พบผลลัพธ์ทั้งหมด 273 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2515/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เทศบาลประมาทเลินเล่อปล่อยปละละเลยดูแลรักษาสระน้ำพุ ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ความตาย ผู้ตายมีส่วนผิด
จำเลยเป็นเทศบาลมีหน้าที่ดูแลรักษาสระน้ำพุและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำน้ำพุให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยและปลอดภัย การที่จำเลยปล่อยปละละเลยไม่จัดหาอุปกรณ์มาปิดบังหรือเก็บซ่อนสายไฟฟ้าที่ต่อจากมอเตอร์ มายังเครื่องปั๊มน้ำมันซึ่งมีสภาพเก่าไว้ให้มิดชิด แต่กลับปล่อยทิ้งไว้กลางแจ้ง ทั้งจำเลยทราบแล้วว่าในวันเกิดเหตุเป็นวันสงกรานต์ มีผู้มาเล่นน้ำบริเวณน้ำพุกันมากรวมทั้งเอาน้ำในสระดังกล่าวสาด รด กัน ทำให้บริเวณรอบ ๆ น้ำพุเปียกน้ำ เป็นเหตุให้มีกระแสไฟฟ้ารั่วจากเครื่องทำน้ำพุลงไปในสระน้ำ ทำให้บุตรโจทก์ซึ่งลงไปเล่นน้ำในสระดังกล่าวถูกไฟฟ้าดูดถึงแก่ความตายเช่นนี้ ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลย
สระน้ำพุดังกล่าวจำเลยสร้างขึ้นเพื่อความสวยงาม และเป็นที่พักผ่อนหย่อน ใจของประชาชน การที่ผู้ตายลงไปเล่นน้ำในสระน้ำพุดังกล่าว ซึ่งมิใช่สถานที่จัดให้ลงไปเล่นน้ำได้ เหตุที่เกิดขึ้นจึงถือได้ว่าเป็นเพราะความผิดของผู้ตายประกอบอยู่ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ค่าสินไหมทดแทนอันโจทก์ควรจะได้รับมากน้อยเพียงใด จึงต้องอาศัยพฤติการณ์แห่งกรณีเป็นประมาณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223.
สระน้ำพุดังกล่าวจำเลยสร้างขึ้นเพื่อความสวยงาม และเป็นที่พักผ่อนหย่อน ใจของประชาชน การที่ผู้ตายลงไปเล่นน้ำในสระน้ำพุดังกล่าว ซึ่งมิใช่สถานที่จัดให้ลงไปเล่นน้ำได้ เหตุที่เกิดขึ้นจึงถือได้ว่าเป็นเพราะความผิดของผู้ตายประกอบอยู่ด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ค่าสินไหมทดแทนอันโจทก์ควรจะได้รับมากน้อยเพียงใด จึงต้องอาศัยพฤติการณ์แห่งกรณีเป็นประมาณตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 223.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทเลินเล่อในการขับรถและการแบ่งความรับผิดในค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางถนน
จำเลยขับรถยนต์โดยสารแซงรถยนต์บรรทุกของโจทก์และชนรถยนต์บรรทุกของโจทก์ในขณะที่รถยนต์บรรทุกของโจทก์กำลังเลี้ยวขวาแม้รถยนต์บรรทุกไม่ได้เลี้ยวตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด แต่การที่รถยนต์บรรทุกของโจทก์ขับชิดทางด้านซ้ายตลอดมาจนกระทั่งเกิดเหตุไม่ได้ขับชิดทางด้านขวาของเส้นแบ่งกึ่งกลางถนนในขณะให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวาเพื่อเป็นการเตรียมที่จะเลี้ยวขวา ดังนี้ รถยนต์บรรทุกของโจทก์มีส่วนประมาท ก่อให้เกิดความเสียหายอยู่ด้วยโจทก์จึงควรมีส่วนรับผิดในค่าเสียหายที่รถยนต์โดยสารก่อขึ้นหนึ่งในสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาทเลินเล่อในการขับรถ การแบ่งความรับผิด และส่วนร่วมของฝ่ายผู้เสียหาย
