นรถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ ใช้ ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและพกพา การกระทำความผิดเป็นกรรมต่างกัน และการริบยานพาหนะที่ใช้หลบหนี
การมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตมีความผิดมาตั้งแต่เริ่มครอบครองเป็นกรรมหนึ่ง และเมื่อได้พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยผิดกฎหมายก็เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ต้องลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด การที่จำเลยได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ของกลางไปพยายามปล้นทรัพย์แต่ก็เป็นเพียงยานพาหนะไปมาและพาจำเลยกับพวกหลบหนีให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ.