คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 432

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 105 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการยุยงให้หลบหนี ทำให้ผู้อื่นเสียค่าปรับประกัน
จำเลยได้ยุยงให้นายสมนึกจำเลยในคดีอาญาหลบหนี โดยให้เงินและฝากให้ทำงานในที่ห่างไกล ทั้งนี้ เพื่อให้โจทก์ซึ่งเป็นนายประกัน นายสมนึกถูกศาลปรับฐานผิดสัญญาประกัน นายสมนึกได้หลบหนีไป และโจทก์ได้ถูกศาลปรับฐานผิดสัญญาประกัน การกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการยุยงให้หลบหนีเพื่อทำให้คู่กรณีเสียค่าปรับประกัน
จำเลยได้ยุยงให้นายสมนึกจำเลยในคดีอาญาหลบหนี โดยให้เงินและฝากให้ทำงานในที่ห่างไกลทั้งนี้ เพื่อให้โจทก์ซึ่งเป็นนายประกันนายสมนึกถูกศาลปรับฐานผิดสัญญาประกันนายสมนึกได้หลบหนีไป และโจทก์ได้ถูกศาลปรับฐานผิดสัญญาประกัน การกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการยุยงให้หลบหนี ทำให้เกิดความเสียหายจากค่าปรับและค่าติดตามตัว
จำเลยได้ยุยงให้นายสมนึกจำเลยในคดีอาญาหลบหนี โดยให้เงินและฝากให้ทำงานในที่ห่างไกล. ทั้งนี้ เพื่อให้โจทก์ซึ่งเป็นนายประกันนายสมนึกถูกศาลปรับฐานผิดสัญญาประกัน.นายสมนึกได้หลบหนีไป และโจทก์ได้ถูกศาลปรับฐานผิดสัญญาประกัน. การกระทำของจำเลยเช่นนี้เป็นละเมิดต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ค้ำประกันลูกหนี้ร่วมกัน: ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดทั้งหมด ไม่สามารถแบ่งความรับผิดตามส่วนของลูกหนี้ได้
ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีละเมิดให้โจทก์ จำเลยทั้งสองจึงเป็นลูกหนี้ร่วมกัน มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้นเชิง จำเลยจะแบ่งชำระให้โจทก์เป็นส่วน ๆ เฉพาะของจำเลยแต่ละคนหาได้ไม่ เมื่อความรับผิดร่วมกันของจำเลยทั้งสองต่อโจทก์มีอย่างนี้ ผู้ร้องกับ บ. ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เสร็จสิ้นเชิงตามคำพิพากษาเช่นเดียวกัน จะให้ผู้ร้องกับ บ. รับผิดใช้ค่าสินไหมให้โจทก์เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 โดยแบ่งคนละครึ่งกับจำเลยที่ 2 ไม่ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432 วรรค 3 เป็นบทบัญญัติว่าด้วยส่วนแบ่งความรับผิดในเมื่อมีการเรียกร้องในระหว่างผู้ที่ต้องรับผิดร่วมกัน คือ จำเลยทั้งสองด้วยกันเอง มิใช่บทบัญญัติให้จำเลยทั้งสองซึ่งต้องรับผิดร่วมกัน แบ่งแยกกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์รับไปตามส่วนของจำเลยแต่ละคน ดังนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 จะอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432 วรรค 3 นี้มาอ้างว่าผู้ร้องมีความรับผิดเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ค้ำประกันลูกหนี้ร่วมกัน: ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบหนี้ทั้งหมด ไม่สามารถแบ่งรับผิดเฉพาะส่วน
ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน ในกรณีละเมิดให้โจทก์จำเลยทั้งสองจึงเป็นลูกหนี้ร่วมกัน มีหน้าที่ต้อง ชำระหนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้นเชิง จำเลยจะแบ่งชำระให้โจทก์เป็นส่วน ๆ เฉพาะของจำเลยแต่ละคนหาได้ไม่เมื่อความรับผิดร่วมกันของ จำเลยทั้งสอง ต่อโจทก์มีอย่างนี้ ผู้ร้องกับ บ. ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เสร็จสิ้นเชิงตามคำพิพากษา เช่นเดียวกัน จะให้ผู้ร้องกับ บ. รับผิดใช้ค่าสินไหมให้โจทก์เฉพาะส่วน ของจำเลยที่ 1 โดยแบ่งคนละครึ่งกับจำเลยที่ 2 ไม่ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432 วรรคสาม เป็นบทบัญญัติว่าด้วยส่วนแบ่งความรับผิดในเมื่อมีการเรียกร้องในระหว่างผู้ที่ต้องรับผิดร่วมกัน คือ จำเลยทั้งสองด้วยกันเองมิใช่บทบัญญัติให้จำเลยทั้งสองซึ่งต้องรับผิดร่วมกัน แบ่งแยกกันใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์รับไปตามส่วนของจำเลยแต่ละคน ดังนั้น ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 จะอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 432 วรรคสามนี้มาอ้างว่าผู้ร้องมีความรับผิดเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดร่วมกันในคดีละเมิดและการแบ่งแยกความรับผิดของจำเลยแต่ละคน
จำเลยกล่าวอ้างไว้แจ้งชัดในอุทธรณ์และในศาลชั้นต้นจำเลยก็ให้การว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ พออนุโลมได้ว่าจำเลยได้ยกความข้อที่ว่าจำเลยไม่ควรร่วมกันแทนกันรับผิดต่อโจทก์ขึ้นอ้างอิงแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 ประกอบกับมาตรา 247
ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ โดยจำเลยให้การหรือแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทำให้โจทก์ต้องออกจากตำแหน่ง แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนโจทก์เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2504 ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ปีเดียวกัน จำเลยต่างคนต่างให้การอ้างว่ารู้เห็นในหน้าที่ของตน จึงไม่มีลักษณะเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ทั้งตามฟ้องของโจทก์ก็ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ร่วมกันจึงไม่ควรที่จะให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ร่วมกันหรือแทนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางละเมิดจากการให้การเท็จต่อคณะกรรมการสอบสวน และการแบ่งแยกความรับผิดของลูกหนี้ร่วม
จำเลยกล่าวอ้างไว้แจ้งชัดในอุทธรณ์และในศาลชั้นต้นจำเลยก็ให้การ ว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ พออนุโลมได้ว่าจำเลยได้ยกความข้อที่ว่าจำเลยไม่ควรร่วมกันแทนกันรับผิดต่อโจทก์ขึ้นอ้างอิงแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 ประกอบกับมาตรา 247
ในคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ โดยจำเลยให้การหรือแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ทำให้โจทก์ต้องออกจากตำแหน่ง แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ให้การต่อคณะกรรมการสอบสวนโจทก์เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2504 ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ปีเดียวกัน จำเลยต่างคนต่างให้การอ้างว่ารู้เห็นในหน้าที่ของตน จึงไม่มีลักษณะเป็นลูกหนี้ร่วมกัน ทั้งตามฟ้องของโจทก์ก็ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยเป็นลูกหนี้ร่วมกัน จึงไม่ควรที่จะให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ร่วมกันหรือแทนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินเช่า, การยึดถือแทน, และอายุความฟ้องร้องสิทธิในที่ดิน
ข้อที่ว่าจำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยที่ 2,3 เข้าอยู่ในที่ดินเพื่อกรีดยางของโจทก์นั้น ไม่ปรากฏในคำฟ้องของโจทก์ จึงไม่มีประเด็นจะพึงวินิจฉัย
โจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 1 ร่วมในการกระทำละเมิด จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2,ที่ 3
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามขัดขวางไม่ยอมส่งมอบที่ดินตามสัญญา จำเลยที่ 1 ยังให้จำเลยที่ 2 แจ้งการครอบครองแบบ ส.ค.1 เลขที่ 288/98 ในที่ของโจทก์เพื่อฉ้อโกงโจทก์ จำเลยทั้งสามละเมิดสิทธิของโจทก์เก็บผลน้ำยางพาราวันละ 3 แผ่น เป็นเงินวันละ 30 บาทตลอดมา โจทก์ได้รับความเสียหายดังนี้ถือได้ว่า คำฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยที่ 2 ที่ 3 เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งเช่าจากโจทก์ อันเป็นการยึดถือแทนโจทก์ หาได้เข้าอยู่อย่างเป็นเจ้าของไม่ เมื่อจำเลยทั้งสามมิได้บอกกล่าวการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสามยังคงยึดถือแทนโจทก์ตามเดิม ที่พิพาทจึงเป็นของโจทก์
จำเลยอ้างว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครอง จึงเป็นกรณีตามที่มีบัญญัติไว้ในมาตรา 1375 และเมื่อฟังว่าจำเลยทั้งสามยึดถือที่พิพาทแทนโจทก์ซึ่งเท่ากับโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทอยู่ตลอดมา โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินเช่า การพิสูจน์การครอบครองแทน และอายุความฟ้องร้อง
ข้อที่ว่าจำเลยที่ 1 ยอมให้จำเลยที่ 2,3 เข้าอยู่ในที่ดินเพื่อกรีดยางของโจทก์นั้น ไม่ปรากฏในคำฟ้องของโจทก์ จึงไม่มีประเด็นจะพึงวินิจฉัย
โจทก์มิได้นำสืบว่า จำเลยที่ 1 ร่วมในการกระทำละเมิด จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามขัดขวางไม่ยอมส่งมอบที่ดินตามสัญญาจำเลยที่ 1 ยังให้จำเลยที่ 2 แจ้งการครอบครองแบบ ส.ค.1 เลขที่ 288/98 ในที่ของโจทก์เพื่อฉ้อโกงโจทก์ จำเลยทั้งสามละเมิดสิทธิของโจทก์เก็บผลน้ำยางพาราวันละ 3 แผ่นเป็นเงินวันละ 30 บาทตลอดมา โจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนี้ถือได้ว่าคำฟ้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยที่ 2 ที่ 3 เข้าอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1 ซึ่งเช่าจากโจทก์ อันเป็นการยึดถือแทนโจทก์ หาได้เข้าอยู่อย่างเป็นเจ้าของไม่ เมื่อจำเลยทั้งสามมิได้บอกกล่าวการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ ก็ต้องถือว่าจำเลยทั้งสามยังคงยึดถือแทนโจทก์ตามเดิม ที่พิพาทจึงเป็นของโจทก์
จำเลยอ้างว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครองจึงเป็นกรณีตามที่มีบัญญัติไว้ในมาตรา 1375 และเมื่อฟังว่าจำเลยทั้งสามยึดถือที่พิพาทแทนโจทก์ซึ่งเท่ากับโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่พิพาทอยู่ตลอดมา โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีของกรมตำรวจจากเงินกองกลางที่ได้จากการบริจาคและการพิสูจน์ความรับผิดของผู้รับมรดก
เงินกองกลางของกรมตำรวจอันเป็นเงินที่ได้มาจากการบริจาคของข้าราชการกรมตำรวจและประการอื่นนั้นแม้มิใช่เงินงบประมาณแผ่นดินก็นับว่าเป็นทรัพย์สินของกรมตำรวจเมื่อมีผู้ทำละเมิดเอาเงินกองกลางไป กรมตำรวจจึงมีอำนาจฟ้องผู้ทำละเมิดได้
of 11