พบผลลัพธ์ทั้งหมด 664 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามทัณฑ์บนศุลกากร: การส่งออกโดยผู้ประกอบการอื่นไม่ถือเป็นการผิดสัญญา
บริษัทจำเลยและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลยู่ฮงจั่นเซ่งเฮง ได้ร่วมกันทำทัณฑ์บนให้ไว้ต่อกรมศุลกากรโจทก์ว่าจะใช้ถุงกระดาษที่บริษัทจำเลยสั่งเข้ามานั้นบรรจุผลิดภัณฑ์ภายใน 1 ปี เมื่อห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลยู่ฮงจั่นเซ่งเฮงได้ใช้ถุงกระดาษเพื่อกิจการนั้นไปบางส่วนแล้ว ก็เลิกกิจการค้าไป บริษัทจำเลยจึงได้ให้บริษัทไทวาเทรดดิ้งจำกัดผู้ประกอบอุตสาหกรรมใช้ถุงกระดาษนั้นบรรจุผลิตภัณฑ์ส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศแทนภายในกำหนด 1 ปีตามทัณฑ์บน การที่บริษัทจำเลยจัดให้มีการกระทำตามทัณฑ์บนได้และในทัณฑ์บนก็ไม่มีข้อความใดห้ามไม่ให้ผู้อื่นนอกจากผู้ทำทัณฑ์บนเป็นผู้ส่งออก เช่นนี้ จะว่าจำเลยทำผิดทัณฑ์บนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินที่ถูกจัดสรรนิคมต้องเป็นที่รกร้าง หากมีผู้ครอบครองทำประโยชน์ก่อน สิทธิครอบครองเดิมย่อมคุ้มครอง
คดีอาญาที่ฎีกาได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนข้อเท็จจริงศาลฎีกาต้องถือตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้น ถ้าข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายังไม่พอ ศาลฎีกาหยิบยกข้อเท็จจริงอย่างอื่นขึ้นพิจารณาประกอบด้วยได้
ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2485 มาตรา4 แสดงว่า ที่ดินซึ่งรัฐบาลจะจัดตั้งนิคมสร้างตนเองได้นั้น พึงเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่ายังไม่มีผู้ใดเข้ายึดถือครอบครองทำกินอยู่ก่อน ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดิน 25 ไร่นี้ จำเลย(ซึ่งเป็นสมาชิกของนิคม) ได้ครอบครองทำประโยชน์มาก่อน ทางราชการจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรี และที่ดินรายนี้ไม่ใช่ที่ดินรกร้างว่างเปล่าเสียแล้วในขณะพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรี พ.ศ.2485 ออกตามอำนาจในพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพพ.ศ.2485 ใช้บังคับ (ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 974/2505)เช่นนี้จะนำกฎหมายหรือข้อบังคับว่าด้วยการเข้าอยู่ในที่ดินจัดสรรของนิคมฯมาใช้บังคับไม่ได้ คำสั่งที่ผู้ปกครองนิคมฯออกประกาศถอนสิทธิให้จำเลยออกไปจากที่ดินไม่มีผลแก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยจะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศคำสั่งนั้น ก็จะเอาผิดแก่จำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างหาได้ไม่
ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2485 มาตรา4 แสดงว่า ที่ดินซึ่งรัฐบาลจะจัดตั้งนิคมสร้างตนเองได้นั้น พึงเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่ายังไม่มีผู้ใดเข้ายึดถือครอบครองทำกินอยู่ก่อน ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดิน 25 ไร่นี้ จำเลย(ซึ่งเป็นสมาชิกของนิคม) ได้ครอบครองทำประโยชน์มาก่อน ทางราชการจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรี และที่ดินรายนี้ไม่ใช่ที่ดินรกร้างว่างเปล่าเสียแล้วในขณะพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรี พ.ศ.2485 ออกตามอำนาจในพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพพ.ศ.2485 ใช้บังคับ (ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 974/2505)เช่นนี้จะนำกฎหมายหรือข้อบังคับว่าด้วยการเข้าอยู่ในที่ดินจัดสรรของนิคมฯมาใช้บังคับไม่ได้ คำสั่งที่ผู้ปกครองนิคมฯออกประกาศถอนสิทธิให้จำเลยออกไปจากที่ดินไม่มีผลแก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยจะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศคำสั่งนั้น ก็จะเอาผิดแก่จำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินครอบครองก่อนจัดตั้งนิคมฯ ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายนิคมฯ สิทธิครอบครองเดิมย่อมได้รับการคุ้มครอง
