คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ห้วน ประชาบาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 377 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกอบอาชีพผดุงครรภ์เป็นการรับจ้างทำของ ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร แม้ไม่มีการระบุประเภทสถานพยาบาลโดยเฉพาะ
การที่โจทก์ตั้งสถานพยาบาลและผดุงครรภ์โดยโจทก์ในฐานะนางผดุงครรภ์ จัดการให้ทารกคลอดจากครรภ์มารดา โดยมีสินจ้าง ซึ่งฝ่ายหญิงมีครรภ์ต้องจ่ายให้โจทก์เมื่อโจทก์ทำคลอดแล้วนั้น เป็นการรับจ้างทำของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 587 ซึ่งต้องจดทะเบียนการค้าและเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 18) พ.ศ.2504

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันตัว: หน้าที่นายประกัน & ผลเมื่อไม่ได้ส่งตัวผู้ต้องหา
เมื่อครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาระหว่างสอบสวนครั้งแรกแล้วศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ขังต่อไปได้อีก 12 วันในวันนั้นผู้ต้องหาไม่มาศาลนายประกันขอเลื่อนไป 12 วัน และเลื่อนต่อๆ อีกหลายครั้งก็ส่งตัวผู้ต้องหาไม่ได้ ดังนี้ ศาลมีคำสั่งปรับนายประกันได้นายประกันจะหลุดพ้นความรับผิดตามสัญญาประกันได้ก็ต่อเมื่อได้นำตัวจำเลยหรือผู้ต้องหามาส่งศาลและศาลสั่งถอนประกันหรือปล่อยตัวไปการที่พนักงานสอบสวนไม่ได้ขอฝากขังผู้ต้องหาเมื่อครบกำหนดที่ขอฝากขังไว้เดิม ไม่ทำให้สัญญาประกันระงับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 258/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบเรือและน้ำมันในคดีไม้หวงห้าม: พิจารณาการใช้เป็นอุปกรณ์ในการกระทำผิด
จำเลยมีไม้สักแปรรูปเป็นกระดานแล้วจำนวน 29 แผ่น ปริมาตราเนื้อไม้ 2.65 เมตรลูกบาศก์ อันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. ไว้ในความครอบครองเกินกว่า 0.20 เมตรลูกบาศก์ ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้จังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดนครสวรรค์โดยจำเลยได้นำไม้ดังกล่าวบรรทุกมาในเรือหางยาวใช้เครื่องติดท้ายของจำเลยเองล่องมาตามลำแม่น้ำปิงจากจังหวัดกำแพงเพชรมายังจังหวัดนครสวรรค์เพื่อจะนำไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนี้เรือของกลางซึ่งเป็นยานพาหนะนั้นย่อมได้ชื่อว่าจำเลยได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิด จึงเป็นของกลางที่ต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 94 ทวิ
ฟ้องโจทก์ว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยไม้สักและเรือหางยาวติดเครื่องยนต์ซึ่งเป็นยานพาหนะที่จำเลยได้ใช้ในากรกระทำความผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดนั้น กับน้ำมันเบ็นซิน 1 ปีป น้ำมันเครื่อง 1 ลิตรเป็นของกลาง โดยมิได้บรรยายว่าน้ำมันของกลางนั้นได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดเช่นของกลางอื่น ศาลย่อมไม่ริบน้ำมันของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำฟ้องของโจทก์ในคดีอนาถา: ศาลต้องยกคำขอหากมีเหตุต้องห้าม มิใช่สั่งไม่รับฟ้อง
กรณีที่โจทก์ฟ้องและยื่นคำขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถานั้น ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าโจท์ฟ้องไม่ได้ ต้องห้าม ก้พึงสั่งยกคำขอเสีย หาควรก้าวล่วงข้ามขั้นไปสั่งไม่รับฟ้องเสียทีเดียวไม่ ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรค 3 คืนค่าธรรมเนียมศาลอุทธรณ์ ฎีกา ในชั้นนี้ให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลต้องสั่งยกคำขอฟ้องอนาถา หากเห็นว่าโจทก์ฟ้องไม่ได้ตามกฎหมาย ไม่ควรสั่งไม่รับฟ้อง
