คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เสนอ บุณยเกียรติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 664 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1606-1607/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้ผลประโยชน์จากสิทธิในทรัพย์สินโดยไม่มีกำหนดระยะเวลาและไม่ได้จดทะเบียน ทำให้คำมั่นนั้นไม่ผูกพัน
ข้อตกลงว่าจะให้ทรัพย์สินอันเป็นผลประโยชน์ที่ผู้ให้จะได้รับจากบริษัทเป็นคราวๆ ตามที่จำหน่ายได้ เป็นคำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สิน เมื่อไม่มีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้ให้ตลอดไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1606-1607/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงให้ทรัพย์สินโดยไม่มีการจดทะเบียน ไม่ผูกพันตลอดไป การให้โดยเสน่หาเลิกสัญญาได้
ข้อตกลงว่าจะให้ทรัพย์สินอันเป็นผลประโยชน์ที่ผู้ให้จะได้รับจากบริษัทเป็นคราวๆ ตามที่จำหน่ายได้ เป็นคำมั่นว่าจะให้ทรัพย์สิน เมื่อไม่มีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้ให้ตลอดไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาหลอกลวงเพื่อเอาเงินทอนเข้าตัวเอง ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ไม่ใช่ลักทรัพย์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ได้อุทธรณ์ไม่มีความผิดดังฟ้อง โดยลักษณะคดีศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาให้เป็นคุณรวมไปถึงจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213(อ้างฎีกาที่ 1370/2503)
จำเลยเข้าไปขอซื้อสบู่ในร้านผู้เสียหาย 1 ก้อน ราคา 3 บาท จำเลยส่งธนบัตรใบละ 100 บาทให้ ผู้เสียหายทอนให้ 97 บาท ต่อมาจำเลยพูดว่าไม่ต้องการสบู่ขอเงินคืน พร้อมกับส่งสบู่และเงินทอนให้ผู้เสียหายผู้เสียหายรับเงินทอนโดยไม่นับดู แล้วคืนธนบัตร 100 บาทให้จำเลย จำเลยรับแล้วก็รีบออกจากร้านไปดังนี้เจตนาของจำเลยก็เพื่อต้องการเงินจำนวนหนึ่งจากเจ้าทรัพย์โดยใช้อุบายทำทีว่าจะซื้อสบู่ ด้วยการชำระเงินด้วยธนบัตรใบละ 100 บาท เพื่อเจ้าทรัพย์จะได้ทอนเงินปลีกให้ เมื่อได้เงินทอนแล้วก็กลับบอกเลิกไม่ซื้อสบู่และขอธนบัตรใบละ 100 บาทคืน โดยมอบเงินทอนให้แก่เจ้าทรัพย์แต่ฉวยโอกาสทำการทุจริตยักเอาเงินไว้เสีย 50 บาท โดยแกล้งทำเป็นซื้อสบู่เป็นฉากบังหน้าอันเป็นเท็จ เพื่อหลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินคือเงินส่วนหนึ่งที่เจ้าทรัพย์ทอนให้เพราะหลงเชื่อในการหลอกลวงนั้น การกระทำของจำเลยเป็นผิดฐานฉ้อโกง
เมื่อความผิดของจำเลยที่ได้ความตามทางพิจารณาเป็นฐานฉ้อโกง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ ไม่ประสงค์ให้ลงโทษฐานฉ้อโกง ศาลจะลงโทษจำเลยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาหลอกลวงเพื่อเอาเงินทอนเข้าข่ายฉ้อโกง แม้ฟ้องฐานลักทรัพย์ ศาลไม่ลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ได้อุทธรณ์ ไม่มีความผิดดังฟ้อง โดยลักษณะคดีศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาให้เป็นคุณรวมไปถึงจำเลยที่ไม่ได้อุทธรณ์ด้วยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213 (อ้างฎีกาที่ 1370/2503)