คดีอาญาที่ฎีกาได้ แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายส่วนข้อเท็จจริงศาลฎีกาต้องถือตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมานั้น ถ้าข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลอุทธรณ์ฟังมายังไม่พอศาลฎีกาหยิบยกข้อเท็จจริงอย่างอื่นขึ้นพิจารณาประกอบด้วยได้
ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพพ.ศ.2485 มาตรา 4 แสดงว่า ที่ดินซึ่งรัฐบาลจะจัดตั้งนิคมสร้างตนเองได้นั้น พึงเป็นที่ดินรกร้างว่างเล่ายังไม่มีผู้ใดเข้ายึดถือครอบครองทำกินอยู่ก่อน ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดิน 25 ไร่นี้ จำเลย(ซึ่งเป็นสมาชิกของนิคมฯ) ได้ครอบครองทำประโยชน์มาก่อนทางราชการจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรี และที่ดินรายนี้ไม่ใช่ที่ดินรกร้างว่างเปล่าเสียแล้วในขณะพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรี พ.ศ.2485 ออกตามอำนาจในพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2485 ใช้บังคับ(ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 934/2505) เช่นนี้ จะนำกฎหมายหรือข้อบังคับว่าด้วยการเข้าอยู่ในที่ดินจัดสรรของนิคมฯ มาใช้บังคับไม่ได้ คำสั่งที่ผู้ปกครองนิคมฯ ออกประกาศถอนสิทธิให้จำเลยออกไปจากที่ดินจัดสรรของนิคมฯมาใช้บังคับไม่ได้ คำสั่งที่ผุ้ปกครองนิคมฯ ออกประกาศถอนสิทธิให้จำเลยออกไปจากที่ดิไม่มีผลแก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยจะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศคำสั่งนั้น ก็จะเอาผิดแก่จำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างหาได้ไม่
ตามพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพพ.ศ.2485 มาตรา 4 แสดงว่า ที่ดินซึ่งรัฐบาลจะจัดตั้งนิคมสร้างตนเองได้นั้น พึงเป็นที่ดินรกร้างว่างเล่ายังไม่มีผู้ใดเข้ายึดถือครอบครองทำกินอยู่ก่อน ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดิน 25 ไร่นี้ จำเลย(ซึ่งเป็นสมาชิกของนิคมฯ) ได้ครอบครองทำประโยชน์มาก่อนทางราชการจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรี และที่ดินรายนี้ไม่ใช่ที่ดินรกร้างว่างเปล่าเสียแล้วในขณะพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองในจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรี พ.ศ.2485 ออกตามอำนาจในพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2485 ใช้บังคับ(ดังนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 934/2505) เช่นนี้ จะนำกฎหมายหรือข้อบังคับว่าด้วยการเข้าอยู่ในที่ดินจัดสรรของนิคมฯ มาใช้บังคับไม่ได้ คำสั่งที่ผู้ปกครองนิคมฯ ออกประกาศถอนสิทธิให้จำเลยออกไปจากที่ดินจัดสรรของนิคมฯมาใช้บังคับไม่ได้ คำสั่งที่ผุ้ปกครองนิคมฯ ออกประกาศถอนสิทธิให้จำเลยออกไปจากที่ดิไม่มีผลแก่จำเลยโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยจะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศคำสั่งนั้น ก็จะเอาผิดแก่จำเลยตามบทกฎหมายที่โจทก์อ้างหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนประกันภัย: ความรับผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมกิจการค้าขายฯ เฉพาะผู้ประกอบการ
พระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน พ.ศ.2471 มาตรา 7 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2489 มาตรา 3 นั้น มุ่งประสงค์จะลงโทษผู้ประกอบกิจการประกันภัยโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะตัว ผู้กระทำผิดจะต้องเป็นผู้ประกอบกิจการประกันภัยเอง ผู้การทำการเพียงเป็นตัวแทนหรือนายหน้าไม่มีความผิด เมื่อจำเลยเป็นแต่เพียงตัวแทนหรือนายหน้าหาลูกค้าเท่านั้น โจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายดังกล่าวไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2507)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1090/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ประกอบกิจการประกันภัยโดยไม่ได้รับอนุญาต: ความรับผิดเฉพาะตัว
พระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชนพ.ศ.2471 มาตรา 7 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุกแห่งสาธารณชน(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2499 มาตรา 3 นั้น มุ่งประสงค์จะลงโทษผู้ประกอบกิจการประกันภัยโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะตัวผู้กระทำผิดจะต้องเป็นผู้ประกอบกิจการประกันภัยเอง ผู้กระทำการเพียงเป็นตัวแทนหรือนายหน้าไม่มีความผิด เมื่อจำเลยเป็นแต่เพียงตัวแทนหรือนายหน้าหาลูกค้าเท่านั้นโจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามบทกฎหมายดังกล่าวไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการนำสืบข้อต่อสู้เปลี่ยนแปลงสัญญากู้เป็นมัดจำซื้อขาย และประเด็นการชำระหนี้ด้วยการโอนที่ดิน
เมื่อจำเลยให้การรับว่า ได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินให้โจทก์ไว้จริง จำเลยจะขอนำสืบตามข้อต่อสู้ว่าหนังสือสัญญากู้นั้นทำขึ้นแทนหนังสือวางเงินมัดจำในการที่จำเลยขายที่ดินให้โจทก์ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยมีสิทธินำสืบได้ว่า ได้มีการโอนที่ดินใช้หนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์ อันเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นแทนเงินกู้ให้แก่โจทก์แล้ว แต่ในคำให้การของจำเลยมิได้กล่าวตั้งเป็นประเด็นข้อนี้ไว้โดยชัดแจ้งก็ไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบในข้อนี้ได้
จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยมีสิทธินำสืบได้ว่า ได้มีการโอนที่ดินใช้หนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์ อันเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นแทนเงินกู้ให้แก่โจทก์แล้ว แต่ในคำให้การของจำเลยมิได้กล่าวตั้งเป็นประเด็นข้อนี้ไว้โดยชัดแจ้งก็ไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบในข้อนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานหลักฐานขัดแย้งกับข้อตกลงเดิมและการใช้สิทธิเรียกร้องชำระหนี้ด้วยการโอนที่ดิน
เมื่อจำเลยให้การรับว่า ได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินให้โจทก์ไว้จริง จำเลยจะขอนำสืบตามข้อต่อสู้ว่า หนังสือสัญญากู้นั้นทำขึ้นแทนหนังสือวางเงินมัดจำในการที่จำเลยขายที่ดินให้โจทก์ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยมีสิทธินำสืบได้ว่า ได้มีการโอนที่ดินใช้หนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์อันเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นแทนเงินกู้ให้แก่โจทก์แล้ว แต่ในคำให้การของจำเลยมิได้กล่าวตั้งเป็นประเด็นข้อนี้ไว้โดยชัดแจ้ง ก็ไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบในข้อนี้ได้
จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยมีสิทธินำสืบได้ว่า ได้มีการโอนที่ดินใช้หนี้เงินกู้ให้แก่โจทก์อันเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นแทนเงินกู้ให้แก่โจทก์แล้ว แต่ในคำให้การของจำเลยมิได้กล่าวตั้งเป็นประเด็นข้อนี้ไว้โดยชัดแจ้ง ก็ไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบในข้อนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการวางท่อระบายน้ำผ่านที่ดินของผู้อื่นต้องมีค่าทดแทนและที่ดินติดต่อกัน หากไม่มีสิทธิไม่สมบูรณ์
จำเลยวางท่อระบายน้ำจากโรงงานในที่ดินของจำเลยผ่านเข้าไปในที่ดินของโจทก์ เมื่อได้ความว่าจำเลยมิได้ให้ค่าทดแทนแก่โจทก์ ทั้งที่ดินของจำเลยก็มิได้ติดต่อกับที่ดินของโจทก์ด้วย จำเลยก็ไม่มีสิทธิที่จะล่วงแดนเข้าไปวางท่อระบายน้ำในที่ดินของโจทก์โดยอาศัยมาตรา 1352 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และการที่โจทก์ยินยอมด้วยวาจาให้จำเลยฝังท่อระบายน้ำในที่ดินของโจทก์ ก็มีผลเพียงให้จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้นเท่านั้น แต่จำเลยไม่มีสิทธิที่จะยกเอาความยินยอมนั้นขึ้นผูกพันโจทก์อยู่ตลอดไปเมื่อโจทก์บอกเลิกคำอนุญาต ให้จำเลยขนย้ายท่อระบายน้ำออกไป จำเลยไม่ปฏิบัติตาม ก็เป็นการละเมิดล่วงแดนกรรมสิทธิ์ในที่ดินของโจทก์ ฉะนั้น การที่โจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนออกไปนั้นจึงทำได้โดยชอบ ไม่ใช่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริต มีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
อนึ่ง ความตกลงยินยอมของโจทก์ดังกล่าวนั้นได้ก่อให้เกิดภาระในที่ดินของโจทก์จัดอยู่ในลักษณะที่ว่าด้วยภารจำยอม และภารจำยอมก็เป็นทรัพย์สิทธิอย่างหนึ่ง เมื่อการได้มาโดยนิติกรรมซึ่งทรัพย์สิทธิของจำเลยนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน นิติกรรมนี้ก็ไม่บริบูรณ์
อนึ่ง ความตกลงยินยอมของโจทก์ดังกล่าวนั้นได้ก่อให้เกิดภาระในที่ดินของโจทก์จัดอยู่ในลักษณะที่ว่าด้วยภารจำยอม และภารจำยอมก็เป็นทรัพย์สิทธิอย่างหนึ่ง เมื่อการได้มาโดยนิติกรรมซึ่งทรัพย์สิทธิของจำเลยนี้ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน นิติกรรมนี้ก็ไม่บริบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พระราชทานอภัยโทษไม่ลบล้างคำพิพากษาเดิม และสิทธิการฟ้องกักกันยังคงมี
แม้จำเลยจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษให้ลดโทษลงเพียงใด ถึงขั้นปล่อยตัวไปก็ตาม คำพิพากษาของศาลที่กำหนดโทษไว้เดิมนั้นก็หาได้ถูกลบล้างไปไม่
การที่ศาลทหารกล่าวไว้ในคำพิพากษาให้ยกคำขอที่ขอให้กักกันจำเลย เพราะไม่อยู่ในอำนาจของศาลทหารนั้น หาตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องขอให้กักกันจำเลยต่อศาลที่มีอำนาจไม่
การที่ศาลทหารกล่าวไว้ในคำพิพากษาให้ยกคำขอที่ขอให้กักกันจำเลย เพราะไม่อยู่ในอำนาจของศาลทหารนั้น หาตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องขอให้กักกันจำเลยต่อศาลที่มีอำนาจไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พระราชทานอภัยโทษไม่ลบล้างคำพิพากษาเดิม และสิทธิในการฟ้องขอโทษกักกันยังคงมี
แม้จำเลยจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษให้ลดโทษลงเพียงใด ถึงขั้นปล่อยตัวไปก็ตาม คำพิพากษาของศาลที่กำหนดโทษไว้เดิมนั้นก็หาได้ถูกลบล้างไปไม่
การที่ศาลทหารกล่าวไว้ในคำพิพากษาให้ยกคำขอที่ขอให้กักกันจำเลยเพราะไม่อยู่ในอำนาจของศาลทหารนั้น หาตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องขอให้กักกันจำเลยต่อศาลทีมีอำนาจไม่
การที่ศาลทหารกล่าวไว้ในคำพิพากษาให้ยกคำขอที่ขอให้กักกันจำเลยเพราะไม่อยู่ในอำนาจของศาลทหารนั้น หาตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องขอให้กักกันจำเลยต่อศาลทีมีอำนาจไม่