คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ห้วน ประชาบาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 377 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์แทนผู้อื่นและสิทธิในการคืนทรัพย์เมื่อผู้รับประโยชน์บรรลุนิติภาวะ โดยสถานะบิดาโดยพฤตินัยมิอาจเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม
บิดาโดยพฤตินัย อยู่กินกับมารดาโจทก์โดยมิได้จดทะเบียนสมรสแม้จะได้ปกครองเลี้ยงดูโจทก์ตลอดมาก็ไม่อาจเป็นบิดาหรือเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์โดยชอบด้วยกฎหมายได้
จำเลยครอบครองทรัพย์สินแทนโจทก์อยู่ตราบใดที่จำเลยยังมิได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนาจะยึดถือดังกล่าวต่อไป หรือฝ่ายจำเลยครอบครองโดยสุจริตอาศัยอำนาจใหม่อันได้จากบุคคลภายนอกตราบนั้นจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิที่จะเป็นเจ้าของ
โจทก์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม ฟ้องเรียกมรดกเมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วสามเดือนเศษแม้เจ้ามรดกจะตายมาสิบกว่าปีแล้ว ก็ยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเฉลี่ยหนี้เจ้าหนี้หลายราย: ค่าฤชาธรรมเนียมคือหนี้ธรรมดา ไม่ใช่บุริมสิทธิ
ค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 329นั้น หมายถึงค่าฤชาธรรมเนียมที่ลูกหนี้จะต้องใช้ให้แก่รัฐส่วนจำนวนเงินที่ลูกหนี้จะต้องใช้แทนเจ้าหนี้ สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมที่เจ้าหนี้ได้เสียให้แก่รัฐไปแล้วนั้นแม้จะเรียกว่าเป็นค่าฤชาธรรมเนียม แต่แท้จริงก็เป็นจำนวนเงินที่ใช้แทนกันตามธรรมดา หาใช่ค่าฤชาธรรมเนียมอันลูกหนี้จะต้องเสียให้แก่รัฐไม่จึงถือได้ว่าเป็นหนี้จำนวนหนึ่งอันลูกหนี้จะต้องใช้ให้แก่เจ้าหนี้ตามธรรมดานั่นเอง
ในกรณีที่มีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหลายคนการเฉลี่ยส่วนได้ของเจ้าหนี้ได้มีวิธีการกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 319 ว่าเมื่อหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีไว้แล้ว ก็ให้ชำระหนี้ที่มีบุริมสิทธิเสียก่อน แล้วจึงเฉลี่ยตามส่วนของหนี้สินให้แก่เจ้าหนี้ที่ขอเฉลี่ย เมื่อค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องคดีของเจ้าหนี้ไม่เป็นบุริมสิทธิ จึงต้องรวมเฉลี่ยให้เช่นเดียวกับหนี้สินธรรมดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการชำระหนี้ค่าฤชาธรรมเนียม: แยกค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้รัฐกับเงินทดแทนเจ้าหนี้
ค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 329 นั้น หมายถึง ค่าฤชาธรรมเนียมที่ลูกหนี้จะต้องใช้ให้แก่รัฐส่วนจำนวนเงินที่ลูกหนี้จะต้องใช้แทนเจ้าหนี้สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมที่เจ้าหนี้ได้เสียให้แก่รัฐไปแล้วนั้น แม้จะเรียกว่าเป็นค่าฤชาธรรมเนียม แต่แท้จริงก็เป็นจำนวนเงินที่ใช้แทนกันตามธรรมดา หาใช่ค่าฤชาธรรมเนียมอันลูกหนี้จะต้องเสียให้แก่รัฐไม่ จึงถือได้ว่าเป็นหนี้จำนวนหนึ่งอันลูกหนี้จะต้องใช้ให้แก่เจ้าหนี้ตามธรรมดานั่นเอง