จำเลยเข้าไปขอซื้อสบู่ในร้านผู้เสียหาย 1 ก้อน ราคา 3 บาท จำเลยส่งธนบัตรใบละ 100 บาทให้ ผู้เสียหายทอนให้ 97 บาท ต่อมาจำเลยพูดว่าไม่ต้องการสบู่ขอเงินคืน พร้อมกับส่งสบู่และเงินทอนให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายรับเงินทอนโดยไม่นับดู แล้วคืนธนบัตร 100 บาทให้จำเลย จำเลยรับแล้วก็รีบออกจากร้านไป ดังนี้ เจตนาของจำเลยก็เพื่อต้องการเงินจำนวนหนึ่งจากเจ้าทรัพย์ โดยใช้อุบายทำทีว่าจะซื้อสบู่ ด้วยการชำระเงินด้วยธนบัตรใบละ 100 บาท เพื่อเจ้าทรัพย์จะได้ทอนเงินปลีกให้เมื่อได้เงินทอนแล้วก็กลับบอกเลิกไม่ซื้อสบู่ และขอธนบัตรใบละ 100 บาทคืน โดยมอบเงินทอนให้แก่เจ้าทรัพย์ แต่ฉวยโอกาสทำการทุจริตยักเอาเงินไว้เสีย 50 บาท โดยแกล้งทำเป็นซื้อสบู่เป็นฉากบังหน้าอันเป็นเท็จ เพื่อหลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินคือเงินส่วนหนึ่งที่เจ้าทรัพย์ทอนให้ เพราะหลงเชื่อในการหลอกลวงนั้น การกระทำของจำเลยเป็นผิดฐานฉ้อโกง
เมื่อความผิดของจำเลยที่ได้ความตามทางพิจารณาเป็นฐานฉ้อโกง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ ไม่ประสงค์ให้ลงโทษฐานฉ้อโกง ศาลจะลงโทษจำเลยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ความรู้เกี่ยวกับลักษณะกระสุนปืน: โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นกระสุนเฉพาะทาง
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานแสดงให้เห็นว่าความจริงจำเลยย่อมทราบตั้งแต่ได้ครอบครองกระสุนปืนของกลางว่าเป็นกระสุนสำหรับใช้แต่เฉพาะในการสงคราม ก็จะลงโทษจำเลยในความผิดฐานนั้นหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1500/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบความรู้เรื่องกระสุนปืน: โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยรู้ว่าเป็นกระสุนสงคราม
เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานแสดงให้เห็นว่า ความจริงจำเลยย่อมทราบตั้งแต่ได้ครอบครองกระสุนปืนของกลางว่าเป็นกระสุนสำหรับใช้แต่เฉพาะในการสงคราม ก็จะลงโทษจำเลยในความผิดฐานนั้นหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงด้วยอาวุธร้ายแรง ศาลพิพากษายืนตามโทษเดิม
จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายด้านหลังในระยะห่างประมาณ 1 วา ยิงไปที่สบักซ้ายซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย ย่อมแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงด้วยอาวุธร้ายแรง: การพิจารณาจากระยะ, ตำแหน่งที่ยิง, และอาวุธที่ใช้
จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายด้านหลังในระยะห่างประมาณ 1 วา ยิงไปที่สบักซ้ายซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย ย่อมแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทซื้อขายปอ: การผิดสัญญาไม่ใช่ฉ้อโกง
บรรยายฟ้องว่าโจทก์จำเลยตกลงซื้อขายปอกัน โดยจำเลยซื้อปอไปจากโจทก์แล้วไม่นำเงินค่าปอมาชำระในวันที่ได้ตกลงไว้ แม้จะได้กล่าวว่า จำเลยมีเจตนาทุจริต คิดฉ้อโกงโจทก์มาแต่แรก ก็เป็นเรื่องผิดนัดผิดสัญญากันในทางแพ่ง มิใช่เป็นเรื่องจำเลยแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยมิชอบ ดังนี้จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตคิดฉ้อโกงโจทก์ เป็นคำบรรยายฟ้องที่ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1473/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายปอและการผิดสัญญา ไม่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง
คำบรรยายฟ้องที่ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
of 67