จำเลยขับรถยนต์โดยสารแซงรถยนต์บรรทุกของโจทก์และชนรถยนต์บรรทุกของโจทก์ในขณะที่รถยนต์บรรทุกของโจทก์กำลังเลี้ยวขวา แม้รถยนต์บรรทุกไม่ได้เลี้ยวตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด แต่การที่รถยนต์บรรทุกของโจทก์ขับชิดทางด้านซ้ายตลอดมาจนกระทั่งเกิดเหตุ ไม่ได้ขับชิดทางด้านขวาของเส้นแบ่งกึ่งกลางถนนในขณะให้สัญญาณไฟเลี้ยวขวา เพื่อเป็นการเตรียมที่จะเลี้ยวขวาดังนี้ รถยนต์บรรทุกของโจทก์มีส่วนประมาทก่อให้เกิดความเสียหายอยู่ด้วย โจทก์จึงควรมีส่วนรับผิดในค่าเสียหายที่รถยนต์โดยสารก่อขึ้นหนึ่งในสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2862/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาททางจราจร: ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามป้ายหยุดก่อนรักษาสิทธิภายใต้กฎหมายจราจร
ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั้น บทบัญญัติมาตรา 55 (4)และมาตรา 71 (1) (2) ต้องอยู่ในเงื่อนไขของมาตรา 21 ดังนั้นเมื่อโจทก์ขับขี่รถมาถึงสี่แยกที่เกิดเหตุ โจทก์ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาณจราจรและเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้ หากปรากฏว่าสี่แยกด้านที่โจทก์ขับขี่รถมามีป้ายสัญญาณจราจรให้หยุดเพื่อดูความปลอดภัย แต่โจทก์กลับขับขี่รถแล่นออกไปโดยไม่ได้หยุดและชนกับรถที่จำเลยที่ 1 ขับขี่แล่นผ่านสี่แยกจากอีกด้านหนึ่งด้วยความเร็วสูง แม้ว่าเป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 แต่ก็นับว่าโจทก์มีส่วนประมาทด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2862/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถที่สี่แยก: ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรและเครื่องหมายหยุด หากไม่ปฏิบัติตามถือว่าประมาท
ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั้น บทบัญญัติมาตรา 55(4)และมาตรา 71(1)(2) ต้องอยู่ในเงื่อนไขของมาตรา 21 ดังนั้นเมื่อโจทก์ขับขี่รถมาถึงสี่แยกที่เกิดเหตุ โจทก์ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาจราจรและเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้ หากปรากฏว่าสี่แยกด้านที่โจทก์ขับขี่รถมามีป้ายสัญญาณจราจรให้หยุดเพื่อดูความปลอดภัย แต่โจทก์กลับขับขี่รถแล่นออกไปโดยไม่ได้หยุดและชนกับรถที่จำเลยที่ 1 ขับขี่แล่นผ่านสี่แยกจากอีกด้านหนึ่งด้วยความเร็วสูง แม้ว่าเป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 แต่ก็นับว่าโจทก์มีส่วนประมาทด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2862/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับขี่และการปฏิบัติตามเครื่องหมายจราจร ผู้ขับขี่มีส่วนประมาทเมื่อไม่หยุดตามป้าย
ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั้น บทบัญญัติมาตรา 55(4) และมาตรา 71(1)(2) ต้องอยู่ในเงื่อนไขของมาตรา 21ดังนั้นเมื่อโจทก์ขับขี่รถมาถึงสี่แยกที่เกิดเหตุ โจทก์ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาณจราจรและเครื่องหมายจราจรที่ได้ติดตั้งไว้ หากปรากฏว่าสี่แยกด้านที่โจทก์ขับขี่รถมามีป้ายสัญญาณจราจรให้หยุดเพื่อดูความปลอดภัย แต่โจทก์กลับขับขี่รถแล่นออกไปโดยไม่ได้หยุดและชนกับรถที่จำเลยที่ 1 ขับขี่แล่นผ่านสี่แยกจากอีกด้านหนึ่งด้วยความเร็วสูง แม้ว่าเป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 แต่ก็นับว่าโจทก์มีส่วนประมาทด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4310-4311/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการขับรถประมาท และการรักษาพยาบาลที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แม้เลือกวิธีรักษาทางเลือก