ในกรณีที่มีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหลายคน การเฉลี่ยส่วนได้ของเจ้าหนี้ได้มีวิธีการกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 319 ว่า เมื่อหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีไว้แล้ว ก็ให้ชำระหนี้ที่มีบุริมสิทธิเสียก่อน แล้วจึงเฉลี่ยตามส่วนของหนี้สินให้แก่เจ้าหนี้ที่ขอเฉลี่ย เมื่อค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องคดีของเจ้าหนี้ไม่เป็นหนี้มีบุริมสิทธิ จึงต้องรวมเฉลี่ยให้เช่นเดียวกับหนี้สินธรรมดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ของมัสยิด การยกที่ดินให้โดยไม่ทำหนังสือ และการครอบครองโดยสงบและเปิดเผย
พระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 บัญญัติให้การดำเนินงานของคณะกรรมการมัสยิดเป็นไปตามเสียงข้างมากอิหม่ามกับกรรมการอื่นๆ ซึ่งเป็นเสียงข้างมากจึงมีอำนาจดำเนินคดีในนามของมัสยิดโจทก์ได้
ผู้มีชื่อยกที่พิพาทให้โจทก์โดยมิได้ทำเป็นหนังสือ แล้วเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทให้โจทก์ตลอดมาจำเลยซึ่งเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมก็มิได้คัดค้านการกระทำของผู้มีชื่อนั้นเมื่อผู้มีชื่อตายทายาทก็เข้ารับเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทนำส่งโจทก์ตลอดมาย่อมถือได้ว่าโจทก์เข้าถือสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาทโดยทายาทของผู้มีชื่อนั้นเป็นผู้ดูแลแทนเมื่อทายาทงดเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทนำส่งโจทก์ โจทก์ก็เข้าเก็บทำเอง โดยจำเลยหรือบุคคลอื่นใดมิได้ขัดขวาง ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผยตลอดมา และเมื่อได้ครอบครองเกินกว่า10 ปี โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ของมัสยิด: การครอบครองโดยสงบและเปิดเผยต่อเนื่องเกิน 10 ปี
พระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ.2490 บัญญัติให้การดำเนินงานของคณะกรรมการมัสยิดเป็นไปตามเสียงข้างมาก อิหม่ามกับกรรมการอื่น ๆ ซึ่งเป็นเสียงข้างมากจึงมีอำนาจดำเนินคดีในนามของมัสยิดโจทก์ได้
ผู้มีชื่อยกที่พิพาทให้โจทก์โดยมิได้ทำเป็นหนังสือ แล้วเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทให้โจทก์ตลอด จำเลยซึ่งเป็นซึ่งผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมก็มิได้คัดค้านการกระทำของผู้มีชื่อนั้น เมื่อผู้มีชื่อตายทายาทก็เข้ามารับเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทนำส่งโจทก์ตลอดมา ย่อมถือได้ว่าโจทก์เข้าถือสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของที่พิพาทโดยทายาทของผู้มีชื่อนั้นเป็นผู้ดูแลแทน เมื่อทายาทงดเก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทนำส่งโจทก์ โจทก์ก็เข้าเก็บทำเอง โดยจำเลยหรือบุคคลอื่นใดมิได้ขัดขวางดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและเปิดเผยตลอดมา และเมื่อได้ครอบครองเกินกว่า 10 ปี โจทก์ย่อมได้กรรมสิทธิ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ปืนป้องกันตัวจากการบุกรุกและทำร้ายร่างกายเพื่อลักทรัพย์ ศาลเห็นว่าเป็นการกระทำที่สมควรแก่เหตุ
