คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 91

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,422 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4165/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ในเคหสถานและการลักทรัพย์ต่อเนื่อง ศาลพิพากษาลงโทษฐานลักทรัพย์หลายกรรมต่างกันได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยลักบัตรถอนเงินสดของผู้เสียหายในเคหสถาน อันเป็นการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335 (8) วรรคแรก และจำเลยใช้บัตรดังกล่าวเบิกถอนเงินสดผ่านเครื่องฝาก - ถอนเงินอัตโนมัติ อันเป็นการลักทรัพย์ของผู้เสียหายอีกจำนวน 5 ครั้ง ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา 334 และจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำฟ้องว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานตาม ป.อ. มาตรา 335 และลักทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 334 แม้ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์จะขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 335 เพียงมาตราเดียว แต่ความผิดข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถานตามที่โจทก์ฟ้องนั้นรวมการกระทำความผิดข้อหาลักทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง การที่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา 334 ด้วยจึงเป็นการลงโทษจำเลยในการกระทำผิดตามที่พิจารณาได้ความ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย มิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
จำเลยลักบัตรถอนเงินสดไปจากผู้เสียหาย แล้วนำไปลักเงินของผู้เสียหายโดยผ่านเครื่องฝาก - ถอนเงินอัตโนมัติรวมจำนวน 5 ครั้ง ทรัพย์ที่จำเลยลักเป็นคนละประเภทและเป็นความผิดสำเร็จในตัวต่างกรรมต่างวาระ และอาศัยเจตนาแตกต่างแยกจากกันได้จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4009-4010/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าเป็นคนละกรรมต่างกัน ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด
ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ชักชวนผู้เสียหายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปรับประทานข้าวต้มด้วยกัน ระหว่างทางจำเลยที่ 3 จอดรถและรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั่งรถไปด้วยโดยเปลี่ยนให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับ เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์มาจอดในที่เกิดเหตุ และจำเลยที่ 3 วิ่งหนีออกไป จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ร่วมกันรุมชกต่อยผู้เสียหายจนล้มลง ผู้เสียหายแกล้งทำเป็นสลบ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ร่วมกันปลดเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไปได้แล้วจึงช่วยกันจับผู้เสียหายโยนลงไปในคลองโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายเพื่อปกปิดความผิดฐานปล้นทรัพย์ซึ่งสำเร็จเสร็จสิ้นไปก่อนแล้ว มิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายมาแต่แรก การพยายามฆ่าผู้เสียหายเพิ่งเกิดขึ้นภายหลัง จึงเป็นการกระทำอีกกรรมหนึ่งต่างหาก การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นความผิดหลายกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3218/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาต่างกันในการพรากเด็กและกระทำชำเรา ถือเป็นความผิดต่างกรรมกัน
การที่จำเลยพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากมารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจาร และได้กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กหญิงนั้นยินยอม แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการกระทำต่อเนื่องในวันเดียวกัน แต่จำเลยกระทำไปโดยมีเจตนาต่างกันคือ จำเลยมีเจตนาพรากเด็กหญิง อ. ไปเสียจากมารดาเพื่อการอนาจารอันเป็นเจตนาที่กระทำต่อมารดาของเด็กหญิง อ. ส่วนที่จำเลยกระทำต่อเด็กหญิง อ. เป็นเจตนากระทำชำเราอันเป็นเจตนาต่างหากจากเจตนาพราก จึงมิใช่กระทำโดยมีเจตนาเดียวกัน การกระทำของจำเลยในแต่ละวันที่เกิดเหตุตามคำฟ้องจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ การเรียงกระทงความผิด และการพิจารณาความผิดกรรมเดียว