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาททับขาโจทก์ที่ 3 แพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตรวจแล้วมีความเห็นว่าต้องตัดขาทั้งสองข้างโจทก์ที่ 3 ไม่ยอมให้ตัด ได้ออกจากโรงพยาบาลไปรักษาหมอกระดูกทางไสยศาสตร์อยู่ประมาณ 1 เดือนไม่หาย จึงไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลยาสูบแพทย์ได้ตัดขาโจทก์ที่ 3 ทั้งสองข้างการที่โจทก์ที่ 3 ไม่ยอมตัดขาทั้งสองข้างแล้วไปรักษากับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์นั้น เป็นเรื่องความเชื่อของโจทก์ที่ 3 ที่จะเลือกรักษาเช่นนั้นได้เมื่อรักษากับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์ไม่หายจึงไปรักษาที่โรงพยาบาลยาสูบโดยแพทย์ตัดขาทั้งสองข้าง ย่อมเป็นผลจากการทำละเมิดโดยตรงของจำเลยที่ 1 มิใช่เหตุแทรกซ้อนจำเลยต้องชดใช้ค่ารักษาที่โจทก์ที่ 3 ใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลกับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลทั้งสอง และค่าใช้จ่ายที่มารดาโจทก์ที่ 3 ไปดูแลโจทก์ที่ 3ขณะรักษาตัวอยู่ในที่ต่างๆและพาโจทก์ที่ 3 ไปยังสถานพยาบาลต่างๆและพากลับบ้านด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4310-4311/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การรักษาพยาบาลทางเลือก และขอบเขตความรับผิดของผู้กระทำละเมิด
จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์โดยประมาททับขาโจทก์ที่ 3 แพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตรวจแล้วมีความเห็นว่าต้องตัดขาทั้งสองข้างโจทก์ที่ 3 ไม่ยอมให้ตัด ได้ออกจากโรงพยาบาลไปรักษาหมอกระดูกทางไสยศาสตร์อยู่ประมาณ 1 เดือนไม่หาย จึงไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลยาสูบแพทย์ได้ตัดขาโจทก์ที่ 3 ทั้งสองข้างการที่โจทก์ที่ 3 ไม่ยอมตัดขาทั้งสองข้างแล้วไปรักษากับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์นั้น เป็นเรื่องความเชื่อของโจทก์ที่ 3 ที่จะเลือกรักษาเช่นนั้นได้เมื่อรักษากับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์ไม่หายจึงไปรักษาที่โรงพยาบาลยาสูบโดยแพทย์ตัดขาทั้งสองข้าง ย่อมเป็นผลจากการทำละเมิดโดยตรงของจำเลยที่ 1 มิใช่เหตุแทรกซ้อนจำเลยต้องชดใช้ค่ารักษาที่โจทก์ที่ 3 ใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลกับหมอกระดูกทางไสยศาสตร์รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลทั้งสอง และค่าใช้จ่ายที่มารดาโจทก์ที่ 3 ไปดูแลโจทก์ที่ 3 ขณะรักษาตัวอยู่ในที่ต่างๆและพาโจทก์ที่ 3 ไปยังสถานพยาบาลต่างๆและพากลับบ้านด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4129/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับเหมาและหน่วยงานราชการต่อความเสียหายจากการก่อสร้างถนน
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาทำการก่อสร้างทางได้ใช้ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ปิดกั้นขวางถนนที่กำลังก่อสร้าง โดยไม่ติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่างเพื่อให้ผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะในเวลากลางคืนมีโอกาสเห็นได้ในระยะอันสมควรเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถจะหยุดรถได้ทัน ทำให้ต้องหักรถหลบพุ่งขึ้นไปบนเกาะกลางถนน ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ประมาทเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินของบุคคลอื่นเสียหาย จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ฐานละเมิด ส่วนกรมทางหลวงจำเลยที่ 1 มีหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมแซมก่อสร้าง บำรุงรักษาถนนที่เกิดเหตุย่อมมีหน้าที่ควบคุมและจัดให้มีเครื่องหมายหรือป้าย และสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้าง และปรับปรุงถนนที่เกิดเหตุ แม้จะได้กำหนดให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงถนนให้ทำและปิดป้ายจราจร เครื่องหมายกั้นเพื่อความปลอดภัยแก่การจราจรแล้วก็ตาม จำเลยที่ 1 ก็ต้องคอยควบคุมดูแลให้ผู้รับเหมาก่อสร้างติดตั้งเครื่องหมายและสัญญาณจราจรขึ้นให้ถูกต้อง เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มิได้ติดตั้งให้ถูกต้อง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย จำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ขับรถด้วยความเร็วมิได้ใช้ความระมัดระวัง โจทก์จึงได้ชื่อว่ามีส่วนในความประมาทที่ก่อให้เกิดความเสียหายด้วยแต่จำเลยทั้งสองมีส่วนในความประมาทมากกว่า จึงให้จำเลยทั้งสองรับผิดชดใช้ค่าเสียหายสองในสามส่วนของค่าเสียหายทั้งหมด.
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ขับรถด้วยความเร็วมิได้ใช้ความระมัดระวัง โจทก์จึงได้ชื่อว่ามีส่วนในความประมาทที่ก่อให้เกิดความเสียหายด้วยแต่จำเลยทั้งสองมีส่วนในความประมาทมากกว่า จึงให้จำเลยทั้งสองรับผิดชดใช้ค่าเสียหายสองในสามส่วนของค่าเสียหายทั้งหมด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4129/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับเหมาและเจ้าของงานต่อความเสียหายจากอุบัติเหตุบนถนนก่อสร้าง และการประเมินความประมาทของผู้ขับขี่
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาทำการก่อสร้างทางใช้ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ปิดกั้นขวางถนนที่กำลังก่อสร้าง โดยไม่ติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่างเพื่อให้ผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะในเวลากลางคืนมีโอกาสเห็นได้ในระยะอันสมควร เป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถจะหยุดรถได้ทัน ทำให้ต้องหักรถหลบพุ่งขึ้นไปบนเกาะกลางถนน ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ประมาทเลินเล่อทำให้ทรัพย์สินของบุคคลอื่นเสียหายส่วนกรมทางหลวงจำเลยที่ 1 มีหน้าที่รับผิดชอบในการซ่อมแซม ก่อสร้างบำรุงรักษาถนนที่เกิดเหตุย่อมมีหน้าที่ควบคุมและจัดให้มีเครื่องหมายหรือป้าย และสัญญาณจราจรในบริเวณก่อสร้าง และปรับปรุงถนนที่เกิดเหตุแม้จะได้กำหนดให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงถนนให้ทำและปิดป้ายจราจร เครื่องหมายกั้น เพื่อความปลอดภัยแก่การจราจรแล้วก็ตาม จำเลยที่ 1 ก็ต้องคอยควบคุมดูแลให้เป็นไปโดยถูกต้อง เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 มิได้ติดตั้งให้ถูกต้อง เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายจำเลยที่ 1 ย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ขับรถด้วยความเร็วมิได้ใช้ความระมัดระวัง โจทก์จึงได้ชื่อ ว่ามีส่วนในความประมาทที่ก่อให้เกิดความเสียหายด้วย.