ข้อเท็จจริงได้ความว่าแถวนั้นมีผู้ร้ายชุกชุมฝ่ายผู้ตายมีพวกมาด้วยกันถึง 3 คน บุกรุกเข้ามาลักทรัพย์ในไร่จำเลยจำเลยร้องทักว่าใคร 2 ครั้ง ฝ่ายผู้ตายก็ใช้กระบองขว้าง 2 ครั้ง พยายามที่จะทำให้จำเลยกับพวกบาดเจ็บเป็นการใช้กำลังเพื่อประทุษร้ายจำเลยให้เป็นความสะดวกในการที่ผู้ตายจะทำการลักทรัพย์ขณะเกิดเหตุเดือนมืดมองไม่เห็นกันจำเลยรู้ไม่ได้ว่าผู้ตายกับพวกมีปืนมีมีดติดตัวมาด้วยหรือไม่การที่จำเลยใช้ปืนยิงต่อสู้ไปนัดเดียวแล้ววิ่งกลับบ้าน แสดงว่าจำเลยมีความกลัวผู้ร้ายอยู่มากเห็นได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงไปในขณะที่เห็นได้ว่าภยันตรายใกล้จะถึงตัวจำเลยกับพวกอยู่แล้วการกระทำของจำเลยจึงเป็นไปพอสมควรแก่เหตุไม่มีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเอง/ทรัพย์สินจากผู้บุกรุกและการใช้กำลังสมควรแก่เหตุในสถานการณ์คับขัน
ข้อเท็จจริงได้ความว่า แถวนั้นมีผู้ร้ายชุกชุมฝ่ายผู้ตายมีพวกมาด้วยกันถึง 3 คน บุกรุกเข้ามาลักทรัพย์ในไร่จำเลย จำเลยร้องทักว่า ใคร 2 ครั้ง ฝ่ายผู้ตายก็ใช้กระบองขว้าง 2 ครั้ง พยายามที่จะทำให้จำเลยกับพวกบาดเจ็บ เป็นการใช้กำลังเพื่อประทุษร้ายจำเลยให้เป็นความสะดวกในการที่ผู้ตายจะทการลักทรัพย์ ขณะเกิดเหตุเดือนมืดมองไม่เห็นกัน จำเลยรู้ไม่ได้ว่าผู้ตายกับพวกมีปืนมีมีดติดตัวมาด้วยหรือไม่ การที่จำเลยใช้ปืนยิงต่อสู้ไปนัดเดียวแล้ววิ่งกลับบ้าน แสดงว่าจำเลยมีความกลัวผู้ร้ายอยู่มาก เห็นได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงไปในขณะที่เห็นได้ว่าภยันตรายใกล้จะถึงตัวจำเลยกับพวกอยู่แล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นไปพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งคืนของกลางจำกัดเฉพาะกรณีมีคำเสนอของเจ้าของแท้จริงที่ไม่ได้รู้เห็นการกระทำผิด
คดีนี้กับคดีก่อนเป็นกรณีเดียวกัน ทรัพย์สินของกลางศาลพิพากษาริบแล้วในคดีก่อน โจทก์กล่าวถึงทรัพย์สินนั้นมาในฟ้องคดีนี้ให้บริบูรณ์และมิได้มีคำขออย่างใด ทรัพย์สินนั้นจึงไม่ใช่ของกลางคดีนี้ ดังนี้ ศาลไม่มีอำนาจที่จะพึงสั่งคืนให้จำเลย และจะสั่งคืนได้ก็ต่อเมื่อมีคำเสนอของเจ้าของขอคืนในคดีก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 660/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการสั่งคืนของกลางที่ริบแล้ว: กรณีทรัพย์สินเดียวกันฟ้องหลายคราว จำเป็นต้องมีคำเสนอของเจ้าของ
คดีนี้กับคดีก่อนเป็นกรณีเดียวกันทรัพย์สินของกลางศาลพิพากษาริบแล้วในคดีก่อน โจทก์กล่าวถึงทรัพย์สินนั้นมาในฟ้องคดีนี้ให้บริบูรณ์และมิได้มีคำขออย่างใดทรัพย์สินนั้นจึงไม่ใช่ของกลางคดีนี้ดังนี้ ศาลไม่มีอำนาจที่จะพึงสั่งคืนให้จำเลยและจะสั่งคืนได้ก็ต่อเมื่อมีคำเสนอของเจ้าของขอคืนในคดีก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิทายาทในทรัพย์สินร่วม และสิทธิเจ้าหนี้ในการบังคับคดี โดยไม่กระทบสิทธิผู้อื่น
ผู้ตายและจำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทร่วมกันเมื่อผู้ตายตายที่ดินส่วนของผู้ตายย่อมเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิจะยึดทรัพย์ส่วนของจำเลยมาชำระหนี้ตนได้แต่ต้องไม่ทำให้กระทบกระเทือนถึงส่วนได้ของผู้อื่นผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิร่วมกับจำเลย
เมื่อทรัพย์ซึ่งเป็นของบุคคลหลายคนรวมกันถูกขายทอดตลาดตามคำพิพากษาของศาล เจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ร่วมกับจำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลกันส่วนได้ของตนเสียภายในห้าปี
of 38