โจทก์บรรยายฟ้องแต่ละกระทงระบุถึงวันเวลาที่จำเลยนำสินค้าของผู้เสียหายแต่ละชนิดไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้าตามราคาที่ระบุไว้รวม 14 ครั้ง และลูกค้าแต่ละรายได้ผ่อนชำระค่าสินค้าให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้ว ต่อมาวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด เดือนมีนาคม 2544 จำเลยได้เบียดบังเงินค่าสินค้าของผู้เสียหายที่ลูกค้าแต่ละรายชำระให้ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยไปตามจำนวนที่กล่าวในฟ้องรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 150,720 บาท เป็นคำฟ้องที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนจำเลยได้รับเงินค่าผ่อนชำระค่าสินค้าแต่ละงวดเป็นจำนวนเท่าใด เป็นรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบในชั้นพิจารณาได้ ทั้งจำเลยย่อมจะทราบดีว่าจำเลยได้รับเงินจากลูกค้าแต่ละงวดเป็นจำนวนเท่าใด เพราะจำเลยเป็นผู้รับชำระจากลูกค้าด้วยตนเองอีกด้วย ฟ้องโจทก์แต่ละกระทงจึงไม่เคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมเรียงกระทงเป็นลำดับไปว่า ตามวันเวลาที่ระบุในฟ้องจำเลยได้นำสินค้าของผู้เสียหายแต่ละชนิดไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้าแต่ละรายตามราคาที่ระบุไว้รวม 14 ครั้ง ด้วยกัน และลูกค้าแต่ละรายได้ผ่อนชำระค่าสินค้าให้แก่จำเลยตามจำนวนที่ระบุในฟ้อง แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องระบุว่าจำเลยยักยอกเงินค่าสินค้าของลูกค้าทั้ง 14 ราย ไปเมื่อวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด เดือนมีนาคม 2544 แต่เงินค่าสินค้าที่จำเลยยักยอกไปแต่ละครั้งนั้น เกิดจากการที่จำเลยขายสินค้าให้แก่ลูกค้าแต่ละรายต่างกรรมต่างวาระกัน และเป็นเงินค่าสินค้าแต่ละชนิดที่ลูกค้าชำระให้ต่างคราวกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันรวม 14 กระทง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานยักยอกทรัพย์หลายกรรมต่างกัน การเรียงกระทงลงโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องแต่ละกระทงระบุถึงวันเวลาที่จำเลยนำสินค้าของผู้เสียหายแต่ละชนิดไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้ารวม 14 ครั้ง และลูกค้าแต่ละรายได้ผ่อนชำระค่าสินค้าให้แก่จำเลยครบถ้วนแล้ว ต่อมาวันเวลาใดไม่ปรากฏชัดเดือนมีนาคม 2544 จำเลยได้เบียดบังเงินค่าสินค้าของผู้เสียหายที่ลูกค้าแต่ละรายชำระให้ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 150,720 บาท ฟ้องโจทก์ได้บรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาซึ่งเกิดการกระทำผิด อีกทั้งบุคคลและสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว แม้ฟ้องโจทก์แต่ละกระทงมิได้บรรยายว่าจำเลยได้รับเงินค่าผ่อนชำระสินค้าแต่ละงวดเป็นจำนวนเท่าใด จึงรวมเป็นเงินที่จำเลยเบียดบังไป ก็เป็นเรื่องรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบให้ปรากฏในชั้นพิจารณาได้ ทั้งจำเลยย่อมทราบดีว่าจำเลยได้รับเงินค่าสินค้าจากลูกจ้างงวดละเท่าใด เพราะจำเลยเป็นผู้รับชำระจากลูกค้าด้วยตนเอง ฟ้องโจทก์แต่ละกระทงจึงไม่เคลือบคลุม
เงินค่าสินค้าที่จำเลยยักยอกไปแต่ละครั้ง เกิดจากการที่จำเลยขายสินค้าให้แก่ลูกค้าแต่ละรายต่างกรรมต่างวาระกัน และเป็นเงินค่าสินค้าแต่ละชนิดที่ลูกค้าชำระให้ต่างคราวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1400/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าต่อเนื่อง, กรรมเดียว, ไตร่ตรองไว้ก่อน: การแทงผู้เสียหายและผู้ตายในคราวเดียวกัน
จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์ เมื่อรถจักรยานยนต์ล้มผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งหนีไป จำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตายซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ในทันทีทันใดในเวลาต่อเนื่องกัน โดยจำเลยมีเจตนามุ่งประสงค์ที่จะต้องการฆ่าผู้ตาย แต่เหตุที่จำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายที่มากับผู้ตายก่อนเนื่องจากเสียหายเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์โดยมีผู้ตายนั่งซ้อนท้าย จำเลยประสงค์จะให้รถจักรยานยนต์หยุดเพื่อจะได้มีโอกาสแทงทำร้ายผู้ตายได้ต่อไป โดยที่ผู้ตายไม่สามารถซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์หลบหนี จึงเห็นเจตนาได้ว่าจำเลยประสงค์จะแทงทำร้ายทั้งผู้เสียหายและผู้ตายในคราวเดียวกัน แม้จะเป็นการกระทำสองหนและต่อบุคคลสองคนก็อยู่ในเจตนาอันเดียวกันนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย: ศาลฎีกาวินิจฉัยการเรียงกระทง
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) ซึ่งเป็นกฎหมายที่เป็นคุณและใช้บังคับแก่จำเลยคดีนั้น เป็นบทบัญญัติซึ่งให้ลงโทษผู้กระทำความผิดได้ทั้งความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดทั้งฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง จึงรับฟังได้ตามฟ้องของโจทก์ว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ต้องลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อ. มาตรา 91 ศาลฎีกาย่อมไม่อาจกำหนดโทษจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเพียงฐานใดฐานหนึ่งดังที่จำเลยฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดหลายบท: ขับรถเมาแล้วชนท้ายคันหน้า
การที่จำเลยขับรถในขณะเมาสุราอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (2), 160 วรรคสาม กับการที่จำเลยขับรถตามหลังรถคันอื่นด้วยความเร็วในระยะกระชั้นชิดจนหยุดรถไม่ทันในขณะเมาสุรา ซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์ของจำเลยไปชนรถยนต์บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (4), 157 เป็นการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกันและเป็นผลโดยตรงให้รถยนต์ดังกล่าวได้รับความเสียหาย จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แม้การกระทำความผิดดังกล่าวจะเป็นการกระทำความผิดที่ต้องมีเจตนาและไม่มีเจตนา กับบทลงโทษบัญญัติไว้คนละมาตรา ก็ไม่ทำให้การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน: การกระทำความผิดสำเร็จหลายกรรมตามจำนวนผู้เสียหาย
การโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนหรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไป อันจะทำให้เป็นความผิดสำเร็จฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนไม่จำเป็นที่จำเลยที่ 1 จะต้องกระทำการดังกล่าวต่อผู้เสียหายแต่ละคนด้วยตนเองตั้งแต่ต้นทุกครั้งเป็นคราว ๆ ไป เพียงแต่จำเลยที่ 1 แสดงข้อความดังกล่าวให้ปรากฏแก่ผู้เสียหายแม้เพียงบางคน แต่เป็นผลให้ประชาชนหลงเชื่อและนำเงินมาให้จำเลยที่ 1 กู้ยืม ก็ถือว่าเป็นการกระทำความผิดแล้ว ดังนั้นการที่ผู้เสียหายแต่ละคนนำเงินมาให้กู้ยืมและจำเลยที่ 1 รับไว้ ถือว่าเป็นความผิดสำเร็จสำหรับผู้เสียหายแต่ละคน จึงเป็นความผิดหลายกรรมตามจำนวนผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586/2549 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามครอบครองยาเสพติด จำเลยต้องมีเจตนาและโอกาสที่จะครอบครองยาเสพติดได้จริง
แม้จำเลยมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตลอดมาและจำเลยเป็นผู้สั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนจาก ย. แต่การที่จำเลยกำหนดให้ ย. นำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบวันใดก็ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์โดยให้นำไปซุกซ่อนไว้ที่ริมถนนและทำเครื่องหมายเป็นที่สังเกตไว้ จากนั้นให้ไปรับเงินที่จำเลย จึงมีหลายขั้นตอนกว่า ย. จะส่งมอบเมทแอมเฟตามีให้ไปอยู่ในเงื้อมมือของจำเลย
การที่ ย. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมก่อนถึงสถานที่ที่กำหนดให้ซุกซ่อนและยังไม่มีการแจ้งให้จำเลยทราบเพื่อให้จำเลยสามารถเข้าครอบครองเมทแอมเฟตามีนตามขั้นตอนที่ตกลงกันแต่อย่างใด จึงไกลเกินเหตุที่จำเลยจะสามารถครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางได้บรรลุผลสำเร็จ จำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
of 243