กรณีที่โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถานั้นถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ฟ้องไม่ได้ ต้องห้าม ก็พึงสั่งยกคำขอเสียหาควรก้าวล่วงข้ามขั้นไปสั่งไม่รับฟ้องเสียทีเดียวไม่ศาลฎีกาจึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และคำสั่งศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรค 3 คืนค่าธรรมเนียมศาลอุทธรณ์ฎีกาในชั้นนี้ให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การเช่า และการสิ้นสุดสัญญาเช่า รวมถึงผลกระทบทางละเมิด
จำเลยใช้สถานที่เช่าเพื่อประกอบการค้า ต่อมาจำเลยเปลี่ยนเจตนาใช้สถานที่เช่าเป็นที่อยู่อาศัย โดยโจทก์มิได้ยินยอมตกลงด้วยเช่นนี้ย่อมไม่ผูกพันโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 552จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าฯ
สัญญาเช่าครบกำหนดตามเวลาที่ตกลงกันไว้ ผู้เช่าได้ไปติดต่อขอเช่าต่อกับผู้ให้เช่า ผู้ให้เช่าไม่ยินยอมให้เช่าแม้ผู้เช่าจะครอบครองสถานที่เช่าอยู่ต่อมา ก็ถือว่าสัญญาเช่าระงับแล้วตามมาตรา 564
การที่ผู้เช่าอยู่ในสถานที่เช่าต่อมา โดยตนไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะอยู่แล้ว ถือเป็นละเมิดต่อผู้ให้เช่า เมื่อผู้ให้เช่าเอาลวดหนามมาปิดกั้นทางขึ้นลงทางด้านแม่น้ำเพื่อไม่ให้ผู้เช่าใช้สถานที่เช่าทางด้านนั้นผู้เช่าจะเรียกค่าเสียหายเพราะเหตุที่ไม่ได้ใช้สถานที่เช่าจากผู้ให้เช่าไม่ได้เพราะความเสียหายนี้เกิดจากผลที่ผู้เช่าละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณาคดีแพ่ง: การไม่มาศาลตามนัดของจำเลยทำให้ศาลดำเนินการสืบพยานฝ่ายเดียวได้ และเหตุลืมวันนัดไม่ใช่เหตุสมควรขอพิจารณาคดีใหม่
คดีแพ่ง ในวันเริ่มต้นสืบพยานโจทก์ จำเลยทราบวันนัดแล้วไม่มาศาล ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว นั้น เป็นการชอบแล้ว ข้อที่จำเลยอ้างว่าพลั้งเผลอหลงลืมวันนัดนั้น หาใช่เหตุสมควรที่จะขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณาคดี: เหตุผล 'พลั้งเผลอ' ไม่เพียงพอต่อการขอพิจารณาคดีใหม่
ทนายจำเลยทราบวันนัดพิจารณาพยานโจทก์แล้ว ทนายจำเลยและจำเลยไม่มาศาลในวันนัด. อันเป็นวันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(10) ถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาตาม มาตรา 197(2) และ202
ในกรณีขาดนัด จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าทนายจำเลยพลั้งเผลอหลงลืมวันนัดถือว่าไม่ใช่เหตุสมควรที่จะขอให้พิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 209

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาของเจ้าพนักงานต่อทรัพย์สูญหาย ต้องมีเจตนาทุจริต
ทรัพย์ของทางราชการหายโดยไม่ปรากฎว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ปกครองหรือรักษาทรัพย์นั้นได้มีเจตนาทำให้เสียหายทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำ จำเลยย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา158

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของเจ้าพนักงานต่อทรัพย์สูญหาย: ต้องมีเจตนาทุจริตหรือประมาทเลินเล่อ
ทรัพย์ของทางราชการหายโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ปกครองหรือรักษาทรัพย์นั้นได้มีเจตนาทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำจำเลยย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 158
of 38